Ep.440 - งานประชุม
2/2
Ep.440 - งานประชุม
ฮังอวี่พยายามสำรวจขุมพลังทั้งหลายในแคว้นเดียวดาย
ปีศาจศิลาผู้พิชิตคือขุนนางใหญ่แดนตะวันตกของแคว้นเดียวดาย
ในบรรดาขุนนางใหญ่ทั้งหมดในที่นี้ ตัวเขาโดดเด่นเป็นที่สุด รูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์หินในหนัง Fantastic Four อย่างไรก็ตาม ขนาดตัวของเขาใหญ่กว่ามนุษย์มาก ทั้งยังมีผิวสีดำทึบ สูงกว่าสี่เมตร อาวุธคือกระบองเขี้ยวหมาป่าด้ามยาว
เผ่าศิลาคือสิ่งมีชีวิตประเภทกึ่งธาตุดิน กึ่งธาตุหมายความว่ายังถูกโจมตีทางกายภาพได้ เพียงแต่ว่าคุณสมบัติทางกายภาพจะสูงมาก และค่าคุณสมบัติร่างกายก็สูงมากเช่นกัน ดังนั้นจึงมีพลังป้องกันและเลือดหนา
อันเดธผู้ครองเงาคือขุนนางใหญ่แห่งแดนตะวันออก เขาผู้นี้สวมหน้ากากและลอยอยู่กลางอากาศ กระทั่งอุปกรณ์บนตัวก็ยังถูกเปลี่ยนสถานะเป็นร่างวิญญาณ มีอาชีพเป็นผู้ใช้วิญญาณ
แม้เผ่าวิญญาณจำแลงจะปราศจากร่างกาย ทำให้ความสามารถในการโจมตีไม่เข้มแข็งนัก แต่มีความสามารถในการป้องกันทางกายภาพสูง มีค่าคุณสมบัติทางจิตและพลังวิญญาณที่สูงมาก แต่ละตนจึงได้รับอาชีพผู้ใช้วิญญาณตั้งแต่ถือกำเนิด
และสุดท้ายคือขุนนางใหญ่แห่งแดนใต้
ปรมาจารย์สลักมนตรา ดิลลอน
เผ่ามังกรบินคือสาขาหนึ่งของเผ่าพันธุ์มังกร แต่เมื่อเทียบกับมังกรปฐพีแล้ว พลังรบทางกายภาพนั้นอ่อนแอกว่า จึงเหมาะกับอาชีพสายเวทยมนตร์คาถา ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ใช้วิญญาณ
ชาวมังกรในอาณาจักรมังกรโลกาคือกองกำลังอันดับหนึ่ง แทบทุกแคว้นมีชาวมังกรอาศัยอยู่ไม่มากก็น้อย ดิลลอนคือขุนนางใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดตนหนึ่งในแคว้นเดียวดาย คาดว่าน่าจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับราชามังกรคลั่ง
เขาถูกสั่งให้มาอยู่ในแคว้นเดียวดาย เพื่อติดตามสถานการณ์ในภูมิภาคนี้
ขุนนางใหญ่ทั้งสามล้วนแข็งแกร่ง
พลังรบโดยรวมของพวกเขาในตอนนี้ แก่กล้ายิ่งกว่าเผ่ามนุษย์
หลังจากรู้ว่าฮังอวี่คือเจ้าของคนใหม่ของเมืองธารทะเลทราย ขุนนางใหญ่ทุกตนต่างเผยท่าทีเหยียดหยาม ขณะเดียวกันจ้องมองด้วยดวงตาไร้ปรานี
เห็นได้ชัด
ว่าเมืองธารทะเลทรายเพิ่งเปลี่ยนเจ้าของ เวลานี้จึงตกต่ำเป็นประวัติการณ์
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ณ ขณะนี้หากโจมตีเมืองธารทะเลทราย ก็มีโอกาสเข้ายึดได้สูง
ขุนนางใหญ่ทั้งสามแผ่แรงกดดันใส่ฮังอวี่
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ทำใจแข็ง ไม่ยินยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขาต้องให้ทุกคนรู้ว่าเมืองธารทะเลทรายมิใช่เพียงเสือกระดาษ!
นาเซอร์รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหรี่ตาลง กวาดมองไปรอบๆขุนนางใหญ่ทั้งสี่ สุดท้ายหยุดลงที่เผ่ามนุษย์
นาเซอร์สามารถนั่งตำแหน่งผู้ครองแคว้นได้ นั่นหมายความว่าเขาไม่ใช่คนบ้าบิ่น หลายวันมานี้เขาส่งสายลับไปเก็บข้อมูลเยอะมาก ไม่เพียงแต่จะเข้าใจกระบวนการมาเยือนของเผ่ามนุษย์เท่านั้น แต่ยังเห็นถึงการเคลื่อนไหวของขุนนางใหญ่เผ่ามนุษย์ในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย
และเขาต้องยอมรับเลย ว่าไม่อาจดูแคลนเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้
เผ่าพันธุ์ใหม่นี้เติบโตเร็วเกินไป!
ไม่มีใครรู้ว่านาเซอร์กำลังคิดอะไรอยู่ ตามปกติแล้วทุกคนมักทราบกันดีว่าเผ่าออร์คมีชื่อเสียงด้านอารมณ์ฉุนเฉียวและวู่วาม แต่ผู้ครองแคว้นรายนี้กลับดูสุขุมและน่าเกรงขาม แตกต่างจากหมู่ออร์ค
และด้วยสาเหตุนี้เอง ที่ทำให้เขาอันตรายยิ่งกว่า!
นาเซอร์พูดขึ้น “จากการสังเกตด่านหน้าของเมืองขุนเขาไฟ อีกประมาณสองสามวัน ราชาปีศาจทรายสีชาดจะฟื้นคืนชีพอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นพวกเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมกำจัดมัน ไม่ปล่อยให้หายนะลุกลามไปทั่วแคว้นเดียวดาย”
ราชาปีศาจทรายสีชาดไม่เหมือนตัวอื่นๆที่ฮังอวี่เคยพบเจอ มันทรงพลังและน่ากลัวที่สุดในบรรดามอนสเตอร์ทั้งหมดที่มีมา
อย่างไรก็ตาม
มอนสเตอร์ระดับนี้ หลังจากฟื้นคืนชีพ จะมีช่วงสั้นๆที่อยู่ในสภาวะอ่อนเพลีย
และภายใต้สภาวะอ่อนเพลียนี้ พละกำลังจะยังไม่ฟื้นคืนสู่จุดสูงสุด หากฆ่ามันได้จะประหยัดพลังงานได้มาก
แต่หากราชาปีศาจทรายสีชาดฟื้นเต็มที่ มันจะจุดไฟบนภูเขาทุกลูกในทะเลทรายสีชาด และขยายขอบเขตทะเลทรายสีชาดออกไป เปลี่ยนทุกหนแห่งในแคว้นเดียวดายให้มีแต่ภูเขาไฟ พายุทรายแผดเผา และก๊าซพิษปกคลุม
ซึ่งนั่นจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อขุนนางทั้งหมดในแคว้นเดียวดาย
นี่แหละคือภัยพิบัตแห่งทรายสีชาด!
มอนสเตอร์ขอแค่ระดับราชันย์ขึ้นไป ไม่ว่าจะตัวไหน พลังของมันก็มากพอที่จะคุกคามทั้งภูมิภาค
ฉะนั้นเมื่อมีมอนสเตอร์ดังกล่าวฟื้นคืนชีพในอาณาเขตของตัวเอง จะต้องให้ความสนใจ และกำจัดมันโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลาม
“นี่คือแผนที่ช่องเขาสีชาด”
นาเซอร์กางแผนที่โบราณ
ฮังอวี่มองไปตามแผนที่ แผนที่นี้แสดงในรูปแบบสามมิติ สามารถมองเห็นเทือกเขาสีแดงเข้มทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
รายละเอียดทั้งหมดปรากฏให้เห็นอย่างรวดเร็ว
เทือกเขาเหล่านี้ประกอบไปด้วยภูเขาไฟจำนวนมาก สภาพแวดล้อมรุนแรงอย่างสุดโต่ง
และเมื่อราชาปีศาจทรายสีชาดฟื้นขึ้นมา มันจะชุบชีวิตมอนสเตอร์ทรายสีชาดจำนวนมากตามทางที่เดินผ่าน ยิ่งทำให้อันตรายมากขึ้นไปอีก
นาเซอร์กล่าวว่า “มีบันทึกในตำราโบราณ ราชาปีศาจทรายสีชาดหลับใหลอยู่ในเขาวงกตลาวาใต้เทือกเขาสีชาด พวกเราต้องแยกกันหาทางเข้าเขาวงกตลาวา”
ต่อไป
ก็เป็นการแบ่งเขตรับผิดชอบ
ใจของฮังอวี่วูบไหว : ถึงเวลาทำกำไรแล้ว!
ทุกตนในห้องนี้ไม่รู้ทางเข้าเขาวงกตลาวา ขณะที่ฮังอวี่ทราบว่ามันอยู่ที่ไหน เพราะยังไงซะราชาปีศาจทรายสีชาดก็เป็นมอนสเตอร์ที่อยู่มานาน ดังนั้นเลยมีข้อมูลอยู่ในความทรงจำจากสกิลพรสวรรค์ของฮังอวี่
ดีมาก!
ฉันจะเข้าไปก่อน!
แบบนี้ยังไงก็มีโอกาสฟันกำไรชัวร์ๆ!
นาเซอร์แบ่งเขตกันทำงาน
ขุนนางใหญ่ทั้งสามต่างรู้ดีว่าปฏิบัติการนี้คือโอกาสทอง มอนสเตอร์ทรายสีชาดมีระดับทรราชย์มากมายที่สามารถดรอปไอเท็มและหินสกิลล้ำค่า การฟื้นคืนชีพของมัน นำมาซึ่งสมบัติมากมายแน่นอน
ยิ่งใครได้พื้นที่มาก ก็ยิ่งมีโอกาสพบสมบัติหรือกระทั่งมอนสเตอร์ระดับทรราชย์มากเท่านั้น!
แต่แน่นอน ว่าส่วนแบ่งของผู้ครองแคว้นห้ามแตะต้อง!
ทั้งสามต่างจับตามองเมืองธารทะเลทราย หลังการโต้เถียงกันนิดๆหน่อยๆ นาเซอร์ตกลงแบ่งพื้นที่เดิมในความรับผิดชอบของเมืองธารทะเลทรายครึ่งหนึ่งแจกจ่ายให้แก่ขุนนางใหญ่อีกสามตน
ฮังอวี่ย่อมไม่พอใจอยู่แล้ว แต่ผู้ครองแคว้นให้เหตุผลว่า พลังรบของกองกำลังของเมืองธารทะเลทรายอ่อนแอเกินไป ไม่แกร่งพอที่จะสำรวจพื้นที่ขนาดใหญ่ได้
แทนที่จะทำแบบนั้น จะเป็นการดีกว่าหากมอบหมายให้ขุนนางใหญ่ทั้งสาม
ผู้อ่อนแอก็มักถูกรังแกเช่นนี้แล!
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาล้มโต๊ะเพื่อตอบโต้ เพราะการล่วงเกินผู้ครองแคว้นและขุนนางใหญ่ทั้งสามในคราเดียว คงมีแต่คนโง่ที่ทำ ได้แต่ก้มหน้ายอมรับมัน
ฮังอวี่กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอเลือกก่อน!”
นาเซอร์กล่าว “ได้สิ”
ฮังอวี่เลือกหลายพื้นที่
หนึ่งในนั้นรวมไปถึงสถานที่ที่เป็นที่ตั้งของทางเข้าวงกตลาวา
เมื่อเทียบกับที่อื่น ตำแหน่งที่ง่ายที่สุด
ขุนนางใหญ่ตนอื่นๆไม่สนใจมากนัก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะ ราชาปีศาจทรายสีชาดจะฟื้นคืนชีพในทุกๆ 60 ปี ข้อมูลที่ส่งต่อกันมาเลยขาดช่วง พื้นที่บริเวณเทือกเขาสีชาดจึงเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคยสำหรับพวกเขา
การประชุมสิ้นสุดลง
ฮังอวี่กลับมายังที่พักของเผ่ามนุษย์
เจียงหนานเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้าง ผู้ครองแคว้นกับพรรคพวกของเขา ไม่สร้างปัญหาให้กับเผ่ามนุษย์เราใช่ไหม”
ฮังอวี่กล่าว “ไม่ต้องกังวล ตอนนี้สมาธิของพวกเขามุ่งอยู่กับการกำจัดราชาปีศาจทรายสีชาด ช่วงนี้ไม่น่าจะแทงข้างหลังพวกเรา”
เขาเรียกจ้าวหมิง ฉูเทียนหัว และคนอื่นๆมา อธิบายสถานการณ์สั้นๆ และขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมมุ่งหน้าสู่เทือกเขาสีชาด
การประชุมขุนนางในครั้งนี้ มันช่วยให้ฮังอวี่รู้สึกถึงความต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง!
เมืองธารทะเลทรายและดินแดนอื่นๆในแคว้นเดียวดายไม่ช้าก็ต้องแตกหักกัน การต่อสู้ในเทือกเขาสีชาดเป็นโอกาสอันหาได้ยากและมีค่ามาก ถ้าใช้ประโยชน์จากมัน อาจกอบโกยและทำกำไรได้มากมาย!