ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 37 ซือถูฉางเฟิงตกตะลึง
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 37 ซือถูฉางเฟิงตกตะลึง
ด้วยเสียงอันเย็นชา เขาปลดปล่อยกระแสพลังขอบเขตชีวาเร้นลับขั้นที่ 5 ออกมา หยางเสี่ยวดื้อดึงขัดขืน แต่เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันของขอบเขตชีวาเร้นลับขั้นที่ 5 เขายังต้องลดหัวลง
เข่าข้างหนึ่งนั้นคุกลุงกับพื้น เหงื่อไหลท่วมตัว รู้สึกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
หลังจากถูกซือถูฉางเฟิงกดดัน หยางเสี่ยวมองเขาอย่างลึกซึ้งและกล่าวว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสที่เมตตาข้า”
“ไปกันเถอะ” เขากล่าวหลังจากยืนขึ้นด้วยความอ่อนแรง
หยางเสี่ยวไม่เคยเสียหน้าครั้งใหญ่เช่นนี้มาก่อนในชีวิต
ก่อนจากไป เขามองไปยังเซียวอี้และจ้าวว่านเอ๋อกับพรรคพวกด้วยเจตนาสังหาร
“ฮิฮิ ชายคนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจปล่อยเราไป”
จ้าวว่านเอ๋อดึงเสื้อคลุมสีแดงและยิ้มเยาะอย่างสนุกสนาน
หลินชิงจู้เคร่งขรึมกล่าวว่า “ว่านเอ๋อ หยางเสี่ยวนั้นไม่ได้น่ากลัว สิ่งที่หน้ากลัวคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขา”
ความหมายนั้นชัดเจนอยู่แล้ว หลินชิงจู้จึงกังวลไม่น้อย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วที่นี่คือเมืองกวงหลิง อำนาจของตระกูลหยางยังค่อนข้างน่าเกรงขามอยู่บ้าง
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาสวรรค์ สำนักเยียวยาสวรรค์ไม่ได้หวาดกลัวภูเขาสวรรค์ แต่ยังคงรักษาท่าทีที่เป็นมิตรต่อกันไว้เรื่อยมา
หากพวกเขาลงมือ มันอาจก่อให้เกิดสงครามทางอ้อมระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองใช่หรือไม่?
เมื่อเห็นหลินชิงจู้ข้อกังวลบางอย่าง เซียวอี้ตบหน้าอกของเขาในเวลานี้และกล่าวว่า “ท่านเทพธิดาไม่ต้องกังวล! ตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ หยางเสี่ยวไม่กล้าทำอะไรมากเกินไป อย่างแน่นอน”
“หากตระกูลหยางกินเนื้อ ตระกูลเซียวของข้าก็ไม่ได้กินแค่ผักเช่นกัน”
“ถ้าเทพธิดาทั้งสองไม่ติดอะไร พวกท่านสามารถตามข้ากลับไปที่บ้านของตระกูลเซียวและอาศัยอยู่ที่นั่นก่อนได้”
สำหรับข้อเสนอของเซียวอี้ หลินชิงจู้คาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุดใดเซียวอี้ถึงช่วยพวกนาง
พวกเขาพบกันโดยบังเอิญ ทว่าเขากลับเป็นมิตรมาก มีแม้กระทั่งช่วยเหลือนาง
เซียวอี้ได้ช่วยพวกนางจากยางเสี่ยวไว้ด้วยความต้องการอย่างแท้จริง ทว่าความจริงที่ซ่อนอยู่นั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจยากเล็กน้อย
ได้ยินคำพูดของเซียวอี้ แม้แต่ซือถูฉางเฟิงที่อยู่ด้านข้างก็ประหลาดใจเล็กน้อย
“นายน้อยเซียวช่างเป็นวีรบุรุษเสียจริง กล้าที่จะปกป้องสาวงาม เจ้าใจถึงยิ่งนัก ชายชราผู้นี้ขอชื่นชม”
เมื่อซือถูฉางเฟิงกล่าวจบ เซียวอี้ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย เขาก้มลงกระซิบข้างหูซือถูฉางเฟิงทันที
อย่าข้าล้อเล่นเลยผู้อาวุโสซือถู! ข้าทำไปเพื่ออาจารย์ของพวกนาง!
“ชายคนนั้นโหดเหี้ยมราวกับไม่ใช่มนุษย์ หากข้าไม่ดูแลพวกนางให้ดี ข้าเกรงว่าเขาอาจจะมาถึงเมืองกวงหลิงในไม่นาน และข้าคงจะตายไปแล้ว”
“หือ?”
ซือถูฉางเฟิงชะงักไปชั่วครู่ เขาเหลือบมองเซียวอี้อย่างไม่คาดคิดและรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก
ชายคนกันไหน ที่จะทำให้นายน้อยเซียวอยู่ในสภาพเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้นยังกล่าวว่ามาที่เมืองกวงหลิงสังหารตนโดยตรง แม้จะมีบิดาของเขาเซียวจ้านคอยสนับสนุน ทว่าอีกฝ่ายก็ยังสามารถสังหารเขาได้ด้วยงั้นหรือ
“นายน้อยเซียว ชายคนที่เจ้าพูดถึง เขายอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยหรือ”
“มันไม่ใช่แค่ยอดเยี่ยม ทว่ายังโหดเหี้ยมอีกด้วย”
“ท่านคงรู้ว่าตระกูลหลินมียอดฝีมือขอบเขตชีวาเร้นลับขั้นที่ 5 สองคนใช่หรือไม่ ชายคนนั้นลงกระบี่เพียงครั้งเดียวก็เกือบสังหารชายชราสองคนนั้นไปเสียแล้ว”
“บัดซบ ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดโหดเหี้ยมเช่นนี้มาก่อนในชีวิตเลยแม้แต่น้อย”
“เช่นนั้นเอง”
“หากเจ้ากล่าวเช่นนั้นข้าก็สนใจไม่น้อย
ซือถูฉางเฟิงรู้สึกยอดฝีมือตระกูลหลินสองคนนั้นเป็นอย่างดี เขายังเคยประมือกัน ล่วงรู้ต้นตอและเบื้องลึกเป็นอย่างดี
ทว่าอาจารย์ของสาวน้อยทั้งสองนี้ โจมตีทั้งคู่จนบาดเจ็บสาหัสด้วยการลงกระบี่เพียงครั้งเดียวงั้นหรือ
ดินแดนรกร้างตะวันออกมีชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้เมื่อใดกัน เหตุใดเขาไม่ได้ล่วงรู้ข่าวสารใด ๆ
หากจริงอย่างที่เซียวอี้กล่าว เช่นนั้นการกระทำเมื่อครู่นี้คุ้มค่าอย่างแน่นอน
“อืม นายน้อยเซียว คนที่เจ้ากำลังพูดถึง เขามีนามว่าอันใดหรือและเขากำลังฝึกอยู่ที่ภูเขาเซียนแห่งใด?”
“เย่ชิว ปรมาจารย์ขุนเขาเมฆาม่วง สำนักเยียวยาสวรรค์”
“สำนักเยียวยาสวรรค์ ขุนเขาเมฆาม่วง!”
ซือถูฉางเฟิงจมอยู่ในความคิด ในทันใดนั้นก็จดจำคนผู้หนึ่งได้ ชายชราผู้โดดเดี่ยว ด้วยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวก็สามารถกำราบดินแดนรกร้างตะวันออกได้อย่างง่ายดาย
เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ขอบเขตราชันยุทธ
สหายเต๋าซวนเทียน……
เป็นไปได้หรือไม่ว่าชายคนนั้นคือลูกศิษย์ของสหายเต๋าซวนเทียน
“กลับกลายเป็นลูกศิษย์ของซวนเทียนเจินเหริน! ไม่น่าแปลกใจ”
ซือถูฉางเฟิงข้าจดจำได้เป็นอย่างดี สหายเต๋าซวนเทียนเป็นปรมาจารย์รุ่นก่อนของขุนเขาเมฆาม่วงสำนักเยียวยาสวรรค์
เขามองไปยังหลินชิงจู้และจ้าวว่านเอ๋อ ซือถูฉางเฟิงก็ค้นพบกลิ่นอายของกระดูกศักดิ์สิทธิ์ที่เล็ดลอดออกมาในทันที
“มารดามันเถอะ...”
“กระดูกศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดสองคนหรือ?”
ซือถูฉางเฟิงหายใจเข้าลึก สีหน้าของเขาดูกระวนกระวายเล็กน้อย
กระดูกศักดิ์สิทธิ์เป็นร่างกายที่หายากเป็นอย่างมาก ทว่าพวกนางทั้งสองคนกลายเป็นศิษย์ของคนผู้เดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคู่ยังเป็นธาตุตรงข้ามกัน หนึ่งเป็นน้ำแข็งและหนึ่งเป็นไฟ มีระดับที่สูงเป็นอย่างมาก
หลินชิงจู้นั้นแข็งแกร่งที่สุด ในขณะนี้นางอยู่ในขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 1 แล้ว ส่วนจ้าวว่านเอ๋ออยู่ในขอบเขตนิ้วทมิฬขั้นที่ 2 แต่จากกลิ่นอายเพลิงกรรมที่แผดเผาอยู่ภายในร่างนาง ทำให้นางดูพิศวงเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย
ทว่าอัจฉริยะทั้งสองคนคือลูกศิษย์ของเย่ชิว
“น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก! มีบุคคลเช่นนี้อยู่ในโลกนี้ด้วยหรือ คราวนี้เกรงว่าตระกูลหยางจะเตะแผ่นเหล็กเข้าเสียแล้ว”
มุมปากของเขาเผยอขึ้นเล็กน้อย ซือถูฉางเฟิงพึมพำและมองไปยังเซียวอี้
เข้าใจทันทีว่าเหตุใดเขาถึงแตกหักกับหยางเสี่ยว ปรากฏว่าตระกูลเซียวต้องการเกาะขาสำนักเยียวยาสวรรค์ทยานสู่สวรรค์
เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง
“เทพธิดา พวกท่านอยากอยู่บ้านข้าสักสองสามวันหรือไม่ ไม่ต้องกังวล ข้าเซียวอี้ไม่ได้ติดปัญหาใด ๆ”
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ประสีประสา ทำให้ท่านอาจารย์ของพวกท่านขุ่นเคือง ข้าแค่ต้องการไถ่บาปของข้า”
“ตราบใดที่ท่านเต็มใจจะกลับไปกับข้า หยางเสี่ยวก็ไม่กล้าทำอะไรพวกท่าน”
หลังจากฟังข้อเสนอของเซียวอี้แล้วหลินชิงจู้ก็ลังเล
โดยพื้นฐานแล้วนางไม่ต้องการสร้างเรื่องให้มันใหญ่ เพราะเบื้องหลังหยางเสี่ยวมีภูเขาสวรรค์
พวกนางอาจสร้างปัญหาให้กับอาจารย์ของตนได้ นางไม่ต้องการสิ่งนี้
“ศิษย์พี่หญิง ข้าคิดว่าการอาศัยอยู่สักสองวันก็ไม่ได้แย่นัก”
“เมื่อวานนี้ท่านอาจารย์ได้ไปถึงส่วนลึกของดินแดนรกร้างแล้ว! ไม่รู้เวลาแน่ชัดว่าเขาจะกลับมาใด แทนที่จะไปเที่ยวเตร่ ข้าคิดว่าเราสามารถรอเขาอยู่ที่นี่ได้เช่นกัน”
จ้าวว่านเอ๋อไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการแก้แค้นของหยางเสี่ยว แต่หากสามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้ก็คงจะดีกว่า
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดนางมีตัวตนพิเศษ หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายแล้ว นางก็จะไม่เปิดเผยออกมา
“ดี ตามที่เจ้ากล่าว”
หลังจากหลินชิงจู้ครุ่นคิดนางก็ยังคงพยักหน้า นางกังวลเล็กน้อย ท่านอาจารย์มุ่งตรงไปยังส่วนลึกของดินแดนรกร้าง จะมีอันตรายเกิดขึ้นกับเขาหรือไม่
ด้วยความแข็งแกร่งของขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ ตราบใดที่เขาไม่พบเจอกับสัตว์อสูรในขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ เขาก็คงปลอดภัยดี
ทว่านางไม่ได้กลัวเรื่องนั้น นางกลัวกระแสพลังความมืดที่ลึกลับ
หากติดเชื้อ แม้แต่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องถึงวาระ
หลินชิงจู้รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ท่านอาจารย์ตามหาสาเหตุที่สัตว์อสูรอาละวาดเพื่อนาง มิฉะนั้นอาจารย์ก็คงจะไม่ต้องเสี่ยงเข้าไปในสถานที่อันตรายเช่นนั้น
นางได้แต่ภาวนาอยู่ภายในใจ หวังว่าอาจารย์จะปลอดภัย มิฉะนั้นคงเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะให้อภัยตัวเองไปชั่วชีวิต
หลังจากได้ยินความยินยอมของหลินชิงจู้ จ้าวว่านเอ๋อยิ้มและหันหน้าไปทางเซียวอี้ กล่าวว่า “เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณนายน้อยเซียวแล้ว”
“ฮี่ฮี่ เทพธิดาอย่าคิดมากเลย ตราบใดที่ท่านไม่รังเกียจ”
“ไปกันเถอะ เราต้องระวังหยางเสี่ยวกลับมาแก้แค้น ชายคนนี้เป็นคนที่อาฆาตแค้นเป็นอย่างมากมาก ต้องระวังไว้ก่อน”
เซียวอี้กล่าวกระตุ้นและเดินนำไปด้านล่าง