ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 36 ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 36 ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง
เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้องส่วนตัว เซียวอี้โค้งคำนับอย่างนอบน้อมและแสดงถึงมารยาทของตระกูลใหญ่ “คำนับท่านเทพธิดา”
จ้าวว่านเอ๋อปิดปากของนางและหัวเราะ สหายคนนี้รู้มารยาทเช่นกัน แต่การเคลื่อนไหวของเขาค่อนข้างแข็งทื่อเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำเช่นนี้บ่อยนัก
“ข้าไม่คาดคิดว่านายน้อยเซี่ยวจะมีมารยาทดีเช่นนี้ เจ้าทำให้เราประทับใจมาก”
เซียวอี้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและกล่าวว่า “ไม่ ไม่เลย ข้าเป็นคนถ่อมตน”
“สองคนนี้คือ” เมื่อเห็นสองใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย เซียวอี้ก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย
เขารู้จักหลินชิงจู้ นางคือลูกศิษย์ของเย่ชิว เซียวอี้เคยพบนางมากกว่าหนึ่งครั้ง
ทว่าจ้าวว่านเอ๋อและเสี่ยวหลิงนั้นแปลกตาเป็นอย่างมาก
หลินชิงจู้อธิบาย “นี่คือศิษย์คนที่สองของท่านอาจารย์ จ้าวว่านเอ๋อ”
“กลับกลายเป็นลูกศิษย์ของเย่เจินเหริน ยินดีที่ได้รู้จัก”
ทันทีที่ข้าได้ยิน;jkเป็นลูกศิษย์ของเย่ชิว เซียวอี้ก็ตกใจและรีบกล่าวทักทาย
‘น่าอิจฉายิ่งนัก เหตุใดข้าไม่โชคดีเช่นนี้บ้าง’
ไม่ทราบว่าอาจารย์ของท่านอยู่ที่ใดหรือ
เซียวอี้ถามอย่างระแวดระวัง
หลินชิงจู้ขำขันและกล่าวอธิบาย “ไม่ต้องกังวล ท่านอาจารย์ไม่ได้อยู่ทีนี่”
เมื่อได้ยินว่าเย่ชิวไม่อยู่ เซียวอี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะเขารู้สึกหวาดกลัวแทบตาย เขากลับมามีความมั่นใจในตัวเองอีกครั้งในทันที กลับไปพูดตามปกติเช่นเคย
ในขณะนี้เอง
อีกด้านหนึ่งของร้านอาหาร ในห้องส่วนตัว หยางเสี่ยวกำลังร่ำสุราอยู่คนเดียว ไม่นานก็คนรับใช้รีบเข้ามารายงาน
“นายน้อย ข้าพบแล้ว! สตรีสามคนและนายน้อยแห่งตระกูลเซียว เซียวอี้ ดูเหมือนจะรู้จักกัน”
เนื่องจากมีลูกน้องบางคนกำลังดื่มอยู่ในห้องส่วนตัวบนชั้นสอง พวกเขาจึงสังเกตเห็นสิ่งนี้
“เจ้าว่าอะไรนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หยางเสี่ยวจึงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
“เจ้าสวะเซียวอี้นั่นหรือ”
หยางเสี่ยวหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เขามักจะดูถูกเซียวอี้ นายน้อยเจ้าสำราญผู้ที่รู้เพียงแค่วิธีกิน ดื่ม และเที่ยวเล่นเท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าบิดาของเขาที่อยู่ในขอบเขตชีวาเร้นลับขั้นที่ 5 หยางเสี่ยวก็ไม่จำเป็นต้องเห็นเซียวอี้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
ทว่าจ้าวว่านเอ๋อและอีกสองคนได้ปฏิเสธเขา และไปนั่งอยู่กับเจ้าสวะเซียวอี้
ด้วยเหตุนี้หยางเสี่ยวจึงเดือดดาลอย่างยิ่ง
“บัดซบ ข้านึกว่าพวกนางจะเป็นคนที่มีฐานะโดดเด่น กลับปฏิเสธนายน้อยอย่างข้าไปนั่งกับเจ้าสวะเซียวอี้แทนหรือ”
“ไปกันเถอะ! วันนี้ข้าต้องไประบายความโกรธ ให้มันรู้ว่าใครคือนายน้อยลำดับหนึ่งแห่งเมืองกวงหลิง”
กล่าวจบหยางเสี่ยวก็ผลักประตูและตรงไปที่ชั้นสอง
ความเดือดดาลได้ครอบงำเขาเป็นที่เรียบร้อย เขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
ในเวลานี้เซียวอี้กำลังกังวลเกี่ยวกับวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกนาง เพื่อที่จะได้คลายความคับข้องใจที่เคยทำให้เย่ชิวขุ่นเคืองเย่ชิวก่อนหน้านี้
ทันใดนั้นเองหยางเสี่ยวก็เดินมาพร้อมกับชายหนุ่มสองสามคน
“หืม?”
เซียวอี้ขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าผู้ที่มาคือหยางเสี่ยว เขาก็เกิดความสงสัยอยู่ภายในใจ
‘มีอะไรผิดปกติกับเจ้านี่หรือไม่ ข้าไม่ได้ยุ่งกับเขา เหตุใดเขาถึงมาที่นี่’
เมื่อเดินมาถึงห้องส่วนตัว หยางเสี่ยวกล่าวกับจ้าวว่านเอ๋อว่า “เจ้าชอบสวะเช่นนี้หรือ”
จ้าวว่านเอ๋อยิ้มและไม่ได้กล่าวตอบอะไร หลินชิงจู้กำลังจะชักกระบี่ ทว่าถูกขวางไว้ก่อน
จ้าวว่านเอ๋อรู้ว่าหยางเสี่ยวคงคิดว่าพวกนางชื่นชอบเซียว สิ่งนี้จึงทำให้เขาอารมณ์เสีย
นายน้อยตระกูลเหล่านี้ต่างไม่สนใจผู้ใด คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่อยู่เสมอ
ตัวเขาเองนั่งร่ำสุราอยู่เพียงผู้เดียว ทว่ากลับเห็นเซียวอี้นั่งอยู่กับพวกนาง แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร
เมื่อคิดได้ จ้าวว่านเอ๋อยิ้มอย่างมีเลศนัย
น่าสนใจ
นางเผยให้เห็นรอยยิ้มขี้เล่นของนาง “นายน้อยเซียว เขาว่าเจ้าเป็นสวะ”
เซียวอี้มุมปากกระตุกพร้อมขบฟันแน่น
“สุนัขตัวไหนกันที่กล้าเรียกข้าว่าสวะ”
เขาไม่สามารถยอมรับสิ่งนี้ได้
เขากำลังรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าสาวงาม ทว่าสุดท้ายแล้วก็ถูกทำลายโดยคนที่กล่าวออกมา
ในขณะนี้เองผู้อาวุโสซูได้กระซิบข้างหูเขา “นายน้อย หยางเสี่ยวคนนี้คงจะสนใจทั้งสามคนนี้”
“เราสามารถใช้โอกาสนี้ช่วยพวกเขาจัดการกับหยางเสี่ยวได้และเป็นการสร้างหนี้บุญคุญต่อเย่เจินเหริน”
ดวงตาของเซียวอี้เป็นประกาย เหตุใดเขาถึงคิดเรื่องแค่นี้ไม่ได้
โชคดีที่มีคำแนะนำจากผู้อาวุโสซู
หากเขาช่วยพวกนางจัดการกับปัญหานี้ บางทีเย่ชิวอาจจะยกโทษให้เขา
คือโอกาสอันดีงาม
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เซียวยิ้มให้จ้าวว่านเอ๋อและหลินชิงจู้พร้อมกล่าวว่า “เทพธิดาทั้งสองไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”
“เช่นนั้นต้องรบกวนนายน้อยเซียวเสียแล้ว”
จ้าวว่านเอ๋อหัวเราะอย่างสนุกสนาน นางไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกแม้แต่นิดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
ในขณะนี้เซียวอี้เริ่มรู้สึกโกรธและลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง
“ข้าก็นึกว่าเป็นใคร เป็นนายน้อยหยางนี่เอง เจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่”
เมื่อเห็นเซียวอี้ทำตัวเป็นวีรบุรุษกำลังช่วยเหลือสาวงาม หยางเสี่ยวก็ยิ้มเย้ยหยันและกล่าว “เซียวอี้หากเจ้ายังมีสมองคิดได้ก็ไปให้พ้นสายตาข้า เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า”
“หากเจ้ายืนยันที่จะอยู่ ก็อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้า”
เซียวอี้ไม่ได้ถอยกลับ เพียงกล่าวตอบ “ดียิ่ง ข้าอยากเห็นเช่นกันว่าเจ้าจะทำอะไรกับข้า”
“ในชีวิตนี้ ข้าเซียวอี้ ไม่เคยรู้จักคำว่ากลัว!”
“ตระกูลหยางของเจ้าอาจเหนือกว่า แต่ตระกูลเซียวของข้าก็ไม่ได้กินแต่ผักเช่นกัน”
หยางเสี่ยวตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้และมองไปยังเซียวอี้ด้วยความงุนงง
‘เจ้าบัดซบนี่มักจะหลีกเลี่ยงเมื่อเจอข้า เหตุใดวันนี้กลับดื้อดึง’
แน่นอนว่าเซียวอี้รู้ดีว่าตระกูลเซียวนั้นด้อยกว่าตระกูลหยาง แต่อย่าลืมว่าสตรีสองคนที่เขาพยายามช่วยเหลือนั้นมียักษ์ใหญ่หนุนหลังพวกนางเช่นกัน
สำนักเยียวยาสวรรค์
ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางไม่ใช่ศิษย์ธรรมดา แต่เป็นศิษย์ของเย่ชิวปรามาจารย์แห่งขุนเขาเมฆาม่วง
เซียวอี้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความห่วงใยของเย่ชิวที่มีต่อลูกศิษย์ หากเขารู้ว่าตระกูลหยางกล้าแตะต้องลูกศิษย์ของเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยืนเฉย
เมื่อทั้งสองเตรียมชักกระบี่ด้วยความตึงเครียด ผู้อาวุโสซูแอบบอกใบ้คนใช้ที่ติดตามพวกเขามาให้กลับไปรายงานหัวหน้าตระกูลทันที
ชายคนนั้นไม่กล้าลังเลและรีบออกจากร้านอาหารอย่างเงียบงัน
“เซียวอี้ ข้าไม่ได้เจอหน้าเจ้าไม่กี่วัน ทว่าความอาจหาญของเจ้ากลับเพิ่มขึ้นไม่น้อย”
หยางเสี่ยวกลับหัวเราะออกมาแทนที่จะรู้สึกโกรธ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด วันนี้เขาจะต้องระบายความโกรธออกมาอยู่ดี
อย่างน้อย ก็ต้องบดขยี้สวะที่ชื่อเซียวอี้
“ฮ่าฮ่า ในอนาคตจะมากกว่านี้เสียอีก”
เมื่อเซียวอี้ตอบเช่นนี้ หยางเสี่ยวจึงเริ่มไม่มั่นใจเล็กน้อย เขาโดนหินหล่นทับหัวมาหรือไม่
“ฮึ่ม เจ้าทำให้ข้าโมโหเสียแล้ว หากข้าไม่ได้มอบบทเรียนให้เจ้าในวันนี้ ไม่ต้องเรียกข้าว่าหยางเสี่ยว!”
เขาโมโหจนไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป สั่งให้ลูกน้องด้านหลังลงมือทันที
ฉับพลัน มีเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลังของเขา
“นายน้อยหยาง หากอยากลงมือในร้านของข้า ก็จงไว้หน้าข้าด้วย”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทาเดินเข้ามาด้วยความเย็นชา ชายคนนี้เป็นเจ้าของศาลาซุนหยาง มีต้นกำเนิดที่ลึกลับและเป็นยอดฝีมือขอบเขตชีวาเร้นลับขั้นที่ 5
เมื่อเห็นชายคนนี้ หยางเสี่ยวไม่กล้าจะโมโหอีกต่อไป แม้ว่าหัวใจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม
เจ้าของศาลาซุนหยางผู้นี้ มีแซ่ว่าซือถู มีนามว่าฉางเฟิง ว่ากันว่าเขามาจากตระกูลโบราณที่ลึกลับเป็นอย่างมาก
ศาลาซุนหยางนั้นกระจายอยู่ทั่วดินแดนร้างตะวันออก มีพลังอำนาจไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แม้ว่าหยางเสี่ยวจะลำพองตนเอง เขาก็ไม่กล้าสร้างปัญหาต่อหน้าชายคนนี้
“ผู้อาวุโสซือถู เมื่อกี้ข้าได้กระทำด้วยความสิ้นคิด ผู้อาวุโสซือถูโปรดละเว้นข้าด้วย”
หยางเสี่ยวเหลือบมองซือถูฉางเฟิงด้วยความหวาดกลัวและกล่าวอย่างใจเย็น
ซือถูฉางเฟิงยิ้มหยันและกล่าวเพียง “หึ ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะมีธุระอันใด หากเจ้าอยากสร้างปัญหาให้กับข้า แม้แต่บิดาของเจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติพอ”
“ไปให้พ้นหน้าข้า”