ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 109 ปีศาจออกอาละวาด
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 109 ปีศาจออกอาละวาด
แปลโดย iPAT
หลี่ฉิงซานกล่าว “ช่วยเปิดทางให้ข้าด้วย” หลังจากนั้นเขาก็เดินผ่านชายหนุ่ม เขามองผู้หญิงและส่ายศีรษะ นางเป็นหญิงงาม หากเป็นชีวิตก่อนหน้า เขาคงดิ้นรนทำทุกสิ่งเพื่อให้นางยิ้ม แต่ตอนนี้เป้าหมายของเขาสูงกว่านี้มาก
หญิงสาวขมวดคิ้ว บางทีอาจเป็นเพราะกลิ่นผู้หญิงบนตัวหลี่ฉิงซาน อาจเป็นเพราะการจ้องมองที่ปราศจากความเกรงกลัวของฝ่ายตรงข้าม หรือบางทีการส่ายหัวของหลี่ฉิงซานอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้นางรู้สึกโกรธ
ชายหนุ่มต้องการชักดาบแต่หญิงสาวส่ายศีรษะ นางอนุญาตให้หลี่ฉิงซานลงบันไดขณะที่นางเย้ยหยันด้วยสายตา
หลี่ฉิงซานไม่ได้พุ่งเข้าต่อสู้ทันทีเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง เขามีความแข็งแกร่งเพียงพอแต่เขาจะสามารถหลีกเลี่ยงปัญหามากมายหากเขาอดกลั้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้อารมณ์เสียเพียงเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้
อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มที่พึ่งหนีปัญหากำลังจะสร้างปัญหาให้คนอื่น เขาเดินลงบันไดและปัดกลิ่นผู้หญิงเหล่านั้นออกจากตัว จากนั้นเขาก็เคาะขวดกระเบื้องที่เอวของเขา “เสี่ยวอัน ไปฆ่าคนเลวกันเถอะ!” เขาไม่ได้แยกทางกับหยางซ่งและคนอื่นๆเพียงเพื่อผู้หญิง
เสียงเคาะขวดกระเบื้องดังตอบกลับมาขณะที่หลี่ฉิงซานหัวเราะอย่างมีความสุขและเดินเข้าไปในตรอกที่มืดมิด
“หรงจื่อ เกิดสิ่งใดขึ้น?”
หญิงที่ชื่อหรงจื่อกล่าว “ฝีเท้าของเขาราบเรียบและมั่นคง ดูเหมือนเขาจะมีทักษะบางอย่าง”
“เขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะร่างกาย หากเจ้าไม่หยุดข้า ข้าคงมอบบทเรียนให้เขาไปแล้ว”
“เขาเป็นคนที่ไร้นัยสำคัญ การฆ่าเขาจะทำให้มือของเขาแปดเปื้อนเท่านั้น มันไม่มีประโยชน์ เราควรรีบกินและเดินทางไปเมืองเจียเผิงโดยเร็ว”
“ถูกต้อง มันหาได้ยากที่หน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์จะรับสมาชิกใหม่ เราไม่ควรพลาดโอกาสนี้” ดวงตาของชายหนุ่มส่องประกายขึ้น ตราบเท่าที่เขากลายเป็นผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ สถานะของเขาจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาจะกลายเป็นชายเหนือชาย ไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านสิ่งล่อใจนี้ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะคว้าตำแหน่งนี้มาครอง
“มันอาจไม่ง่ายเช่นนั้น ครั้งนี้จอมยุทธ์ทั้งหมดในรัศมีห้าร้อยกิโลเมตรจากเมืองเจียเผิงต่างได้รับคำเชิญ อาจมีจอมยุทธ์ขั้นสามหรือสี่มาด้วยขณะที่ตำแหน่งมีจำกัด มันจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากอย่างแน่นอน”
“อย่ากังวล มียันต์เหล่านี้เป็นไพ่ตาย เราจะสามารถพลิกสถานการณ์แม้เราจะพบคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังก็ตาม” ชายหนุ่มมั่นใจมาก เขาลืมเรื่องของหลี่ฉิงซานในที่สุด
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้ว่าหลี่ฉิงซานได้ยินทุกสิ่งที่พวกเขาพูด ประสาทสัมผัสของเขาอยู่ในระดับเดียวกับสัตว์ปีศาจ ตราบเท่าที่เขาต้องการ เขาสามารถได้ยินทุกสิ่งในระยะห้ากิโลเมตรได้อย่างชัดเจน
หน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์กำลังเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ นี่อาจเป็นตำแหน่งที่ขาดหายไปของเฟิงจาง อาจเป็นไปได้ว่าแม้แต่หวังฝูซื่อก็ไม่เคยคิดว่าหลี่ฉิงซานจะรอดชีวิตมาได้ ดังนั้นตำแหน่งนี้จึงต้องถูกเติมเต็ม
ทันใดนั้นเงาดำสองสามร่างก็เริ่มปิดกั้นเส้นทางของเขา ข่าวที่เด็กหนุ่มใช้จ่ายเงินจำนวนมากแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ดึงดูดความสนใจของบางคนทันที เมื่อหลี่ฉิงซานเดินเข้ามาในตรอกมืดเพียงลำพัง มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะถูกปล้น
หลี่ฉิงซานกระซิบ “พวกเราโชคดีมาก!” เขาเคาะขวดกระเบื้อง “ได้เวลาอาหารแล้ว!”
“ส่งเงินของเจ้ามา!” ร่างหนึ่งดึงกริชที่ส่องแสงแวววาวออกมา แต่สิ่งที่ตอบกลับไปคือเพลิงโลหิตที่ส่องสว่างยิ่งกว่า เขาไม่แม้แต่จะสามารถส่งเสียงใดๆก่อนที่ร่างกายของเขาจะถูกเปลวเพลิงกลืนกินและกลายเป็นแหล่งพลังงานให้มัน
แสงจากตะเกียงส่องสว่างอยู่ในความมืด มันเป็นร้านเกี๊ยวของชายชราผู้หนึ่ง แม้จะไม่มีลูกค้าแต่เขายังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเปิดร้าน
ชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเข้ามาและกล่าวเสียงดังว่า “เฒ่าแก่ ขอเกี๊ยวให้ข้าหนึ่งชาม!”
“ได้เลย!” ชายชราเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ในไม่ช้าเกี๊ยวในน้ำซุปใสสะอาดก็ถูกนำส่ง
“ดึกมากแล้วเหตุใดท่านไม่พักผ่อน ท่านอายุมากแล้ว ไม่ใช่ว่าท่านควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวัยเกษียณงั้นหรือ?” หลี่ฉิงซานกล่าวขณะที่ชายชราถอนหายใจ ทั้งหมดเป็นเพราะบุตรนอกสมรสและภรรยาของเขา เขาไม่มีแหล่งรายได้อื่น นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้
หลี่ฉิงซานกินเกี๊ยวและปลอบโยนชายชราไปพร้อมกัน เขารู้สึกว่าสิ่งนี้ดีกว่าการทานอาหารในโรงเตี้ยมที่หรูหรา เขาชอบกินอาหารง่ายๆในมุมมืดของเมืองและพูดคุยกับชายชราที่สู้ชีวิตเช่นนี้มากกว่า
“เด็กน้อย ดูเหมือนเจ้าจะไม่ใช่คนท้องถิ่น ข้าคิดว่าเจ้าควรรีบกลับโรงเตี้ยมของเจ้า ที่นี่ตอนกลางคืนไม่ปลอดภัย”
หลี่ฉิงซานถาม “มีคนเลวงั้นหรือ?” หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเรื่องของคนชั่วที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
หลี่ฉิงซานจดจำทุกรายละเอียดและกินเกี๊ยวไปถึงห้าชาม เขาทิ้งเงินทั้งหมดที่ได้จากอันธพาลให้ชายชราก่อนจะจากไป
“นี่มากเกินไปแล้ว!” ชายชราตกใตแต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น หลี่ฉิงซานก็หายตัวไปแล้ว
ในคืนนั้นปีศาจออกอาละวาด รักษาความยุติธรรม ช่วยคนอ่อนแอ และนำความสงบสุขกลับคืน
ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น หลี่ฉิงซานก็ออกจากเมืองไปแล้ว เขาฝึกหมัดปีศาจวัวอยู่ในถิ่นทุรกันดาร หลังจากฆ่าคนติดต่อกันมามากกว่าสิบคน เขารู้สึกสบายอารมณ์มาก
เสี่ยวอันนั่งบ่มเพาะอยู่ด้านหนึ่ง เพลิงโลหิตหมุนอยู่รอบตัวเขา มันเปลี่ยนเป็นรูปร่างต่างๆเช่นกระต่ายหรืออสรพิษ สุดท้ายมันก็กลายเป็นดอกบัวยกร่างเขาขึ้นจากพื้นดิน
ปัจจุบันเสี่ยวอันสามารถสังหารจอมยุทธ์ขั้นสองเช่นหยางซ่งได้อย่างง่ายดาย หลี่ฉิงซานรู้สึกชื่นชมกับความสามารถของเด็กน้อยเป็นอย่างมาก แม้หลี่ฉิงซานจะแข็งแกร่งกว่าเสี่ยวอันแต่เขาไม่สามารถบินได้
หลี่ฉิงซานไม่ได้ตั้งใจรวบรวมเงินแต่เขาก็ยังมีเงินหลายหมื่นตำลึงในการครอบครองหลังจากการเข่นฆ่าเมื่อคืนนี้ เขายังค้นพบว่าสำหรับจอมยุทธ์ เงินของคนธรรมดาไม่มีความสำคัญมากนัก ตั้งแต่พวกเขามีพลังเหนือคนทั่วไป แม้พวกเขาจะใช้วิธีลักขโมย พวกเขาก็สามารถรวบรวมเงินก้อนโตมาได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่มีค่าที่แท้จริงสำหรับจอมยุทธ์คือเม็ดยาจิตวิญญาณที่ช่วยในการบ่มเพาะ อย่างไรก็ตามมันเห็นได้ชัดว่าทรัพยากรเหล่านี้อยู่ในมือของกองกำลังต่างๆ เป็นเรื่องยากที่คนธรรมดาจะได้รับ หากพวกเขาต้องการสิ่งเหล่านี้ การเข้าร่วมหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เขาส่งสัญญาณให้เสี่ยวอันและเดินทางต่อ เขาเดินทางและหยุดเมื่อเขาต้องการ เขาทำลายรังโจรสองสามแห่งก่อนจะไปถึงแม่น้ำสายใหญ่
มันคือแม่น้ำชิงเหอ มันทอดตัวยาวเป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตรไปยังเมืองชิงเหอ มันมีความกว้างห้าถึงสิบกิโลเมตร แม้จะรวมทั้งสองชีวิตเข้าด้วยกัน เขาก็ไม่เคยเห็นแม่น้ำขนาดใหญ่เช่นนี้มาก่อน
หลี่ฉิงซานมาถึงเมืองริมฝั่งน้ำ มันถูกเรียกว่าเมืองปลายน้ำ มันถูกพัฒนาเป็นท่าเรือ นั่นทำให้มันเนืองแน่นไปด้วยผู้คน เมื่อเห็นท้องถนนที่วุ่นวาย เขาพลันนึกไปว่าหากเขาฆ่าคนทั้งหมดนี้ เสี่ยวอันอาจได้รับร่างใหม่ทันที แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะและปัดเป่าความคิดนี้ทิ้งไป
เรือจำนวนนับไม่ถ้วนจอดอยู่ที่ชายหาดขณะที่ผู้คนจำนวนมากขึ้นและลงเรือ มันวุ่นวายมาก มีเรือหลายลำที่กำลังจะเดินทางลงใต้ หลี่ฉิงซานเห็นเรือมังกรขนาดใหญ่ที่มีหลายชั้น มันทั้งงดงามและยิ่งใหญ่ ดูเหมือนจะมีห้องอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายอยู่บนเรือ มันเหมือนโรงแรมลอยน้ำที่หรูหรา ดังนั้นเขาจึงเลิกคิดที่จ้างเรือลำเล็กและขึ้นเรือมังกรลำใหญ่ทันที
ห้องที่อยู่ด้านบนสุดของเรือมังกรมีวิวที่ดีที่สุดแต่มันก็แพงที่สุดเช่นกัน มันมีราคาหลายพันตำลึง แต่เห็นได้ชัดว่าหลี่ฉิงซานไม่ขาดแคลนเงิน ดังนั้นหลังจากจ่ายตั๋วแลกเงินสองสามใบ ผู้ดูแลเรือมังกรก็เผยรอยยิ้มกว้างและสั่งให้สาวใช้พาเขาขึ้นไปห้องที่อยู่ด้านบนสุด ก่อนที่พวกเขาจะจากไป ผู้ดูแลยังแน่นย้ำให้สาวใช้ดูแลเขาอย่างดีที่สุด
ห้องพักมีขนาดใหญ่มาก มันสามารถรองรับแขกหลายสิบคนได้อย่างไม่มีปัญหา การตกแต่งของมันก็เกินกว่าคำว่าดีที่สุด มันทำให้หลี่ฉิงซานรู้สึกชื่นชมในความฟุ่มเฟือยนี้ เขาเปิดหน้าต่างและมองลงไปที่ท่าเรือและเมืองปลายน้ำ เขาสงสัยว่าหยางซ่งและคนอื่นๆอยู่ที่ใด แต่สุดท้ายเขากลับเห็นร่างที่คุ้นเคยสองร่าง มันคือคู่ชายหญิงที่เขาพบในโรงเตี้ยมเมื่อสามวันก่อน
“อันใด? ห้องบนสุดถูกจองแล้ว พวกเราต้องอยู่ข้างล่างงั้นหรือ?” ชายหนุ่มไม่พอใจ
ผู้ดูแลกล่าวอย่างงุ่มง่าม “เราไม่สามารถทำสิ่งใด นายท่าน ชั้นถัดมาก็หรูหรามากเช่นกัน” คนที่สามารถเช่าห้องชั้นบนสุดเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการเงิน แม้บางคนจะเสนอเงินให้พวกเขาหลายหมื่นตำลึงเพื่อขอแลกห้องแต่พวกเขาก็จะไม่ตกลง
หญิงสาวกล่าว “เราไม่คุ้นเคยกับมัน ผู้ดูแล ช่วยหาวิธีให้เราด้วย”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและเห็นหลี่ฉิงซาน
ชายหนุ่มยิ้ม “ข้าจะไปคุยกับเขาเอง” หญิงสาวลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า แม้นางจะไม่ต้องการสร้างปัญหา แต่นางก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ห้องพักชั้นต่ำลงมาเพราะนั่นหมายถึงการอยู่ใต้เท้าของผู้อื่น นางหวังว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะมีเหตุผล หากเขาไม่มีเหตุผล เขาจะต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานเล็กน้อยก่อนจะเข้าใจถึงอันตรายของการอยู่ในสังคม