ตอนที่แล้วตอนที่ 26 นางพญาเฟ่ยเหวินหลี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 28 นางคือธิดาหรือสัตว์อสูรของข้ากันแน่

ตอนที่ 27 ปีศาจอสรพิษ


“โลภมากนะ สหายน้อย เจ้าไม่รู้หรือว่าสิ่งประดิษฐ์เลือกเจ้านาย ทันทีที่พวกมันเลือกเจ้านายตน จากนั้นเจ้านายของพวกมันแค่เรียกใช้อย่างเดียวใช่ไหม?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีหัวเราะ

“งั้นข้าขอสัตว์อสูรในตำนานสักร้อยตน” เย่ว์หยางรู้สึกว่าคำสั่งของเขาไม่สูงเกินไป

“เจ้าไม่กลัวว่าสัตว์อสูรในตำนานจะไม่ยอมรับคำสั่งเจ้า หรือหันมากินเจ้าหรือ? สหายน้อย! ยืมพลังของคนอื่นไม่ใช่ความคิดที่ดี ความจริงมันเป็นวิธีที่โง่เง่าที่สุด ปัญญาอ่อนที่สุด ถ้าเจ้าฝึกจนมีพลัง แถมเป็นพลังในตำนานที่ข้ายังไม่สามารถเห็นได้ตรงๆ ทันทีที่เจ้ายกระดับทักษะของเจ้าในระดับสูงสุด สัตว์อสูรในตำนานก็ไม่ต่างกับสุนัขตัวน้อยหรือมดแมลงที่อยู่ต่อหน้าเจ้า ทำไมเจ้าถึงต้องการสัตว์อสูรในตำนานที่เป็นความแข็งแกร่งทางอ้อมเล่า?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีส่ายศีรษะช้าๆ และพูดต่ออย่างนุ่มนวลว่า “ตอนนี้ เจ้าเหมือนอินทรีน้อยที่โตมีขนปีกงอก แต่ไม่ได้เรียนรู้วิธีบิน เหมือนลูกพยัคฆ์ที่มีเขี้ยวเล็บแต่ก็ยังไม่เรียนรู้วิธีล่า ต่อหน้าเจ้า มีท้องฟ้ากว้างใหญ่ไม่สิ้นสุดเพื่อให้เจ้าโผทะยานบินไป มีแผ่นดินมากมายกว้างใหญ่ให้เจ้าออกไปวิ่ง เจ้าเพียงต้องกล้าออกไปจากเปลือก ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าต้องการให้ข้าช่วยด้วยความภาคภูมิใจตนเองหรือ? สหายน้อย ต่อหน้าเจ้า ข้าไม่ใช่นางพญาอสรพิษ แต่เป็นผู้หญิงอ่อนแอที่ไม่มีแม้แต่ร่างเนื้อ…”

“ท่านเป็นผู้หญิงอ่อนแอหรือ?” หลังจากเย่ว์หยางได้ยินคำเช่นนี้ ในใจเขาถูกกระตุ้นลับๆ จนแทบจะเอาหัวกระแทกกำแพง

“กับคนอื่น ข้าจะแข็งแกร่งมาก แต่ต่อหน้าเจ้า ข้าเป็นสตรีอ่อนแอ อย่างตอนนี้ แม้เมื่อเจ้าใช้แค่มือเดียวบังคับข่มเหงข้า ข้าไม่มีทางห้ามเจ้าได้!” ใบหน้างามเด่นของนางเหมือนกับภรรยาผู้น่าสงสาร

“ข่มเหงเหรอ?” เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ บางอย่างก็มีขอบเขตที่ยังไม่ถึงกับเป็นการข่มเหง

เขาแค่สงสัย ดังนั้นจึงลองแตะต้องนางเล็กน้อย

ถูกแล้ว, แม้ว่าการแตะต้องจะนับว่าเหมือนเป็นการข่มเหง แต่นางก็ยังคือนางพญาอยู่ดี

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถอนหายใจ “ข้าค่อนข้างอยากจะเป็นหญิงมนุษย์ธรรมดาที่มีเลือดเนื้อมากกว่าเป็นนางพญาอสรพิษ แล้วยังมีอิสระวิ่งไปได้ภายใต้แสงอาทิตย์ แม้ว่าจะหมายถึงสูญเสียทุกอย่าง แต่ก็ยังดีกว่าหลับอยู่ในหลุมดำที่ว่างเปล่า! สหายน้อย บางทีหลังจากเจ้าออกจากที่นี่ เจ้าอาจไม่สามารถเข้ามาได้อีก 1 ปี เพราะผนึกหลุมดำคงแข็งกล้ากว่าเมื่อก่อน ถ้าฝีมือเจ้าไม่ก้าวหน้าจนก้าวล่วงขอบเขตได้ บางทีเจ้าอาจต้องใช้เวลาถึง 10 ปี หรืออาจเป็นร้อยปีก็ได้ ก่อนที่เจ้าจะได้พบข้าอีก ในช่วงเวลานี้ข้าจะโดดเดี่ยวตัวเองอยู่ในโลกของความฝัน…”

เย่ว์หยางเห็นใจนางอยู่บ้างจริงๆ สำหรับนางแล้วการสูญเสียอิสรภาพเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากนางติดอยู่ในหลุมดำมาหลายพันปีแล้ว ยังไม่สามารถได้รับอิสรภาพจนถึงบัดนี้ ถ้าเป็นเขา บางทีคงสติฟั่นเฟือนไปแล้ว

“ท่านต้องการให้ข้าช่วยอะไร? ข้าจะช่วยอะไรท่านได้บ้างไหม?” เห็นนัยตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าสลดของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีแล้ว ความเป็นลูกผู้ชายผู้ต้องการจะปกป้องผุดขึ้นมาในจิตใจเขาทันที เขารู้สึกว่าแม้ว่านางพญาผู้เลอโฉมอาจจะดูแข็งแกร่ง แต่ในความเป็นจริง นางใช้ชีวิตเหมือนเป็นนักโทษ ไม่มีคนพูดคนเห็นใจ ถูกบังคับให้หลับมานานหมื่นปีก็แย่พอแล้ว

“โปรดเข้มแข็ง, จงเข้มแข็งกว่าข้า แข็งแกร่งกว่าคนที่ผนึกข้าไว้ในผนึกหลุมดำนี้ จากนั้นเจ้าค่อยมาปล่อยข้าจากคุกนี้”

เย่ว์หยางแทบสิ้นสติเมื่อได้ยินคำตอบของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี

พูดน่ะมันง่าย แต่ทำนี่สิยากสุดๆ

เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาควรจากไปก่อนไม่ต้องอยู่นานเกินไปจะดีกว่า หรือจะยอมลงท้ายติดอยู่ในหลุมดำไปด้วย

หลังจากความคิดนั้นแว่บเข้ามาในใจเขา เขารีบถามพญาเฟ่ยเหวินหลี “ข้าจะออกไปจากที่นี่ได้ยอ่างไร?”

พอรู้ว่าเย่ว์หยางต้องการจากไป สีหน้าของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเปลี่ยนไปทันที แต่นางกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว ขณะที่นางยิ้มและพยักหน้า “ข้าสามารถส่งเจ้าออกไปจากที่นี่ได้ทันที แต่ถ้าต้องทำอย่างนี้ ข้าจะต้องใช้พลังภายในอย่างมาก เป็นไปได้ว่าร่างข้าที่ฟื้นตัวช้าอยู่แล้วจะได้รับผลกระทบอย่างหนักและข้าจะจมลงสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง…เจ้าต้องการจากไปเดี๋ยวนี้เลยไหม?”

ขณะที่นางพูดประโยคสุดท้าย นางดูเหมือนอัดอั้นทนทุกข์ในใจที่ไม่อาจบรรยายได้ เหมือนสตรีอ่อนแอผู้กำลังมองบุรุษผู้ที่ปกป้องนางทิ้งนางไว้ลำพังอย่างไม่มีเยื่อใย

พอได้ฟังน้ำเสียงของนางพญาที่เต็มไปด้วยความขมขื่นใจ หัวใจเย่ว์หยางอ่อนลงอยู่ไม่กี่วินาที

มาคิดดูแล้ว นางก็น่าสงสารจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น นางปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี นางต้อนรับเขาด้วยจุมพิตและอุ้มเขาขึ้นมาด้วยตัวเอง และนางยังใจกว้างปล่อยให้เขาออกไป

อย่างไรก็ตาม การอยู่กับนางที่นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่มีทางทำแน่ เพราะเขาไม่ได้ใจกว้างอย่างนั้น

“มีความปรารถนาอะไรที่ท่านอยากจะทำให้สำเร็จที่โลกภายนอกหรือไม่? บางทีข้าจะได้หาทางทำดู” เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้านางพญานี้มีนางบริวารอยู่ในโลกภายนอกที่ต้องการให้เขาดูแล ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร

“ข้าหลับมาเป็นหมื่นปีแล้ว ข้าเกรงว่าชนชาติของข้าคงสูญสิ้นไปแล้ว ยิ่งกว่านั้น เจ้าเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งที่อาศัยอยู่ในทวีปมังกรทะยาน ส่วนข้าเป็นนางพญางูที่อยู่ได้ด้วยสระเวทขนาดใหญ่ แม้ว่าข้าจะมีความปรารถนาอย่างหนึ่ง เจ้าก็คงทำไม่ได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น ความปรารถนาของข้าก็คือให้อิสรภาพแก่ข้า” นางพญาเฟ่ยเหวินหลียิ้ม เป็นยิ้มงามที่ล่มได้ทั้งดินแดน ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกเคลิบเคลิ้มที่ได้เห็น ก่อนเตรียมตัวส่งเย่ว์หยางออกไป จู่ๆ เฟ่ยเหวินหลีก็นึกบางอย่างได้ “โอว ใช่แล้ว เลือดของเจ้าคล้ายกับเลือดของเทพเจ้า ด้วยขอบเขตที่อาจจะลึกลับและผิดธรรมดายิ่งกว่า บางทีอาจจะชุบชีวิตนางได้….”

นางพญาเฟ่ยเหวินหลียกมือขาวผ่องของนางและเรียกไข่สีรุ้งของสัตว์ชนิดหนึ่งโดยไม่ต้องใช้คัมภีร์อัญเชิญ

เห็นดังนั้น นัยตาเย่ว์หยางแสดงออกมาว่าตื่นเต้น

ถ้าคนเราสามารถเรียนรู้การอัญเชิญสัตว์อสูรโดยตรงแทนที่จะใช้คัมภีร์อัญเชิญ จะเป็นไปได้ไหมที่มีกลเม็ดซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ? ศัตรูอาจคิดว่าเขาไม่ใช่ผู้ถือคัมภีร์อัญเชิญจนประมาทตัวเขา ความเคลื่อนไหวนี้เป็นทักษะจำเป็นที่จะใช้ฆ่าคนได้ง่าย เพื่อป้องกันพวกเขาจากสถานการณ์เสี่ยง

พอได้เห็นไข่สัตว์เลี้ยงสีรุ้งอีกครั้ง เย่ว์หยางใจเต้นรัว เป็นไปได้ว่านี่คือไข่มังกรในตำนานกระมัง?

“นี่หรือ?”

“นางคือหัวหน้าองครักษ์ของข้า นางตายเพื่อปกป้องข้าก่อนที่ข้าจะถูกผนึกไว้ และข้าไม่มีทางชุบชีวิตนาง ดังนั้นข้าทำได้เพียงเปลี่ยนนางกลับไปเป็นสถานะเดิม ถ้าเลือดเจ้าสามารถชุบชีวิตนางได้ อย่างนั้นบางทีนางจะช่วยเจ้าได้บ้างเล็กๆ น้อย แต่ข้าไม่รับรองว่านางจะฟื้นฟูประสบการณ์ในการต่อสู้ได้นะ” เฟ่ยเหวินหลีกัดหัวแม่มือนางเบาๆ และใช้เลือดของนางเขียนภาษาโบราณแปลกๆ บนผิวเปลือก จากนั้นบุ้ยใบ้ให้เย่ว์หยางยื่นมือมาที่นาง

นางเปิดแผลเล็กๆ บนฝ่ามือเย่ว์หยาง จากนั้นวางไข่สีรุ้งเรืองแสงบนแผลเล็กอย่างแผ่วเบา

ไข่นั้นเป็นเหมือนแวมไพร์น้อยดูดเลือดสดๆ ของเย่ว์หยางอย่างเมามัน

เย่ว์หยางเกือบโดนดูดจนแห้งซะแล้ว

เมื่อเย่ว์หยางใช้คาถาแก้วิงเวียน เกิดแสงเจิดจ้าขึ้นมาทันที ปรากฏเป็นภาพนางพญางูที่สูงเกิน 10 เมตร ภาพหายไปในไม่กี่วินาที ขณะที่แสงถูกดูดออกไปยังพื้นที่หลุมดำอย่างรวดเร็ว

พอไข่ดูดเลือดจนพอแล้วก็ละลายหายไป ก่อตัวเป็นรูปเลือด มันบิดตัวมาตามมือเย่ว์หยางจนมาถึงอกของเขาและก่อตัวเป็นรูปปีศาจอสรพิษบนผิวเขา รูปปีศาจอสรพิษมี 6 แขนถืออาวุธแตกต่างกัน หางงูนั้นยาวและพันรูปรอบเอวและท้องน้อยของเย่ว์หยาง ก่อนที่เย่ว์หยางจะมองเห็นได้ชัดเจน รูปทรงนั้นก็เคลื่อนตัวเหมือนกับว่ามีชีวิต และลอยออกไปจากตัวเขาแล้วเข้าไปอยู่ในไข่สีรุ้งแทน ในทันใดนั้น มันก็ลอยเข้าไปหาร่างของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีแทน

“สวรรค์ปราณี!” นางพญาส่งเสียงออกมาอย่างอัศจรรย์ใจ พลางยกแขนทั้ง 6 กันไว้กันไม่ให้ไข่สีรุ้งเข้าไปหานาง

อย่างไรก็ตาม แววลังเลปรากฏอยู่บนสีหน้านาง

ในที่สุด นางก็หยุดกันและยอมให้ไข่สีรุ้งเข้าไปในตัวนาง

จากนั้น ร่างของนางพญาเริ่มปล่อยกลิ่นที่ทำให้จิตใจเย่ว์หยางสดชื่น ภายในแสงที่ฉายออกมาและกลิ่นหอม เด็กหญิงน้อยน่ารักเริ่มปรากฏชัดเป็นรูปร่างปีศาจงูสูงขนาดท้องน้อยของนาง

เด็กหญิงนี้ดูเหมือนนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมาก แต่เล็กกว่า

พวกนางมีแขน 6 ข้างและหางเป็นงูเหมือนกัน แต่เธอเล็กกว่าและยังไร้เดียงสา

ตัวเธอขนาดเย่ว์ชวง และสูงประมาณเอวของเย่ว์หยาง

ปีศาจงูตัวน้อยดูเหมือนว่าจะดิ้นรนเพื่อจะยืนให้ได้ แขนทั้ง 6 ข้างยื่นมากอดเอวของนางพญาไว้ แต่เธอมีผมสีทองกำลังนกลับมองมาที่เย่ว์หยาง ตาโตสีน้ำเงินของเธอจ้องเย่ว์หยางไม่กระพริบ ความรู้สึกเหมือนเด็กหญิงกำลังมองดูบิดาผู้กลับมา อยากรู้ แต่ไม่กล้า อยากกอด แต่ก็ไม่กล้ายื่นแขนออกมา น่ารักแต่ก็ยังขี้อายอยู่

“นี่น่ะเหรอ?” เย่ว์หยางได้แต่มองอย่างงุนงง มัน มันเกิดอะไรกันล่ะนี่?

************************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด