ตอนที่ 24 นักฆ่าราตรี
แม่นางอกโตเงยหน้าที่นองด้วยน้ำตาและส่ายศีรษะช้าๆ “เราฆ่าเขาได้ แต่เราไม่มีกำลังพอจะอดทนต่อการแก้แค้น จากคนที่สนับสนุนเขาที่จะตามมาลงโทษเรา พี่้น้องหญิงของข้าไม่เหมือนกับข้าผู้เป็นม่ายไร้บุตร พวกนางทุกคนมีบุตรธิดาและพ่อแม่ที่แก่เฒ่า ถ้าเถี่ยขวงตาย พรรคพวกเขาจะต้องตามแก้แค้นอย่างแน่นอน และทันทีที่พวกเขาพบว่าเป็นเรา บางทีเราอาจถูกลงทัณฑ์อย่างหนักแล้วขังไว้ในคุก บางทีเราอาจถูกทรมานจนตายก็ได้ พ่อแม่เรา บุตรธิดาของเราจะพลอยถูกฆ่าไปด้วย เราไม่กล้าล้างแค้นด้วยตัวเอง เราได้แต่หวังว่าจะมีวีรบุรุษผู้ไม่กลัวการกรรโชกขู่เข็ญปรากฏตัวขึ้น….คุณชาย ถ้ากำลังท่านไม่เพียงพอเล่นงานพรรคพวกเถี่ยขวงและเจ้าเมืองไป๋ฉือ อย่างนั้นโปรดออกไปจากเมืองนี้เสียเถอะ เราจะไปแก้มัดเถี่ยขวงแล้วคอยรับใช้เขาต่อไปตอนที่เขาตื่นขึ้น เราจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อหยุดไม่ให้เขาสงสัยอะไรจากเรื่องนี้”
“พวกท่านขึ้นบัญชีเถี่ยขวงให้นักล่าค่าหัวนานเท่าไร?” เย่ว์หยางถามคำถามสุดท้าย
“3 ปี เราไม่เคยยกเลิกมาตลอดเวลา” สตรีอกโตให้คำตอบเย่ว์หยางอย่างเด็ดเดี่ยว “ต่อให้เราไม่มีเงิน ต่อให้เราต้องประหยัดค่าอาหารและค่าใช้จ่ายเรา เราไม่มีทางยกเลิกหนี้แค้นครั้งนี้”
ได้ฟังเช่นนี้ เย่ว์หยางพยักหน้าเล็กน้อย
ขนาดนางคณิกาที่อ่อนแอต่ำต้อยถูกย่ำศักดิ์ศรี แม้จะโดนดูถูกเหยียบย่ำจากคนมากมาย พวกนางก็ยังคงมุ่งมั่นล้างแค้น เงินที่พวกนางหามาได้อย่างยากลำบากก็ต้องส่งมอบให้ผู้จัดการ ดังนั้นพวกนางทำได้แต่เพียงแอบเก็บเงินเพียงจำนวนน้อยนิดไว้ในกระเป๋านาง แล้วพวกนางยังต้องเจียดเงินไว้ 15 เหรียญทองเพื่อเอาไปต่ออายุบัญชีล้างแค้นเถี่ยขวงทุกๆ ครึ่งปี พวกนางมีความมุ่งมั่นตั้งใจจะล้างแค้นจริงๆ สมควรได้รับความชื่นชมนับถือ
เรื่องการถูกไล่ล่าโดยตระกูลเถี่ยหลังจากฆ่าเถี่ยขวง เย่ว์หยางไม่ได้ใส่ใจเลย
ทั้งนี้เป็นเพราะเขาคงถ่ายข้อมูลลงในช่องโหว่ ตามความรู้ที่ได้รับจากคัมภีร์ทองแดง
อย่างแรก เถี่ยขวงไม่ได้ใช้ม้วนบันทึกใดๆ กับเขาเพื่อบันทึกเป็นประสบการณ์ เพราะเหตุนี้ ชื่อของเขาจะไม่ปรากฏในบัญชีล้างแค้น แม้ว่าจะมีอุบัติเหตุถูกบันทึกโดยบันทึกล้างแค้น ชื่อที่น่าจะปรากฏบนบัญชีล้างแค้น น่าจะมีแต่เพียงคำว่า “ไตตัน” ที่เขาได้บันทึกไว้ก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่ชื่อจริงของเขา
ถ้าเย่ว์หยางฆ่าเถี่ยขวงจริงๆ ตระกูลเถี่ยคงตามหาตัวเขาเพื่อแก้แค้นและส่งนักล่าค่าหัวมาไล่ล่าเขา
อย่างไรก็ตาม, เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้เป็นเพราะช่องโหว่ที่เย่ว์หยางได้สร้างไว้ เขาไม่ได้ฆ่าคนอื่นโดยส่วนตัว อย่างมาก ก็เป็นแค่เพียงผู้สมรู้ร่วมคิด
บัญชีแค้น อย่างมากที่สุดจะบันทึกไว้ว่าต้นดอกหนามต่างหากที่กินเถี่ยขวง อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ต้นดอกหนาม ดังนั้นก็เป็นเรื่องแปลก ที่บุคลปริศนาปรากฏอยู่ในบัญชีล้างแค้น และก่อนที่เย่ว์หยางจะอัญเชิญต้นดอกหนามจากคัมภีร์อัญเชิญสีทองแดง จุดแดงก็ยังไม่ปรากฏอยู่ในแผนที่บุปผาโลหิต
เป็นเพราะช่องโหว่นี้นี่เองที่ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกว่า คนเราไม่ว่ามีอำนาจแค่ไหน มีเบื้องหลังเช่นไร แข็งแกร่งแค่ไหน ก็กลายเป็นปุ๋ยได้เหมือนกัน….
ก่อนที่เขาจะเปิดประตูเข้าไป เขายิ้มเยือกเย็นให้นางคณิกา
“ในอนาคต เจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินที่ก๊วนนักฆ่าอีกต่อไป มีแต่จะสูญเงินเปล่า เพราะไม่ใช่ว่านักฆ่าทุกคนจะเพลิดเพลินกับการหาเงิน ถ้าเจ้าพอใจ เจ้าตามหาข้าได้ ข้าเป็นนักฆ่าที่ฆ่าคนเพื่อเงิน ไม่ว่าต้องการให้ฆ่าใคร ข้าจะทำให้ ตราบใดที่เจ้ายังจ่ายค่าจ้าง
แม่นางอกโตที่อยู่ด้านหลังเขา รู้สึกซาบซึ้งอย่างมากจนไหล่นางสะท้าน
นางร้องไห้อย่างเงียบงัน อารมณ์ของนางสับสน
ไม่ถึง 10 นาที เย่ว์หยางก็เดินออกมา
เขาถือถุงหนังใบค่อนข้างใหญ่แล้วโยนลงแทบเท้าแม่นางอกโต “มีเหรียญทองแดงจำนวนหนึ่งสำหรับเจ้า ข้าต้องการให้เจ้าทำงานบางอย่างให้ข้า มีทองและเงินจำนวนหนึ่งอยู่ในถุงใบนี้ ข้าต้องการให้เจ้าไปหาคนขายที่เหมาะสมในตลาดมืดเพื่อจำนำของเหล่านี้แลกทองมาให้ข้า ถ้าคนขายกล้าโกงข้า ข้าจะฆ่ามันด้วย ข้าจะไม่ยอมให้ใครทำลายแผนการของข้า…เจ้ามีเป้าหมายล้างแค้นอื่นไหม? ถ้ามี บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ถือว่าเจ้าทำการแลกเปลี่ยนหนี้กับข้า แม้ว่าข้าจะไม่ทำให้เจ้าฟรีๆ ก็ตาม ข้าจะพิจารณาแปลงหนี้เป็นกู้ยืม คิดดอกเบี้ยราคาต่ำ”
แม่นางอกโตตัวสั่นขณะโขกศีรษะคำนับ แล้วพูดตะกุกตะกักว่า “มะ..มีอีก 2 คน คนหนึ่งเรียกว่าฉางเตา อีกคนเรียกว่า เสียหั่ว แม้ว่าข้าจะไม่รู้จักชื่อจริงของพวกเขา แต่ข้าเคยเห็นเถี่ยขวงคุยกับทั้งคู่อย่างเกรงใจ เสียหั่วมาเมืองไป๋ฉือเป็นระยะๆ จากการคาดการณ์ของข้า ฉางเตาอาจจะมาภายในไม่กี่วันนี้ เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขา รู้แต่ว่าดาบของเขารวดเร็ว ขณะที่เขานั่งดื่มเหล้า เขาสามารถฆ่าคนได้ถึง 12 คนด้วยการเคลื่อนไหวแต่มือ ปกติแล้วเขาจะไม่มาเมืองไป๋ฉือบ่อยนัก เขาปรากฏตัวแล้วก็หายไป ไม่สามารถคาดการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ฉางเตาผู้นี้ มีลักษณะโดดเด่นชัดเจนมาก มือขวาเขาจะถือดาบที่ใหญ่กว่ามือซ้ายอย่างน้อยก็สองเท่า”
เย่ว์หยางหัวเราะกับเรื่องนี้ เขาหันไปรอบๆ แล้วพูดลอยๆ ว่า “ถ้าเจ้าช่วยข้าแลกเปลี่ยนครั้งนี้ได้สำเร็จ ครั้งต่อไปที่เจ้าเห็นพวกมัน จะพบว่าเจ้า 2 คนนั้นตายแล้ว”
แม่นางอกโตคำนับขอบคุณอีกครั้ง
เมื่อนางเหลือบตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า ร่างที่อยู่ต่อหน้านางก็หายไปราวกับสายลม
เช้าวันต่อมา เย่ว์หยาง มือสังหารที่ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตากลับมาอยู่ในบทบาทของซานเอ๋อผู้เป็นที่รักของหญิงงาม ถ้านางรู้ว่าซานเอ๋อ ที่นางรักห่วงใยได้ปีนข้ามกำแพงคฤหาสน์ของพวกเขาออกไปและใช้ต้นดอกหนามกินคนทั้งเป็นถึง 2 คน ใครจะรู้ว่านางจะคิดอย่างไร
ถ้าเย่ว์ปิงยังฝึกวิชาอัญเชิญกับเย่ว์หยางในลานเล็ก นางคงสังเกตเห็นจนได้ว่าต้นดอกหนามที่เย่ว์หยางอัญเชิญ ตอนนี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ต้นดอกหนามพ่นพิษปัจจุบันยังอยู่ระดับ 1 แต่ชั้นของมันเปลี่ยนไปจากระดับทองแดงดั้งเดิมแล้ว
มันกลายพันธุ์ไปเป็น ต้นดอกหนามลิ้นโลหิต
ตอนนี้ ต้นดอกหนามสูงประมาณ 2 เมตร ก้านของมันหนาประมาณเท่าแขนมนุษย์ มีหนามคลุมลำต้นเต็มไปหมด และกลีบปากมีขนาดโตขึ้น ฟันของมันคมกว่าเดิม ความแตกต่างอย่างมากที่สุดก็คือมันมีลิ้นยาวสีแดงดุจโลหิตงอกออกมา มันจะคอยแลบลิ้นและส่ายไปมาเหมือนงู หญิงงามไม่ได้สังเกตเห็นข้อแตกต่างทั้งหมด นางจูงเด็กหญิงไปนั่งรับแสงแดด อ่านจดหมายที่ลูกสาวนางส่งมาที่บ้านอย่างอารมณ์ดี
“ซานเอ๋อ, ปิงเอ๋อส่งจดหมายนี้มาแสดงความยินดีกับเจ้า” หญิงงามรู้สึกว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนางตอนนี้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
เดิมทีบุตรสาวนางจะเงียบๆ แต่ตอนนี้เริ่มสนิทกับซานเอ๋อของนางแล้ว
ปกติที่นางส่งจดหมายมาที่บ้านจะไม่เอ่ยถึงพี่สามของนางเลย ตอนนี้นางกล่าวถึงเขาในจดหมายหลายครั้งมาก และถามถึงรายงานการเรียนของเขาแบบมีเลศนัย นี่ก็ยืนยันว่าเด็กสาวคนนี้ลึกๆ แล้วในใจนางต้องการให้พี่นางมีพลัง
“ปิงเอ๋อสอบผ่านราบรื่นดีไหม?” เย่ว์หยางเรียกเก็บดอกหนามลิ้นโลหิตของเขา หลังจากต้นดอกหนามของเขายกชั้นเป็นชั้นทองแดง มีพลังมากกว่าเดิมอย่างน้อย 10 เท่า แล้วยังไม่รวมพลังในระดับของตน นี่พิสูจน์ว่าความลับของเขาไม่ผิด แนวทางพัฒนาการต้นดอกหนามของเขาอาจไม่ถูกต้องมากขึ้น อย่างน้อยก้าวแรกถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี เขาเชื่อว่าต้นดอกหนามจะยังคงยกระดับไปได้ถึงชั้นเงิน และชั้นทอง จากชั้นทองมันจะผ่านกระบวนวิวัฒนาการครั้งใหม่ เปลี่ยนเป็นปีศาจดอกหนามร่างมนุษย์ระดับทองแดง จากนั้นปีศาจดอกหนามจะยกระดับพัฒนาการต่อไปจากทองแดง เป็นเงิน, ทอง, ทองขาวจนไปถึงระดับเพชร จากนั้นก็จะกลายเป็นสัตว์อสูรร่างมนุษย์ในตำนาน นางพญาบุปผามงกุฎทอง
แนวทางเติบโตของนางพญาบุปผามงกุฎทองจะวิวัฒนาการได้ 3 ระดับ กระบวนการนี้ ยาวนานและยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม ก้าวแรกได้เริ่มต้นถูกทางแล้ว
ตราบใดที่ต้นดอกหนามยังกินคนมีชีวิตเป็นปุ๋ย อัตราการเจริญเติบโตของมันจะเร็วกว่าสัตว์อสูรรูปแบบสัตว์ร้ายหรือรูปแบบนก แม้ด้วยการช่วยเหลือของผลึกปีศาจ วิวัฒนาการของมันมีแต่จะก้าวหน้า ในอนาคตข้างหน้า นางพญาบุปผามงกุฏทองจะกลายเป็นฝันร้ายของเหล่าปีศาจในสนามรบ
นางพญาบุปผามงกุฎทองจากเมื่อ 3 พันปีมาแล้วที่ไม่เหลือแม้แต่ตำนาน จะกลายเป็นเรื่องจริง
“ปิงเอ๋อสอบผ่านได้ราบรื่น ปีหน้า นางจะเข้าเรียนในปี 5 ซึ่งเป็นชั้นระดับสูง นางยังสมัครเรียนปี 2 ให้เจ้าด้วย เนื่องจากกฎโรงเรียนไม่อนุญาตให้สมัครเรียนเกินกว่าปี 3 แน่นอนว่า ซานเอ๋อ สามารถเข้าเรียนปี 2 ได้ทันที ปิงเอ๋อบอกไว้ในจดหมายว่า หลังจากเรียนได้ไม่กี่เดือน ถ้าผลการเรียนเจ้าอยู่ในระดับยอดเยี่ยม เจ้าสามารถข้ามไปเรียนปี 3 ได้เลย” จากนั้นเด็กหญิงในอ้อมกอดของหญิงงามเริ่มส่งเสียงดังว่าเธอก็อยากไปโรงเรียนด้วย หญิงงามเห็นว่ารั้งเธอต่อไปไม่ได้ จึงได้ปล่อยเธอ เด็กหญิงโผเข้าหาอ้อมแขนของเย่ว์หยางตามประสาเด็ก หลังจากหญิงงามอ่านจดหมายเสร็จ นางมองอย่างลังเล ขณะถอนหายใจ “ปิงเอ๋อบอกว่านางจะยังไม่กลับบ้านประมาณ 3 เดือน นางต้องการไปหอทงเทียนเพื่อไปทดสอบที่นั่น..
“หอทงเทียนเหรอ? ทดสอบ?” ขณะเย่ว์หยางได้ยิน เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย
****************************