ตอนที่ 19 โรงเรียนเทียนเจียงเตรียมพร้อม
“อาจารย์ใหญ่บ้าจริงๆ! ทำให้ทุกคนลำบากกันไปหมด” ฟู่ต๋าอดบ่นไม่ได้
เมื่อไม่กี่วันก่อนจู่ๆ อาจารย์ใหญ่ก็ประกาศว่า ถ้าโรงเรียนไม่สามารถสร้างผลงานที่ดีในงานชุมนุมวิทยายุทธซิงฟงวันหยุดวันลาในรอบสองปีจะถูกยกเลิก ประกาศครั้งนี้มุ่งเจาะจงนักเรียนและครูทุกคน
อำนาจของอาจารย์ใหญ่สถาบันเทียนเจียงนั้นมีมากไม่มีใครโน้มน้าวเป็นอย่างอื่นได้ คนที่อยู่ในสถาบันเทียนเจียงมาก่อนจะรู้ว่าคำพูดของอาจารย์ใหญ่จะเพิกเฉยมิได้
ขณะนั้นเองผู้คนในสถาบันเทียนเจียงร้องโวยวายเหมือนหมูวิ่งไปวิ่งมาเหมือนสุนัข
ครูทุกคนเหมือนกับติดสปริงคอยนั่งสังเกตดูนักเรียนเพิ่มเวลาเรียน เพิ่มการฝึกพิเศษทุกชนิด ฝึกการต่อสู้จริงทั้งวันทั้งคืน
นักเรียนทุกคนของสถาบันเทียนเจียงรู้สึกลำบากมากเกินกว่าจะพูดอะไรได้ มีข่าวลือว่าพวกที่ขาดเรียนหรือว่ามาสายภายใต้แรงกดดันอย่างหนักจากสถานการณ์ จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง ในอดีตพวกเขาต้องจ่ายเงินติดสินบนครูสักเล็กน้อย พวกเขาก็จะมีวันเวลาที่ว่างเป็นของตนเอง แต่ตอนนี้วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล เนื่องจากครูผู้สอนเข้มงวดไม่มีผ่อนผันเนื่องจากปฏิบัติตามคำสั่งของอาจารย์ใหญ่
ไม่มีใครสามารถโดดเรียนได้ และทุกวันนักเรียนจะต้องทรมานจากการถูกทำโทษให้ยืนหน้าระเบียง
ฟู่ต๋าเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ถูกทำโทษวันนั้น
“ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ระยำสามคนนั่น” ลูกน้องเขาผู้คุ้นเคยกับข้อมูลภายในพูดเบาๆ “แกจำได้ไหมไอ้บ้านสามคนจากวันก่อน? ตอนนั้น ฉันเห็นพวกมันเข้าในโรงเรียนเราและรู้สึกไม่ชอบมาพากลแต่ฉันไม่เคยคิดว่าเป็นเพราะพวกเขา พวกเราถึงได้เจอเรื่องซวยขนาดนั้น!”
“แกกำลังพูดถึงไอ้พวกบ้านนอกสามคนนั่นเหรอ?”ฟู่ต๋าถาม เขาก็เห็นทั้งสามคนในวันนั้น แต่ไม่คิดว่าสองเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกัน
“ตาแก่นั่นคืออาจารย์ใหญ่สถาบันคาราเมล และอีกสองคน คนหนึ่งคืออาโมรี่ อีกคนหนึ่งคือถังเทียน แกควรจะรู้นะ พวกมันคือต้นเหตุเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้”
ฟู่ต๋าผงกหัว “ใช่แล้ว ใช่แล้ว,ฉันได้ยินมาว่าไอ้วัวบ้าอาโมรี่ย้ายโรงเรียน แต่ทำไมพวกเขาถึงมีอะไรเกี่ยวข้องกับอาจารย์ใหญ่ของเรา? พวกเขาเผลอขัดใจอาจารย์ใหญ่หรือเปล่า?”
“ฉันไม่แน่ใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ฉันได้ยินมาจากคนสองสามคนว่าอาจารย์ใหญ่และตาแก่นั่นทะเลาะกันในห้องอาจารย์ใหญ่ หลังจากนั้น ก็เกิดเรื่องนี้ตามมา” ลูกน้องของเขายังโวยวายต่อไป
“นั่นเป็นไปไม่ได้”ฟู่ต๋าไม่เชื่อ เหมือนกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลกที่ไม่ตลกอีกต่อไป“ โรงเรียนที่ล่มสลายอย่างสถาบันคาราเมลจะมีอะไรไปสู้ได้? เว้นแต่เขาต้องการแข่งขันกับเราที่งานชุมนุมวิทยายุทธซิงฟง? สมองของเขาต้องมีปัญหาแน่”
เขาไม่ใช่คนคุยโว เพราะโรงเรียนเทียนเจียงคืออะไร? นี่คือโรงเรียนอันดับหนึ่งของเมืองซิงฟง! สถาบันคาราเมลเป็นสถาบันอันดับสามจากบ๊วยซึ่งก็หมายความว่าทั้งสองโรงเรียนไม่มีอะไรเทียบกันได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะปัญหาย้ายโรงเรียน ฟู่ต้าคงจะไม่มีโอกาสได้ยินชื่อโรงเรียนนั้นเป็นแน่
“โลกนี้มีคนจำนวนมากมายที่อยู่เหนือหัวพวกเขา” พวกลูกน้องยักไหล่แล้วพูดต่อ“สมองของพวกเขาคงไหม้ไปแล้ว เราก็แค่นอนลงและถูกสับโขกอย่างนั้น”
“มันก็จริงนะ” ฟู่ต๋าอ้าปากกว้างใหญ่มีใบหน้าตกใจ
“มันก็จริง” ลูกน้องฟู่ต๋ารู้สึกขมขื่น
ฟู่ต๋ารู้สึกโกรธอยู่ภายในใจ “ไอ้กลุ่มสวะพวกนั้น ก็เข้าใจนะว่าสมองของพวกมันตาย แต่พวกมันดันมาเกี่ยวข้องกับเราด้วย ไม่มีทาง, เราไม่ยอมให้จบลงแบบนี้แน่”
“นายต้องการทำอะไร?” จู่ๆลูกน้องของเขาก็ตื่นเต้นกระตือรือร้นทันที
ฟู่ต๋าหัวเราะ“พวกมันต้องการสู้กับสถาบันเทียนเจียงของเราที่งานชุมนุมวิทยายุทธซิงฟงใช่ไหม? ไอ้พวกนี้ไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองพวกมันมีความสามารถอะไรที่จะพึ่งพาตนเองได้? น่าตลก!ฉันจะให้พวกมันได้รู้ว่าความจริงห่างจากสิ่งที่พวกมันนึกฝึกมากแค่ไหน”
“นายหมายความว่า นายต้องการ....” ลูกน้องติดตามเขานัยตาเป็นประกาย
“เฮ้อ, เราไม่จำเป็นต้องรองานชุมนุมวิทยายุทธเมืองซิงฟงก็ได้ เราก็แค่หาคน 2-3 คนไปสั่งสอนพวกมัน พวกมันต้องการเข้าร่วมงานชุมนุมวิทยายุทธไม่ใช่เหรอ? อย่างนั้นเราจะอัดพวกมันจนกว่าพวกมันไม่สามารถเข้าร่วมได้”ตาของฟู่ต๋าเย็นชา เขาคำรามว่า“พวกมันคิดว่าแค่มีอาโมรี่กระทิงบ้าแค่คนเดียวแล้วพวกมันจะเปลี่ยนตารางได้หรือ? สถาบันเหมิ่งโซ่วยังไม่กล้าเทียบกับเราสถาบันเทียนเจียงเลยกับอีแค่อาโมรี่คนเดียว พวกมันถึงกับหยิ่งนักหรือ? กำจัดพวกมัน!”
“ได้เลย เราจะหาคน 2-3 คนต้องไล่มันออกไป”
อย่างรวดเร็ว คำแนะนำของฟู่ต้าแพร่กระจายไปในหมู่นักเรียนที่ตอบสนอง ทันทีที่พวกเขานึกถึงสถานการณ์ย่ำแย่ในปัจจุบันของพวกเขาทุกคนแทบคลั่งด้วยความโกรธ
ฟู่ต๋าคาดไม่ถึงว่าจะมีคนตอบรับมากมาย
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ดึงดูความสนใจของครูจนโดนลงโทษเพิ่มขึ้น ในที่สุดพวกเขาก็เลือกนักเรียนที่แข็งแกร่งได้สองคน ขณะที่คนที่เหลือคอยปิดบังสองคนในชั้นเรียน
เสิ่นหยวนนักเรียนปีสาม รั้งอันดับเก้าในทำเนียบนักเรียนของสถาบันเทียนเจียง
หยางหย่ง นักเรียนปีสอง อันดับยี่สิบสองของสถาบันเทียนเจียง
ทั้งสองคนหายไป
※※※※※※※※※※※※※※※※※
ไม่มั่นใจว่าเป็นเพราะการฝึกฝนร่างกระเรียนหรือเปล่า แต่การฝึกหนักแต่ละรอบไม่มีการเหนื่อยเลย ถังเทียนกล้ารับรองว่าหมัดประกายไฟนั้นสมบูรณ์แล้ว และเขาสามารถใช้วิธีปล่อยหมัดประกายไฟได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากนั่งโคจรพลังหนึ่งชั่วโมง ความเมื่อยล้าของเขาก็หายไปหมด การฝึกในร่างกระเรียน นำไปสู่การเพิ่มพลังปราณเที่ยงแท้อย่างมากมาย
ตามความรู้จากการ์ดวิญญาณร่างกระเรียนเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นของคัมภีร์ปราณกระเรียนและแน่นอนว่ายังห่างจากระดับสุดยอด ร่างกระเรียนของถังเทียนถือได้ว่าอยู่ในระดับคืบคลานเท่านั้น เขาจำเป็นต้องเปิดช่องทางเดินปราณเล็กเพิ่มขึ้นเพื่อเสริมพลังร่างกระเรียน หลังจากเสริมพลังร่างกระเรียน กระร่างก็จะมีสีสันสดใสและเหมือนจริง พลังของมันจะน่ากลัว
เมื่อเขาฝึกฝนถึงขั้นนั้น ตามความคิดเขา เขาสามารถทำให้ร่างกระเรียนภายในมั่นคงและร่างของเขาจะเต็มไปด้วยพลังเที่ยงแท้ ในพริบตาเดียว พลังปราณเที่ยงแท้จะถูกปล่อยและไม่อาจทำลายได้ มันนุ่มแต่แน่น
ถังเทียนรู้สึกว่าเป็นโชคดีจริงๆ
คัมภีร์ปราณกระเรียนเป็นส่วนประกอบที่ดีที่สุดสำหรับป้ายความเพียรดาวกางเขนใต้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เขาได้ฝึกวิชาต่อสู้เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มปราณเที่ยงแท้ของเขาให้เพิ่มแบบก้าวกระโดด
นี่คือสิ่งที่ถังเทียนต้องการ ฝึกฝนไม่หยุดและฝึกหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จะมีอะไรที่ง่ายกว่านั้น?
ถังเทียนเต็มไปด้วยการคาดหวังร่างกายเขา เขาไม่รู้วิธีหรือว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาฝึกร่างกระเรียนจนถึงระดับสุดยอด
ถังเทียนหัวเราะลั่นกระโดดจากพื้นและวิ่งออกไปนอกน้อง เขาไม่อาจรอเพื่อซ้อมฝีมือกับอาโมรี่
อาโมรี่เหงื่อไหลไม่ขาดสายขณะฝึกอยู่ที่สนามฝึก ในมือของเขาถือดาบไม้เล่มหนึ่งที่เกือบใหญ่เท่าตัวของเขา เขาตวาดซ้ำๆ กัน แต่ก็เหมือนที่ผ่านมา ผู้เฒ่าเว่ยไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
โดยไม่ทันรู้ตัวถังเทียนรู้สึกว่าอาโมรี่ฝึกหนักมากกว่าปกติมากมาย ในความเป็นจริงอาโมรี่ก็ฝึกหนักอย่างนี้เสมอ ถังเทียนไม่เคยเห็นเขาฝึกกับตาตนเอง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เมื่อเขามองดูเงาร่างของอาโมรี่ ถังเทียนได้แต่คิดอย่างช่วยไม่ได้“อาโมรี่ฝึกหนักกว่าเราหรือนี่?”
โอว อาจเป็นความเข้าใจผิด
ถังเทียนสะบัดศีรษะทิ้งความคิดที่ไร้ประโยชน์ไว้เบื้องหลังเพียงแค่คิดพลังปราณเที่ยงแท้ก็ถูกถ่ายลงขาทั้งสองทำให้เขาเหินลอยเหมือนกระสุนปืนใหญ่ตรงเข้าหาอาโมรี่ที่กำลังฝึกอยู่
“เจ้าวัวน่ารำคาญ! รับหมัด!”
ถังเทียนตะโกนขณะลอยอยู่ในอากาศ เขาบิดกำปั้นแล้วปล่อยหมัดออกไป
อาโมรี่รู้สึกแล้วว่าถังเทียนพุ่งเข้ามาถึง ทันใดนั้นเขาพลิกดาบไม้ขนาดใหญ่ในมือแล้วกวาดฟันรอบตัวด้วยความเร็วที่ไม่อาจบรรยายได้
“ถังพื้นฐาน! ขอข้าดูหน่อยซิว่า เจ้าก้าวหน้าขนาดไหน”
อาโมรี่หัวเราะลั่นใช้ดาบไม้ยักษ์รับมือถังเทียนที่อยู่กลางอากาศและฟันใส่เขา
ดาบไม้ยักษ์ปล่อยภาพดาบความเร็วสูงสีดำ เสียงแหวนอากาศรุนแรงพุ่งเข้าใส่ถังเทียน
อาโมรี่ยังไม่สามารถสร้างปราณเที่ยงแท้ได้ แต่พลังดาบของเขาแข็งแกร่งราวกับเขากำลังกดทับภูเขาทำให้อีกฝ่ายหนึ่งคิดว่าไม่มีทางหลบหนี อาโมรี่เกิดมาก็มีความแข็งแรงราวกับเทพ ขณะที่ดาบไม้ทำจากไม้เนื้อแข็งจากในป่าและแข็งพอๆ กับประตู มันหนักมากกว่า100 กิโลกรัม
ด้วยแรงฟันที่หนักหน่วงนับว่าเป็นพลังที่น่าทึ่ง
พอสงบใจได้ อาโมรี่สามารถรู้สึกได้ชัดถึงความรุดหน้าของฝีมือตนเอง แรงฟันขนาดนี้เหมือนกับการยกน้ำหนักจะเป็นเป็นเรื่องง่าย ชัดเจนว่าพลังที่เขาแสดงออกมานั้น แสดงว่าเขามีความรุดหน้าแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนนี้
อย่างไรก็ตามอาโมรี่คาดไม่ถึงว่าถังเทียนที่อยู่กลางอากาศ ไม่ได้ตั้งใจหลบ
ถังพื้นฐานบ้าไปแล้วเหรอ?
อาโมรี่สับสนเล็กน้อย ร่างของถังพื้นฐานแข็งแรงโดดเด่นก็จริง แต่คงไม่อาจทนต้านรับพลังโจมตีนี้แน่ แม้ตัวเขาเองก็ไม่สามารถทนรับได้โดยปราศจากอาวุธ
ในอากาศ, ถังเทียนเหยียดหมัดออก
เมื่อเขาปล่อยหมัดออกหมัดนันก็หายไปทันที
หมัดประกายไฟ!
อาโมรี่ลอบตกใจ ครั้งสุดท้ายที่ถังเทียนใช้หมัดประกายไฟเขาเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบสิ้นเชิง ตั้งแต่นั้นทำให้เขาเครียดมาก แม้ว่าถังเทียนจะอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งในเวลานั้น และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง แต่อาโมรี่ก็ยังรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลที่ตัวเขาเองจะตกเป็นรอง
ขอข้าดูซิว่าหมัดประกายไฟของนายก้าวหน้ามากขนาดไหน!
หัวใจของอาโมรี่กระจ่างและพลังดาบของเขามีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เงาดาบดำคล้ายจะหลอมรวมเข้ากับร่างกายที่แข็งแกร่งดุจรูปสลักของเขา
บรรยากาศอึมครึมหายไปและพลังดาบของเขาซึ่งหนักหน่วงดุจขุนเขากลายเป็นเบาหวิวและรวดเร็วไม่ว่าหมัดประกายไฟของถังเทียนจะปรากฏที่ตำแหน่งใดก็ตาม ก็ถูกดาบกระแทกหายไปหมด
หมัดของถังเทียนปรากฏจากกลางอากาศทันที
เดี๋ยวก่อน!
อาโมรี่เพ่งพินิจทันทีและกรอบความคิดของเขาสลายไปหมดขณะที่เขาเพ่งมองหมัดของถังเทียนด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
รัศมีขาวจางเปล่งออกมาจากหมัดของถังเทียน
รังสีหมัดสีขาว!
เป็นไปไม่ได้! สิ่งแรกที่ผุดขึ้นในใจของอาโมรี่ก็คือคำนี้หมัดประกายไฟสร้างรังสีขาวออกมาได้ยังไง? นั่นเป็นไปได้ยังไง!
เคล็ดหมัดประกายไฟนั้นเป็นวิชายุทธระดับสอง....
แต่รังสีขาวที่อยู่บนหมัดนั้นชัดเจนแม้ว่ารังสีขาวนั้นยังค่อนข้างจางก็ตาม แต่เป็นรังสีหมัดขาวอย่างมิต้องสงสัย
อาโมรี่หายจากอาการงง และตั้งสติกลับมาได้
ขณะนั้นดาบไม้ยักษ์และหมัดที่มีรังสีหมัดหุ้มก็ปะทะกัน
ปัง!
เสียงดังเหมือนโลหะกับศิลากระทบกัน อาโมรี่สามารถรู้สึกได้แต่เพียงว่าพลังที่แข็งแกร่งสั่นสะท้านข้อมือเขา ฝ่ามือเขาร้อนจนแทบมิอาจถือดาบไม้ไว้ได้
รังสีหมัดขาว
นั่นคือของจริงและเป็นรังสีหมัดขาวที่แท้จริง!
เวลานี้อาโมรี่ไม่มีความข้องใจอีกต่อไป แสงรัศมีที่เปล่งออกมาจากหมัดของถังเทียนก็คือรังสีหมัดขาว
ถังพื้นฐาน....
หลังจากตกใจหัวใจของอาโมรี่ก็เต็มไปด้วยความคิดจะต่อสู้อย่างเต็มที่ ถังพื้นฐาน ฉันจะไม่ยอมแพ้นายเหมือนกับว่าร่างกายของเขาเป็นภูเขา เขาหมุนตัวและตั้งท่าเท้ายันพื้น จากนั้นใช้มือทั้งสองยกดาบไม้ยักษ์
“ถังพื้นฐาน นายเข้าถึงรังสีหมัดขาวได้จริงๆ! ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดฉันก็วางใจจะได้สู้กับนายอย่างวางใจเสียที มาเลย, ถังพื้นฐานมาช่วยทดสอบดาบถล่มปฐพีของฉันหน่อย”
ดาบที่อาโมรี่ใช้นั้นทั้งทรงพลังและหนักหน่วง แม้ว่าหมัดของถังเทียนจะหุ้มด้วยรังสีหมัด แต่เขาก็ยังต้องถอยออกไป 2-3 ก้าว เขารู้สึกว่าไหล่ แขน ขาของเขาเจ็บระบม
เจ้ากระทิงเถื่อนนี่แข็งแกร่งเป็นบ้า!
ตอนนี้อาโมรี่ท้าทายให้เขามาสู้ด้วยอย่างตื่นเต้น ถังเทียนลดหมัดทันทีและยิ้มอย่างเป็นกันเองโบกมือกล่าวว่า “ฮะฮะ, เจ้าวัวน่ารำคาญ ฉันแค่มาทักทายนายเท่านั้นเอง ตอนนี้ก็ทักทายไปแล้ว ฉันมีเรื่องต้องทำอีก นายเล่นของนายไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน...”
เพียงเท่านั้นเขารีบหนีไปราวกับว่าเท้าหล่อลื่นด้วยน้ำมัน
อาโมรี่มองงงๆขณะที่ถังเทียนถอยหลังหายวับไปต่อหน้าต่อตาเขา จากนั้นกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งเหมือนก้อนสำลีชุบเลือดจากแรงหมัดนั้น
เขาแผดเสียงก้องไปทั้งป่าทันที
“ถังพื้นฐาน! ไอ้บ้า!”ถังเทียนหัวเราะลั่น สะบัดแขนเสื้อหมุนตัวจากมา