ตอนที่ 1-18 วิญญาณในแหวนมังกรขนด (1)
ในท้องฟ้าด้านทิศตะวันออก บุรุษชุดเทายังคงยืนอยู่บนหัวมังกรดำซึ่งขดตัวอยู่กลางอากาศ รอยยิ้มมั่นใจในตนเองปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ขณะที่เขามองดูบุรุษชุดเขียวต่อสู้กับยักษ์ดินของเขา
“ฉัวะ...”
เสียงฟันแทงแหวกอากาศขณะที่ดาบของบุรุษชุดเขียวแทงเข้าที่ศีรษะของยักษ์ดินโดยตรง“บึ้ม!” ศีรษะของยักษ์ดินแตกกระจาย แต่ยักษ์ดินไม่ได้ล้มลง หมัดที่เหมือนกับก้อนศิลาของมันกระแทกใส่บุรุษชุดเขียว
“อ๊าค!” บุรุษชุดเขียวกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง สีหน้ากลายเป็นขาวซีด
จากนั้นศีรษะของยักษ์ดินที่แตกกระจายเริ่มรวมตัวคืนรูปเดิมเหมือนกับไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
“ดิลลอน! เจ้าวางมือเสียดีกว่า ผู้พิทักษ์ปฐพีที่ข้าเรียกออกมาไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเอาชนะได้” บุรุษชุดเทาที่ขับขี่มังกรดำพูดอย่างใจเย็น
บุรุษชุดเขียวจ้องมองบุรุษชุดเทาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นเขาพูดกระชากเสียงว่า“รูดี้! ถ้าข้าไม่ได้มันไป อย่างนั้นเจ้าอย่าหวังว่าจะได้เลย” แสงเขียวสว่างเปล่งออกมาจากมือของบุรุษชุดเขียว พอเห็นอย่างนี้ บุรุษชุดเทาซึ่งแต่เดิมยังยืนใจเย็นอยู่บนหัวมังกรดำถึงกับตกใจและกังวลมากขึ้นทันที“หยุดนะ!”
“แผละ”
แขนทั้งสองของบุรุษชุดเขียวเปล่งแสงสว่างราวกับดวงอาทิตย์ เสียงระเบิดสามารถได้ยินและจากนั้นก็หายไปทันที
“ดิลลอน, เจ้า!” บุรุษชุดเท่าชี้บุรุษชุดเขียวอย่างเดือดดาลแต่พูดอะไรไม่ออก
หน้าของบุรุษชุดเขียวซีดขาวขณะที่เขาจ้องดูบุรุษชุดเทา ที่หน้าซีดเช่นกัน “ตอนนี้ ไม่มีใครได้มันไป รูดี้,ข้าก็บาดเจ็บแล้ว แต่ถ้าเจ้าต้องการจะฆ่าข้า นั่นคงยากจะทำได้สำเร็จ”บุรุษชุดเขียวหัวเราะเย็นชาและกลายเป็นลำแสงสีเขียวเหาะไปทางท้องฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วเต็มที่
บุรุษชุดเทามองเขาบินจากไป เขาได้แต่ขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ไล่ตาม
ยักษ์ดินที่อยู่ข้างๆบุรุษชุดเทาค่อยๆ หายไป
“เซียนดาบดาราดิลลอน?น่าเสียดายที่ข้ายังมิอาจฆ่าเจ้าได้” บุรุษชุดเทาพูดเสียงในลำคอ จากนั้นมังกรดำที่เขาควบคุมอยู่ เหมือนกับจะรู้ความปรารถนาของเจ้านายกระพือปีกมหึมาและบินไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
ในชั่วพริบตานักสู้ระดับเซียนทั้งสองคนก็หายลับไป
แต่ภาพการทำลายล้างยังคงอยู่ในสายตาของชาวเมืองอู่ซันบ้านพังทลายเกือบพันหลัง เสียงร้องเจ็บปวด เสียงสาปแช่งและความทุกข์ระทม ในอากาศแว่วเสียงร้องเจ็บปวด ในช่วงเวลาสั้นๆเมืองที่เงียบสงบก่อนหน้านี้กลายเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ
…………….
ในลานคฤหาสน์ตระกูลบาลุค มีแต่เพียงฮ็อก
ฮ็อกนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งขณะที่เขาย่นหน้าผาก ในฐานะผู้ปกครองเมืองอู่ซัน เขาต้องคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับวิธีดูแลคนของเขา
เสียงฝีเท้าดังนั้นลุงแอชลี่ย์ออกมาจากห้องรับแขก “ใต้เท้า”
“ลินลี่ย์เป็นยังไงบ้าง?”ฮ็อกหันศีรษะมาถามทันที
แอชลี่ย์หัวเราะ“ใต้เท้า, โปรดวางใจ ข้าล้างแผลทำความสะอาดแผลให้คุณชายลินลี่ย์แล้ว จากนั้นพันแผลให้ใหม่ ข้าให้เขากินเนื้อชามโตจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและให้เขาไปนอนพัก พอเขาตื่นขึ้น เขาจะอาการดีขึ้นมาก”
ตอนนี้ฮ็อกรู้สึกโล่งใจและพยักหน้า แต่หน้าผากเขายังคงขมวดอยู่
“ใต้เท้า,ท่านกังวลเรื่องชาวเมืองอู่ซันหรือ?” แอชลี่ย์ถาม
ฮ็อกพยักหน้าฝืนยิ้มและพูดว่า“ลุงแอชลี่ย์ ชาวเมืองอู่ซันเกือบทั้งหมดไม่เหมือนเรา บุรุษชาวเมืองอู่ซันยังไม่แย่นัก พวกเขาเกือบทั้งหมดเป็นนักรบระดับหนึ่งหรือไม่ก็ระดับสอง แต่สตรีไม่เป็นเช่นนั้น มีก้อนหินมากมายตกลงมาจากท้องฟ้าไม่หยุดยากที่พวกนางจะป้องกันตัวได้”
แอชลี่ย์พยักหน้าเช่นกัน
จำนวนคนชาวเมืองอู่ซันผู้สามารถใช้ปราณยุทธได้แทบจะนับนิ้วได้เลย หินเป็นพันก้อนร่วงลงมาจากฟากฟ้า ถ้าไม่มีผู้เข้าไปหลบที่ห้องใต้ดินเสียก่อน หรือใช้โล่หนาป้องกันหินที่กระแทกลงมาให้ทันเวลา
“ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เราจะทำได้ นอกจากรอรายงานจากฮิลแมน” ฮ็อกรู้สึกกระสับกระส่าย
หลังจากผ่านไปนาน มีเสียงฝีเท้าเร่งด่วนเข้ามาในคฤหาสน์
ตาของฮ็อกกระจ่างวูบ เขาหันไปดูฮิลแมนเดินเข้ามาในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
“ฮิลแมน เหตุการณ์ในเมืองอู่ซันเป็นยังไงบ้าง?” ฮ็อกรีบถาม
ฮิลแมนมีแววตาเจ็บปวด“เราเพิ่งประมาณการไปบางส่วน มีคนเสียชีวิตเกินกว่า 300 คน และบาดเจ็บ 1,000 คน” ประชากรชาวเมืองมีทั้งหมด 5,000 คนนี่หมายความว่าอัตราความเสียหายคือ 20%และนี่เป็นพวกที่อยู่อาศัยในบ้านหิน นี่นับเป็นหายนะโดยแท้
“มีคนบาดเจ็บล้มตายกันมากนัก?”ฮ็อกเริ่มกังวลใจอย่างช่วยไม่ได้
อาหารคือเลือดและชีวิตของทุกประเทศและเมืองเล็กก็เช่นกัน สำหรับคนทำงานจะลดลงไปอย่างมากมาย แต่จำนวนคนบาดเจ็บและพิการจากการโจมตีด้วยหิน..จะทำให้เศรษฐกิจของเมืองย่ำแย่ในอนาคต
“เฮ้อ..” ฮ็อกถอนหายใจยาว
เขาต้องการลดภาษีให้พวกเขา แต่ภาษีเมืองอู่ซันก็ต่ำมากอยู่แล้ว ตอนนี้ความอยู่รอดของตระกูลเขากลายเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง เขาจะช่วยชาวเมืองได้ยังไง? สถานการณ์แตกต่างจากเมืองอื่นที่ภาษีสูงมากจนประชาชนเสียชีวิตจากความเหนื่อยล้าและทุกข์ยาก
“ใต้เท้าฮ็อกชาวเมืองอู่ซันชื่นชมน้ำใจและความเอื้อเฟื้อของท่าน ทุกคนรู้ว่าท่านทำเพื่อพวกเรามากมายแค่ไหน โปรดอย่าร้อนใจมากเกินไปเลย” ฮิลแมนกล่าวอยู่ด้านข้าง
ฮิลแมนเองก็เกิดอยู่ในเมืองอู่ซันเช่นกัน
ในฐานะที่เป็นนักรบระดับหก แม้อยู่ในเมืองหลวงเขาสามารถเป็นหัวหน้าองครักษ์ให้ตระกูลขุนนางได้ แต่เพราะฮิลแมนรู้สึกถึงความเมตตาเอื้ออาทรที่ตระกูลบาลุคมี หลังจากฮิลแมนลาออกจากกองทัพแล้ว เขาจึงกลายเป็นหัวหน้าองครักษ์ในตระกูลขุนนางเก่า ตระกูลบาลุคนี้
“ฮิลแมน, ส่งหน่วยรักษาการณ์ไปสอดส่องในเมืองให้มากขึ้น ลุงแอชลี่ย์ ท่านไปพักบ้างเถอะ” ฮ็อกออกคำสั่ง
“ขอรับ, ใต้เท้า” ฮิลแมนรับคำ
พ่อบ้านแอชลี่ย์ยังคงแสดงความเคารพและแยกจากมา หลังจากฮิลแมนออกจากศาลามาแล้วก็เหลือฮ็อกอยู่เพียงคนเดียวอีกครั้ง
….
ภายในห้องนอนของลินลี่ย์
เนื่องจากลินลี่ย์ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แอชลี่ย์ได้สั่งทุกคนไม่ให้รบกวนลินลี่ย์และปล่อยให้เขาได้พักผ่อน ขณะที่เมืองอู่ซันยังคงปั่นป่วน แต่ห้องนอนของลินลี่ย์สงบเงียบ ลินลี่ย์หลับลึกจนอยู่ในโลกของความฝัน
“ติง!”
เสียงดังเหมือนระฆังนุ่มนวลสามารถได้ยินได้ ขณะที่แสงรัศมีเริ่มฉายออกมาจากหน้าอกลินลี่ย์ จากนั้นแสงที่อาบแหวนมังกรขนดสีดำ ค่อยๆ ลอยออกมาจากใต้ชุดนอนและเริ่มลอยอยู่เหนือเขาสิบเซนติเมตร
แหวนเริ่มสั่นรุนแรงมากขึ้น และแหวนมังกรขนดเริ่มเรืองแสงมากยิ่งขึ้น
โชคดีที่ไม่มีใครอื่นอยู่ในห้องนอนของลินลี่ย์ในตอนนี้ ใครเข้าห้องมาในตอนนี้คงได้ตะลึงแน่ อย่างไรก็ตามลินลี่ย์ยังนอนหลับอย่างสบายและไม่สังเกตเห็นว่าตอนนี้แหวนมังกรขนดกำลังลอยอยู่
“ติง”แสงสว่างเรืองรองรอบแหวนมังกรขนดเริ่มการทำสัญญาอย่างรวดเร็วทันที จากนั้นแสงรังสีลอยออกมาจากแหวน แล้วลงมาอยู่ข้างเตียงของลินลี่ย์มันกลายเป็นภาพของคนๆ หนึ่ง
เป็นภาพของบุรุษสูงอายุที่ดูใจดีอยู่ในชุดขาวนวลและมีเครายาวสีขาว
ถึงตอนนี้แหวนมังกรขนดได้ร่วงลงไปอยู่ที่อกของลินลี่ย์ เปลือกตาลินลี่ย์กระตุกอย่างไร้กำลัง จากนั้นเขาจึงลืมตาขึ้น พอเห็นเป็นบุรุษสูงอายุที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนมาอยู่ที่หัวเตียงของเขา เขาตกใจอย่างช่วยไม่ได้ “ท่าน...ท่านเป็นใคร?”
“หวัดดี, เด็กน้อย, ข้าชื่อเดลิน โคเวิร์ท ข้าคือจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนแห่งจักรวรรดิพูเอนท์” ชายชราที่ดูอารมณ์ดีพูดพลางยิ้ม
ลินลี่ย์ตาเหลือกทันที“ท่าน...ท่านเป็นอาจารย์จอมเวทระดับเซียนหรือนี่?”
ชายชราผมขาวพยักหน้าแข็งขัน
“ไม่มีทางหรอก ปู่,ท่านบอกว่ามาจากจักรวรรดิพูเอนท์ จักรวรรดิพูเอนท์ล่มสลายไปเมื่อห้าพันปีที่แล้วมิใช่หรือ?” ลินลี่ย์คุ้นเคยกับประวัติศาสตร์โลกดีและเขารู้ดีว่าอาณาจักรพูเอนท์มีมาก่อนตระกูลของเขาด้วยซ้ำ ในยุคปัจจุบันอาณาจักรพูเอนท์ไม่ใช่หนึ่งในสี่อาณาจักรใหญ่ของโลกแล้ว