ตอนที่ 1-12 ตั้งเป้าไขว่คว้าพลัง (1)
แค่ได้เห็นมังกรลมกรดอสูรเวทระดับ 7 และจอมเวทลึกลับเจ้านายของมันทำให้ฮ็อกใจเย็นลงได้
“ลุงแอชลี่ย์”ฮ็อกหันไปมองพ่อบ้านแอชลี่ย์ทันทัน“รีบหาคนมาค้นดูทองที่หลอมละลายอยู่ในกองเถ้าถ่านนี้ นักผจญภัยกลุ่มนี้ไม่ใช่พวกธรรมดาเหมือนกัน ไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาคงมีสมบัติมีค่าอยู่กับตัวแน่ ข้าหวังว่าพวกเขาคงมีมากพอชดเชยความเสียหายที่เราได้รับในวันนี้”
ฮ็อกจ้องมองไปทุกที่เห็นบ้านเรือนพังทลายเป็นอันมาก
“ได้ขอรับ ท่าน” แอชลี่ย์พยักหน้า
“ฮิลแมน” ฮ็อกหันไปมองฮิลแมน ยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง?”
ฮิลแมนพยักหน้าเช่นกัน“ข้าว่าน่ากลัวจริงๆ เมื่อข้าเห็นมังกรลมกรดอสูรวิเศษระดับเจ็ด และจอมเวทลึกลับผู้นั้น ข้าว่าชาวเมืองอู่ซันคงไม่มีความสามารถจะสู้ตอบโต้อย่างนั้นได้ ถ้าผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมจอมเวทระดับแปดตั้งใจจะทำลายเมืองของเรา ข้ายังสงสัยว่าผู้ใดยังจะกล้าตำหนิเขา อย่าว่าแต่ตอบโต้หรือลงโทษเขาเลย
นักเวทมีสถานะในสังคมสูงส่งมาก
ปกติ แม้จะเป็นนักเวทธรรมดาก็มีฐานะในสังคมเท่ากับขุนนาง
แล้วถ้าเป็นจอมเวทระดับแปดเล่า? แม้ว่าเขาจะอยู่ต่อหน้าพระราชา เขาไม่จำเป็นต้องคุกเข่าถวายบังคมแต่อย่างใด เขาสามารถสนทนาขณะที่ยังยืนก็ได้ จากเหตุนี้เอง ใครๆก็อาจบอกได้ว่าจอมเวทมีสถานะสูงส่งเพียงไหน
“ถูกแล้ว ดังนั้น เราควรฉลองกับความจริงที่ว่าวันนี้ไม่มีชาวเมืองอู่ซันตายแม้แต่คนเดียว” ฮ็อกหัวเราะ
“ย่อมคุ้มค่าต่อการฉลองแน่นอน” ฮิลแมนพยักหน้าหัวเราะเช่นกัน
“ฮิลแมน เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปช่วยลุงแอชลี่ย์ หลังจากเสร็จแล้ว ให้จดรายชื่อคนที่สูญเสียบ้านมาด้วย” ฮ็อกสั่ง
“ได้ขอรับ, ท่านฮ็อก” ฮิลแมนรับคำ
ฮ็อกหันไปมองข้างหลังอย่างระมัดระวัง จากนั้นถามฮิลแมนอย่างสงสัยว่า “ฮืม? ลินลี่ย์ไปไหนแล้ว? เมื่อครู่นี้ยังอยู่ตรงนี้เลย”
“ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่ทันได้สังเกต” ฮิลแมนส่ายศีรษะเช่นกัน
“นายท่าน, คุณชายลินลี่ย์เพิ่งออกไปจากบ้าน แอชลี่ย์พูดอยู่ด้านข้างๆ”แม้ตอนที่เขาออกไป ดูเหมือนเขาจะยังงงงวยอยู่ ไม่ทราบว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไร”
ฮ็อกพยักหน้าอย่างใช้ความคิด
==================
ถ้าจะมีอย่างเดียวที่คฤหาสน์ตระกูลบาลุคไม่ขาดแคลนนั่นก็คือห้อง ในช่วงที่ตระกูลบาลุครุ่งเรือง ที่นี่มีคนอยู่อาศัยเป็นร้อย ประชากรตอนนี้ลดน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก แม้แต่เด็กแปดขวบอย่างลินลี่ย์ก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวของเขา
ภายในห้องนอนของลินลี่ย์
ลินลี่ย์กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงขมวดคิ้วคิดอยู่
พลังที่น่าหวาดหวั่นของระบำอสรพิษเพลิงวนเวียนผุดเป็นภาพในใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า อสรพิษเพลิงยักษ์เหล่านั้นและเปลวเพลิงร้อนแรงที่พวกมันสร้างผุดขึ้นมาในใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า พวกมันเปลี่ยนให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆกลายเป็นเถ้าถ่าน รวมทั้งกลุ่มนักรบและนักเวทกลุ่มเล็กๆที่ทรงพลัง
“จอมเวททรงพลังมากจริงๆ”
ลินลี่ย์รู้สึกถึงด้ายแห่งความปรารถนาในใจเขา “แม้ว่าเราจะเป็นสมาชิกของตระกูลนักรบเลือดมังกรคนหนึ่ง แต่ความเข้มข้นของเลือดมังกรในสายเลือดของเรายังต่ำเกินไป เป็นความจริงที่คนที่มีเลือดมังกรไม่เข้มข้นไม่สามารถฝึกฝนปราณยุทธอย่างอื่นได้ วิธีฝึกฝนเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งความสามารถของเรามิให้พัฒนาทักษะนักรบขั้นสูงสุดได้ สงสัยว่าหากเป็นไปได้ เราน่าจะเป็นจอมเวทแทน”
ทันใดนั้นลินลี่ย์มีความต้องการจะเป็นจอมเวท
“มังกรลมกรดตัวนั้นทรงพลังน่ากลัวเช่นกัน ถ้าเรามีมังกรลมกรด อย่างนั้น...”
ลินลี่ย์เริ่มคิดย้อนไปถึงพลังที่น่ากลัวของมังกรลมกรด
มันรวดเร็วดุจสายฟ้า หางที่เหมือนแส้หวดใส่ก้อนศิลาที่พุ่งโจมตีมาได้อย่างง่ายดายและยังทำลายบ้านเรือนเพียงแค่มันสัมผัส ร่างมหึมาของมันคล้ายอาวุธโอบล้อมขนาดยักษ์ที่ศัตรูจะต้องเผชิญในสงคราม
“อสูรเวท... สงสัยจริงว่าทำอย่างไรถึงจะครอบครองอสูรเวทได้” ลินลี่ย์ปรารถนาจะมีอสูรเวทเป็นของตนเองสักตัว
ไม่ว่าด้วยเหตุผลไรก็ตามขณะที่เขานอนบนอยู่บนเตียงเขาไม่อาจหลับได้ เขากระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา ในใจยังเต็มไปด้วยภาพมังกรลมกรดและระบำอสรพิษเพลิงที่จอมเวทผู้นั้นใช้ออกมา
“ลินลี่ย์, เป็นอะไรไปลูก?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
ลินลี่ย์ถีบเท้าและเงยศีรษะขึ้น เขาเห็นว่าเป็นบิดาเขานั่นเอง ฮ็อก ขณะนั้นใบหน้าฮ็อกมีรอยยิ้มขณะมองดูลินลี่ย์
“ท่านพ่อ” ลินลี่ย์พูดอย่างนอบน้อม ทันใดนั้นลินลี่ย์รู้สึกสับสน “ทำไมท่านพ่อถึงยิ้มให้เรา?และทำไมท่านถึงมีสีหน้าเช่นนั้น
ปกติฮ็อกจะเข้มงวดกับลินลี่ย์มาก และไม่ค่อยยิ้มอย่างสนิทสนม สีหน้าของเขาในตอนนี้ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจ
“ไม่เลว, ไม่เลวเลย” ฮ็อกพูดอย่างภูมิใจขณะมองลินลี่ย์ “ลูกเป็นทายาทคนหนึ่งของตระกูลนักรบเลือดมังกรเราจริงๆ ลูกมีคุณสมบัติระดับสูง ถ้าลูกหลานนักรบเลือดมังกรหวาดหวั่นต่อความตาย กลัวเห็นเลือด, กลัวการฆ่าอย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องตลก”
พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ลินลี่ย์เข้าใจได้ทันที บิดาของเขามีความสุขที่เขาแสดงออกว่าไม่กลัวภาพที่น่ากลัวที่มังกรลมกรดกินลูคทั้งเป็น
ลินลี่ย์พูดอย่างประหลาดใจ“ท่านพ่อ, ท่านเห็นทุกอย่างเหรอ?”
“มังกรลมกรดนั้นทำให้เกิดความปั่นป่วนขนาดนั้น พ่อจะไม่เห็นได้ยังไง? ทันทีที่มังกรลมกรดมาถึงเมืองอู่ซัน พ่อก็ออกมาเช่นกัน แต่พ่อไปอยู่อีกด้านหนึ่ง พ่อสามารถเห็นสีหน้าของลูกและของฮิลแมน” ฮ็อกพยักหน้า
ลินลี่ย์ฉีกยิ้ม
นึกถึงตอนนั้นจากที่เริ่มตื่นเต้นเล็กน้อย ต่อมาเขารู้สึกเหมือนกับว่าเลือดสูบฉีดเดือดพล่านทำให้เขาเหมือนกับกระหายเลือด ลินลี่ย์สงสัยว่าอาจเป็นเพราะเลือดมังกรในสายเลือดเขา
ฮ็อกหัวเราะ “ลินลี่ย์ เหตุการณ์วันนี้ประหลาดมากขนาดทำให้ลูกลืมอาหารค่ำอย่างนั้นหรือ?”
“อาหารค่ำ?” ลินลี่ย์สะดุ้ง
“จ๊อก...” เสียงท้องร้องเหมือนจะเห็นด้วยในเวลานี้ เดี๋ยวนี้ลินลี่ย์ตระหนักว่ายังไม่ได้ฝึกตอนเย็นก่อนที่มังกรลมกรดและจอมเวทลึกลับจะมาถึง
ถูกแล้ว ตอนนี้ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว
แต่ในใจของลินลี่ย์ยังคงวนเวียนคิดถึงเรื่องระบำอสรพิษเพลิงและมังกรลมกรด
“ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องอยากถาม เป็นไปได้ไหมที่สมาชิกตระกูลนักรบเลือดมังกรจะกลายเป็นจอมเวท?” ลินลี่ย์รวบมือโดยไม่ทันรู้ตัวกำผ้าคลุมเตียงแน่น เขาจ้องบิดาเขาแน่วแน่
ฮ็อกสะดุ้ง แต่ชั่วครู่ต่อมาเขาก็เข้าใจได้ทันที ดูเหมือนตอนนี้บุตรชายของเขาต้องการเป็นจอมเวท
“เป็นไปได้สิ” ฮ็อกพยักหน้า
ลินลี่ย์ไม่สามารถปิดความยินดีมิให้ปรากฏอยู่บนสีหน้า
ฮ็อกโบกมือเตือนให้ลินลี่ย์สงบอารมณ์ก่อนที่จะพูดว่า“ลินลี่ย์ มีนักเวทอยู่ในสายตระกูลนักรบเลือดมังกรของเรา อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีเพียงสองคนเท่านั้น ลินลี่ย์ลูกควรจะรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนที่จะเป็นนักเวทได้ก็คือพรสวรรค์โดยธรรมชาติ โดยทั่วไปมีเพียงคนหนึ่งในพันคนที่มีพรสวรรค์พอจะเป็นนักเวทได้ หนึ่งในพัน! โอกาสต่ำมากจริงๆ ดังนั้น ลูกอย่าตั้งความหวังมากเกินไปจะดีที่สุด”
ลินลี่ย์ส่ายหน้า
“ท่านพ่อ, ตราบใดที่มีความหวังมาก ข้าก็จะอดทน” แววตาแน่วแน่ปรากฏอยู่บนใบหน้าลินลี่ย์
ฮ็อกมองดูสีหน้าจริงจังปรากฏอยู่บนใบหน้าเด็กวัยแปดขวบ อย่างไรก็ตามเด็กคนหนึ่งเอาจริงเอาจังนับเป็นเรื่องน่าขัน แต่ฮ็อกไม่ได้หัวเราะ
ฮ็อกไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะจากนั้นพูดว่า “ลินลี่ย์ ทุกๆ ปีเมื่อกองทัพประกาศรับสมัครในปลายฤดูใบไม้ร่วง ในเมืองหลวงเฟนไล จะมีนักเรียนนักเวทเข้ามาสมัครทดสอบ ถ้าลูกต้องการไปจริงๆ พอถึงฤดูใบไม้ร่วง ลูกไปทดสอบก็ได้”
“ฤดูใบไม้ร่วงหน้าหรือ?ยังเหลืออีกครึ่งปีไม่ใช่เหรอ?” นัยน์ตาของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น