Ep.438 - เริ่มปฏิบัติการ
3/3
Ep.438 - เริ่มปฏิบัติการ
ใช้เวลาสามวัน
หน่วยสอดแนมที่ส่งออกไปก็รายงานข้อมูลกลับมา
ปรากฏนิมิตหมายและภัยธรรมชาติต่างๆขึ้นบ่อยครั้งทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นเดียวดาย
สัญญาณเหล่านี้สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ ว่าภัยสีชาดในรอบหกสิบปี ได้กลับมาแล้วจริงๆ
ฮังอวี่เรียกรวมตัวทุกคน “อืม พิจาณราจากสถานการณ์ เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องจริง ผู้ครองแคว้นเดียวดายของเราไม่น่าเจาะจงตั้งตนเป็นศัตรูกับเผ่ามนุษย์”
ผู้บริหารมังกรครามในห้องประชุมเมื่อได้รับข่าวนี้ หลากหลายอารมณ์ประทังเข้ามา
อารมณ์ความสุขที่เกิดขึ้นก็เพราะโล่งจที่ผู้ครองแคว้นไม่ได้เพ่งเล็งพวกเราจริงๆ
ส่วนอารมณ์ทุกข์ก็คือ เมืองธารทะเลทรายปราศจากเหตุผลที่จะหลีกเลี่ยง หากยั่วยุผู้ครองแคว้น แล้วเขาร่วมมือกับขุนนางใหญ่ตนอื่นๆ เมืองธารทะเลทรายคงรับไม่ไหว
ไหนจะเรื่องมอนสเตอร์เผ่าทรายสีชาดอีก มองยังไงมันก็อันตรายมาก
ฉูเทียนหัวกล่าวว่า “เนื่องจากมันเป็นเรื่องจริง ฉันคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าพวกเราออกไปโดยเร็วที่สุด ผู้ครองแคว้นกับขุนนางใหญ่อีกหลายตนคงคิดใช้โอกาสนี้ทดสอบพวกเรา ดังนั้นเราก็ควรใช้โอกาสนี้ทดสอบพวกเขาเช่นกัน”
“เหล่าฉูพูดถูก” จ้าวหมิงกล่าวเสริมว่า “ถ้าไม่ช้าก็เร็วเราต้องติดต่อกับพวกเขา งั้นสู้เก็บข้อมูลพวกเขาล่วงหน้า แบบนี้จะดีกับพวกเรามากกว่า”
ความคิดของเขาเรียบง่ายมาก
ให้เผ่ามนุษย์หาข้อมูลและภูมิหลังของผู้ที่อาจเป็นศัตรูกันตั้งแต่เนิ่นๆ ขณะเดียวกันเผยให้เห็นถึงความอ่อนแอในช่วงนี้แก่อีกฝ่าย มอบข้อมูลผิดๆ จากนั้นเก็บงำสะสมความแข็งแกร่ง สุดท้ายถ้าอีกฝ่ายคิดร้าย พวกมันก็จะประสบความสูญเสียอย่างแท้จริงเหมือนเมืองธารทะเลทราย
ฮังอวี่พยักหน้า “ช่องเขาจันทร์สีชาดตั้งอยู่ในทะเลทรายสีชาดทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นเดียวดาย ระยะทางค่อนข้างไกลจากพวกเรา ถึงจะเร่งเดินทัพ แต่คิดว่าคงใช้เวลา 4 5 วัน”
เขาเอ่ยต่อว่า “เหล่าฉู ฝากคุณจัดเตรียมยอดฝีมือระดับหัวกะทิ 200 นาย และจัดทัพสมุนทหาร 4000 นายให้พร้อม พวกเราจะออกไปโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้พลาดกำหนดการ”
“รับทราบ!” ฉูเทียนหัวยืนขึ้นทันที น้อมรับคำสั่ง จากนั้นเอ่ยถามว่า “แล้วจะให้เลือกสมุนทหารแบบไหนไปบ้าง?”
ฮังอวี่กล่าวว่า “สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อน พวกเราอาจต้องด้นสด ฉะนั้นเลือกทหารที่มีความคล่องตัวสูง ... ตอนนี้มีทหารม้าเกราะเบากี่นายแล้ว?”
ฉูเทียนหัวตอบทันที “ทั้งหมด 3000 นาย”
“งั้นเอาพวกเขาทั้งหมดไป และเตรียมทหารรักษากับทหารเทคนิคลับอีกอย่างละ 500 นายไปกับพวกเรา!”
จำนวนทหารทั้งหมดในเมืองธารทะเลทรายปัจจุบันมีทั้งสิ้น 10000 นาย
เป็นเวลากว่า 20 วันแล้วนับแต่มีการเข้ายึดเมืองธารทะเลทราย พวกเขาทุ่มทรัพยากรอย่างบ้าคลั่ง และยังเป็นเรื่องยากที่จะสะสม ดังนั้นการนำทหาร 4000 นายออกไปในคราวเดียว เท่ากับว่ามีทหารราบและทหารนักเวทย์เหลืออยู่ในเมืองประมาณ 5000 กว่านายเท่านั้น
เรียกได้ว่าทหารรักษาการณ์ในเมืองค่อนข้างโล่ง
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังมีเผ่ามนุษย์อีกหลายพันคน ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยของเมืองธารทะเลทราย ไม่น่ากังวลมากจนเกินไป
เมื่อฮังอวี่จัดแจงการเดินทาง ไม่รู้ว่ามีข่าวรั่วออกไปได้ยังไง
เจียงหนานวิ่งมาหาเขาและเอ่ยว่า “คนจากสำนักกระบี่วิญญาณต้องการพบพี่!”
ฮังอวี่บอกให้เสี่ยวไป๋พาคนเข้ามา แน่นอนว่าผู้มาเยือนคือลุคและผู้นำทั้งสาม นอกจากนี้ยังมีอีกสิบกว่าคน ทั้งหมดเป็นชนชั้นยอดของสำนักกระบี่วิญญาณ และหัวหน้ากองกำลังเผ่ามนุษย์จากอีกหลายทีม
“พวกเราได้ยินเรื่องปฏิบัติการนี้แล้ว!” ลุคเปิดประเด็นและพูดกับฮังอวี่ว่า “พวกเราต้องการมีส่วนร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย!”
ฮังอวี่รู้สึกประหลาดใจ “ในเมื่อรู้อยู่แล้ว ฉะนั้นพวกคุณก็น่าจะรู้ถึงความเสี่ยงในครั้งนี้ พวกเราไม่เพียงต้องเผชิญกับมอนสเตอร์ฝูงใหญ่และทรงพลังเท่านั้น แต่อาจกระทบกระทั่งกับขุนนางใหญ่บางตนด้วย พวกคุรแน่ใจหรือว่าจะเข้าร่วม?”
“ถ้าพวกเราไม่กล้าเสี่ยง ก็ไม่สมควรมาไกลถึงขนาดนี้” ลุคเบะปากแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเฉยเมย “พวกเราต้องการแกร่งขึ้น แม้ปฏิบัติการนี้จะอันตราย แต่ก็เต็มไปด้วยโชคไม่ใช่เหรอ?”
ฮังอวี่จมหายเข้าไปในความคิด พลังรบของลุคไม่ด้อยไปกว่าฉูกับจ้าวมากนัก พวกเขาถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าของเผ่ามนุษย์ ถ้าพาไปด้วยอาจพอช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ใช่สมาชิกของมังกรคราม ดังนั้นอาจร่วมมือกันได้ไม่ราบรื่นนัก
“ผมอนุญาตให้พวกคุณเข้าร่วมก็ได้”
“แต่มีเงื่อนไขสองข้อ ขอให้พวกคุณฟังก่อนตัดสินใจ”
“ข้อแรก เมื่อเข้าร่วมทีมกัน ทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่ง ห้ามทำตัวแตกแถว ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง ถ้าไม่ได้รับอนุญาตห้ามลงมือ”
“สำหรับเงื่อนไขที่สอง ... พวกคุณมีหลายคนพลังรบไม่เลว แต่ก็มีหลายคนยังอ่อนแอเล็กน้อย ถ้าอยากเข้าร่วมจริงๆพวกคุณต้องยอมซื้อหุ่นรบเหนี่ยวนำมนตรา ‘ทหารพิฆาต’ จำนวนห้าเครื่อง”
หลายคนจากสำนักกระบี่วิญญาณมองหน้ากัน
สำหรับเงื่อนไขข้อแรก พวกเขาเข้าใจได้
แต่เงื่อนไขที่สอง ไม่ว่าใครฟังก็รู้สึกแปลกใจ
หรือฮังอวี่คิดใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ขายอาวุธของกลุ่มมังกรฟ้า?
ใครบ้างไม่รู้ว่า ‘ทหารพิฆาต’ คือหุ่นรบของสถาบันวิจัยศาสตร์เหนี่ยวนำมนตรามังกรฟ้า
มันคือหุ่นรบเหนี่ยวนำมนตราคุณภาพสีฟ้าขุ่นที่พัฒนาโดยกลุ่มมังกรฟ้า!
“พวกคุณน่าจะเคยได้ยินชื่อของมันแล้ว หุ่นรบตัวนี้ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง มันสามารถปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงได้ใกล้เคียงกับระดับทรราชย์ขั้นบรอนซ์”
“เฮ้อ ผมจะไม่โกหกพวกคุณ ตอนนี้พวกมันมีแค่ 10 เครื่องในโลกเท่านั้น ถ้าพวกคุณได้ไปซัก 5 มันจะเป็นแต้มต่อที่ยอดเยี่ยม!”
ฮังอวี่ได้พิจารณาพลังรบของเผ่ามนุษย์เมื่อเทียบกับพลังรบของกองกำลังอื่นๆ และพบว่ายังมีช่องว่างขนาดใหญ่ ดังนั้นเพื่อให้สมดุลเล็กน้อย เลยจำเป็นต้องงัดทหารพิฆาตมาใช้ เดิมเขาตั้งใจว่าจะใช้หุ่นรบทั้งสิบตัวจากกลุ่มมังกรฟ้าในปฏิบัติการครั้งนี้ แต่ใครจะคิดว่าคนของสำนักกระบี่วิญญาณจะเข้าร่วมด้วย?
ถ้างั้นก็ถือโอกาสนี้ขายซัก 5 ตัวให้พวกเขาแล้วกัน
ทำแบบนี้จะช่วยลดต้นทุนได้เป็นจำนวนมาก เพราะการเดินทางครั้งนี้อันตรายมากเช่นกัน มีโอกาสที่หุ่นจะพังหากใช้งาน
ลุคกับคนอื่นๆมองหน้ากัน
แม้ขุนนางใหญ่ของพวกเขาอาจดูมีเล่ห์กลในคำพูดเล็กน้อย แต่หุ่นรบเหนี่ยวนำมนตราที่มีมนต์ขลังเช่นนี้ก็คุ้มค่าที่จะซื้อเช่นกัน
ไม่ว่าจะในโลกวิญญาณ
หรือในโลกจริง
เจ้าสิ่งมีเป็นส่วนเสริมที่ดีในการเพิ่มประสิทธิภาพพลังรบ!
โดยปกติแล้วไม่อาจหาซื้อได้แม้ต้องการ ดังนั้นนี่เป็นโอกาสอันดี
สุดท้ายหลังจากเจรจาต่อรองกัน ฮังอวี่ได้ขายหุ่นทหารพิฆาต 5 ตัวในราคามิตรภาพที่ 1200 หินคริสตัลฟ้า
กลุ่มมังกรฟ้าสามารถทำกำไรได้ครึ่งหนึ่งจากการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ และการแลกเปลี่ยนนี้ยังช่วยให้มังกรครามประหยัดการสูญเสียหินคริสตัลฟ้าหลายร้อยก้อนที่ต้องใช้จ่ายไปกับหุ่นรบได้
ทีมเมืองธารทะเลทรายเตรียมตัวเสร็จสิ้น
พวกเขาพร้อมที่จะเดินทาง มุ่งหน้าสู่ปลายทางของสถานที่นัดหมาย
ก่อนออกเดินทาง ฮังอวี่มีของดีมากมายในมือ ก่อนหน้านี้เขาสะสมหินสกิลสีฟ้ามากกว่่าสิบก้อน หรือมีกระทั่งหินสกิลสีม่วงหนึ่งก้อน เพื่อเสริมพลังรบที่ด้อยกว่ากองกำลังอื่นๆ เขาจึงเรียนรู้หินสกิลไปหลายก้อนเท่าที่จะทำได้
ขณะเดียวกันเขาขอความช่วยเหลือจากซูหยุนปิง ฉูเทียนหัว จ้าวหมิง และสมาชิกคนอื่นๆของมังกรคราม หรือกระทั่งสำนักกระบี่วิญญาณพร้อมกัน ให้ช่วยหาสกิลอื่นๆของเซียนกระบี่ล่าแสงหรือปีศาจคลั่งอาบโลหิต
แม้ในระยะสั้นๆจะไม่มีทางเป็นไปได้หากคิดสืบทอดมรดกขั้น 4 ให้สมบูรณ์ เพราะท้ายที่สุดแล้วหินสกิลหลักของพวกมันมีคุณภาพสีม่วง นับเป็นของหายากในสังคมมนุษย์ตอนนี้
แต่ฮังอวี่ก็ต้องการที่จะลอง แม้จะได้สกิลขั้น 4 มาแค่สกิลเดียว แต่ยามเผชิญหน้ากับเหล่าขุนนางใหญ่ มันจะช่วยให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นแน่นอน!