ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 31 องค์หญิงแห่งลี่หยาง
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 31 องค์หญิงแห่งลี่หยาง
ศิษย์คนนี้ช่างชั่วร้ายเกินไป! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าไม่สามารถแสดงร่องรอยผิดปกติออกมาได้ มิฉะนั้นข้าอาจจะตกเป็นเบี้ยล่างของผู้อื่นในอนาคต
พยายามทำให้ข้าดูขาของเจ้าหรือ ไม่! ข้าจะไม่ทำเช่นนี้
ภายใต้การตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าของจ้าวว่านเอ๋อ เย่ชิวยังคงมีอารมณ์สงบเช่นเดิม
จ้าวว่านเอ๋ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่นางก็แอบดีใจเช่นกัน อย่างน้อยที่สุดท่านอาจารย์ที่อ่อนโยนในใจนางไม่ใช่คนบ้ากาม อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกหดหู่ไปพร้อมกัน นี่ไม่ได้หมายความว่าท่านอาจารย์ไม่ได้สนใจนางเลยไม่ใช่หรือ นางอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ‘ข้าขี้เหร่ขนาดนั้นเลยหรือ’
“ศิษย์ มีอะไรคาอยู่ในใจเจ้าหรือ” เย่ชิวถามเมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยของจ้าวว่านเอ๋อ “มีอะไรค้างอยู่ในใจเจ้าหรือไม่”
จ้าวว่านเอ๋อก้มหัวลง หัวใจของนางจมดิ่งลงไปเมื่อนางนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับนาง นางเกิดในพระราชวังและถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแต่งงานตั้งแต่ยังน้อย มารดาของนางเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ก่อนที่จะพบกับเย่ชิวไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจอย่างแท้จริง มีเพียงเสี่ยวหลิงเท่านั้นที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนของนาง
จ้าวว่านเอ๋อรู้สึกได้ถึงความรักและความห่วงใยขณะที่นางมองไปยังเย่ชิวที่จ้องมองนางอย่างจริงใจ สิ่งนี้มอบความอบอุ่นและทำให้นางเพลิดเพลินไปโดยไม่รู้ตัว
จ้าวว่านเอ๋อนั่งอยู่บนก้อนหิน ผมยาวสีดำของนางพลิ้วไหวไปตามสายลม นางแสดงความสง่างามของชนชั้นสูงออกมา ช่างเป็นสตรีเจินเหรินยิ่งนัก ทว่าหัวใจของนางยังคงโหยหาความรัก
“ท่านอาจารย์… จริง ๆ แล้ว ข้าปิดบังบางอย่างจากท่าน ข้าเกรงว่าหากบอกท่านแล้วท่านอาจไม่รับข้าเป็นศิษย์
“ข้ารู้สึกผิดอยู่ในใจมานานแล้ว ท่านอาจารย์ใจดีกับข้ามาก ท่านไม่เพียงแต่นำทางข้าสู่การเป็นเซียน ท่านยังมอบกระดูกสมบัติให้ข้าด้วย”
“ว่านเอ๋อรู้สึกละอายใจ ข้าไม่ควรหลอกท่านและปล่อยให้ท่านเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องราวของราชวงศ์โดยที่ท่านไม่รู้ ท่านอาจารย์ ศิษย์ผิดไปแล้ว! ศิษย์ขอโทษ…” ในขณะนี้ ในที่สุดจ้าวว่านเอ๋อก็เลือกที่จะซื่อสัตย์และกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่ชิวเพียงยิ้มตอบจาง ๆ และพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ เขาพอคาดเดาได้แล้วว่าจ้าวว่านเอ๋อกำลังปิดบังอะไรบางอย่างจากเขา อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้และไม่ได้ถามอะไรเลยแม้แต่น้อย หากนางอยากจะพูดนางก็จะพูดเอง
เมื่อเห็นท่าทางสงบของเย่ชิวจ้าวว่านเอ๋อก็ถามด้วยความอย่างสงสัย “ท่านอาจารย์ ท่านไม่โกรธหรือ” นางทำเช่นนี้เหตุใดกันเย่ชิวจึงไม่โทษนาง
“เหตุใดข้าต้องโกรธหรือ” เย่ชิวถามกลับและพูดต่อว่า “ข้าจะไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเจ้า หากเจ้าอยากพูดก็พูดได้ เมื่อข้ารับศิษย์ ข้าไม่เคยดูภูมิหลังของพวกเขาหรือสิ่งที่พวกเขาเคยประสบพบเจอมาก่อน ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตา หากโชคชะตาเอื้ออำนวย ข้าก็ไม่สนแม้ว่าผู้นั้นจะเป็นศัตรูกับโลกทั้งใบก็ตาม”
“ข้ารู้แค่ว่าเจ้าเป็นศิษย์ของข้า ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร เจ้าก็ยังเป็นศิษย์ของข้า มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถลงโทษสั่งสอนเจ้าได้ ไม่มีใครมีสิทธิ์!”
จ้าวว่านเอ๋อตกตะลึงกับคำพูดของเขาและหัวใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ใครจะไม่รู้สึกรักอาจารย์เช่นนี้บ้าง
“รู้สึกปลอดภัยเหลือเกิน ทั้งความอบอุ่น ทั้งห่วงใย” หัวใจของจ้าวว่านเอ๋อเต้นแรง คำพูดเพียงไม่กี่คำเหล่านี้ล้วนยากที่จะต้านทาน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ก้มหัวลงและกล่าว “ท่านอาจารย์ ข้ารู้ความผิดพลาดของข้าแล้ว ข้าจะไม่ปิดบังจากท่านอีก”
เย่ชิวมองไปยังนางซึ่งก้มหน้าลงและยอมรับความผิดพลาด เขาไม่ได้ปลอบนาง แต่พูดอย่างใจเย็นว่า “เมื่อศิษย์พี่หญิงของเจ้าเข้าสำนักมา ข้าบอกนางว่าขุนเขาเมฆาม่วงของเรามีประเพณีที่สืบทอดกันมา”
“นั่นคือการแก้ไขข้อผิดพลาดของเจ้าและไม่ยอมรับในความผิดพลาดของเจ้า”
“ประเพณีนี้สืบทอดมาจากปรมาจารย์รุ่นเก่าของเจ้า ภายภาคหน้าทุกคนจะต้องทำเช่นนี้เช่นกัน ข้าไม่ต้องการได้ยินว่าพวกเจ้ายอมรับความผิดพลาดของตนในอนาคต แม้ว่าเจ้าจะผิดจริง ๆ ก็จงอย่ายอมรับ แม้ว่าเจ้าจะถูกเฆี่ยนตีจนตายไปก็ตาม”
จ้าวว่านเอ๋อปิดปากของนางและหัวเราะออกมา ประโยคแรกนั้นซึ้งกินใจ ทว่าประโยคหลังเกือบทำให้นางหัวเราะออกมา
“ให้แก้ไขข้อผิดพลาดของเจ้าและไม่ยอมรับความผิดพลาดของเจ้า นั่นหมายความว่าข้าควรจะดื้อรั้น”
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับปรมาจารย์ที่คิดประเพณีเช่นนี้ คนคนนั้นมีนิสัยเช่นไรกันถึงคิดคำเช่นนี้ขึ้นมา
“เจ้าค่ะท่านอาจารย์ ข้าจะจดจำไว้” จ้าวว่านเอ๋อพยักหน้าและดึงเสื้อคลุมสีแดงของนาง
นางไม่สามารถปิดบังอะไรได้อีกแล้วเมื่ออาจารย์ของนางปฏิบัติกับตนเช่นนี้
“ท่านอาจารย์ ข้าคือองค์หญิงแห่งราชวงศ์ลี่หยาง ท่านแม่ของข้าเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและพ่อของข้าได้ใช้ข้าเป็นเครื่องมือในการแต่งงานตั้งแต่ข้ายังเด็ก ข้ามีสัญญาต้องแต่งงานกับองค์ชายแห่งราวงศ์ฮั่นไห่
“ข้าถูกปลูกฝังให้มีความคิดเช่นนี้ แต่ข้าไม่อยากตกเป็นเหยื่อของคนอื่น ข้าไม่อยากแต่งงานกับผู้ที่ข้าไม่ได้รัก ข้าก็เลยหนีออกมาจากพระราชวัง”
“ท่านอาจารย์ดีต่อข้ามาก ข้ารู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก แต่ข้าแน่ใจว่าจนถึงตอนนี้ ผู้คนในคฤหาสน์เทียนป๋อกำลังตามหาข้า หากพวกเขาตามข้าทัน ข้าเกรงว่าข้าจะต้องอำลาท่าน” จ้าวว่านเอ๋อดูหดหู่เมื่อนางพูดถึงจุดนี้ นางไม่ต้องการกลับไปและนางไม่ต้องการจากลาเย่ชิว ในที่สุดนางก็มีความรู้สึกเป็นของตนเอง หากนางสูญเสียมันไปเช่นนั้น นางคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
เย่ชิวเช็ดน้ำตาของนางอย่างอ่อนโยนและปลอบโยนนาง “ไม่ต้องกังวล! ไม่มีใครสามารถนำเจ้าไปได้เมื่อข้าอยู่เคียงข้างเจ้า”
จ้าวว่านเอ๋อเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจและมองไปยังเย่ชิวที่เต็มไปด้วยความหนักแน่น
นางหัวเราะออกมา นี่เหมือนกับการอาบน้ำในสายลมฤดูใบไม้ผลิ ช่างอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน นางเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่งดงามอย่างถึงที่สุดออกมา
“จากนี้ไปข้าจะเชื่อฟังท่านอาจารย์เท่านั้น ข้าจะทำทุกอย่างที่อาจารย์ต้องการให้ข้าทำ” จ้าวว่านเอ๋อยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรักขณะที่มองไปยังเย่ชิว
อาจารย์หนุ่มรูปงามคนนี้ทำให้นางรู้สึกปลอดภัย แม้ว่านางจะถูกผู้คนในคฤหาสน์เทียนป๋อพาตัวกลับไป นางก็จะไม่เสียใจ
“ไม่เป็นไรแล้ว หยุดร้องไห้ ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีใครสามารถบังคับให้เจ้าทำในสิ่งที่เจ้าไม่อยากทำได้ ข้าจะเป็นกำลังใจที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าเสมอ” เย่ชิวกล่าวอย่างอ่อนโยน
หากมองให้ไกลกว่านี้ นี่ก็เป็นอีกภาระหนึ่งที่หนักอึ้งไม่น้อย
คฤหาสน์เทียนป๋อ
เย่ชิวเข้าใจคร่าว ๆ ว่านี่คือองค์กรที่มีอำนาจในราชวงศ์ลี่หยาง จุดประสงค์ของการดำรงอยู่ของมันคือการจัดการเรื่องยุงยากของราชวงศ์ลี่หยางในดินแดนรกร้างตะวันออก พวกเขามีพลังอำนาจสูงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม อำนาจเช่นนี้ไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึงต่อหน้าเย่ชิว
นับประสาอะไรกับสำนักเยียวยาสวรรค์ พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะทำให้ขนหน้าแข้งของเย่ชิวบาดเจ็บได้ด้วยซ้ำ
ตอนนี้เขาเป็นปรมาจารย์ยุทธ ยอดฝีมือผู้ถูกเรียกขานว่าซุนเจ๋อ เขามีบุปผาเต๋าอยู่ภายในร่างกายของเขา ครอบครองกระบี่เซียนและเคล็ดวิชากระบี่พงไพร เขาสามารถสังหารผู้ที่อยู่ภายใต้ขอบเขตยอดยุทธได้อย่างง่ายดาย
เย่ชิวมีความมั่นใจเช่นนั้น
จ้าวว่านเอ๋อรู้สึกประทับใจมากและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ท่านอาจารย์ ข้าขอกอดท่านได้หรือไม่” นางรู้สึกอายเล็กน้อยที่กล่าวเช่นนี้ออกมา ในฐานะที่เป็นสตรี นางควรจะสงวนตัวกว่านี้ อย่างไรก็ตาม นางอยากจะกอดอาจารย์ของนางจริง ๆ เพราะนางรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก นางไม่เคยสัมผัสความอบอุ่นเช่นนี้มาก่อนในชีวิต
มุมปากของเย่ชิวกระตุกทันทีที่พูดคำเหล่านี้หลุดออกมา ‘นี่เป็นคำขอประเภทใดกัน’
“แค่ก แค่ก… ได้อย่างแน่นอน…” เย่ชิวกล่าวอย่างเขินอาย เขาเริ่มอ้าแขนของเขา
จ้าวว่านเอ๋อรู้สึกยินดีและกระโจนเข้าใส่ทันที ร่างกายที่นุ่มนวลและอบอุ่นของนางกอดรัดเย่ชิวแน่นและโน้มตัวเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
“อบอุ่นยิ่งนัก ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเหลือเกิน ข้าหวังว่าข้าจะสามารถอยู่ในอ้อมแขนของท่านอาจารย์ได้ตลอดไป” จ้าวว่านเอ๋อคิดกับตนเองในขณะที่ร่างกายของนางเคลื่อนไหวไปรอบ ๆ ทว่านางไปโดนจุดอ่อนของเย่ชิวโดยไม่ตั้งใจ ทำให้หัวใจเต๋าของเย่ชิวเริ่มไม่มั่นคงทันที
สตรีคนนี้ต้องตั้งใจทำแน่อย่างแน่นอน เขาทำให้หัวใจเต๋ามั่นคงได้ไม่นาน แต่นางก็ทำลายมันลงไปอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเย่ชิวยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเขารู้สึกถึงสาวงามผู้อ่อนโยนอยู่ในอ้อมแขนของเขา
‘วิเศษ วิเศษยิ่งนัก ร่างกายอันสมบูรณ์แบบนี้นี้อ่อนโยนราวกับน้ำ แต่ก็ร้อนแรงและมีเสน่ห์ในเวลาเดียวกัน’
เย่ชิวไม่เคยแม้แต่จะสัมผัสมือของหญิงสาวเลยสักครั้งหลังจากที่ใช้ชีวิตมาสองชั่วอายุคน เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้เขาจะสามารถโอบกอดสาวงามที่โดดเด่นเช่นนี้ได้
นี่คือกำไรอย่างแท้จริง!