ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 30 บรรลุขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 30 บรรลุขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ
ไม่ต้องพูดถึงหลินชิงจู้ จ้าวว่านเอ๋อก็รู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น ไม่นานมานี้อาจารย์ของนางยังคงสบายดีอย่างเห็นได้ชัดและเขาเพิ่งสั่งสอนนาง เหตุใดตอนนี้เขาถึงทะลวงผ่านด้วยตนเองเสียแล้ว
แม้ว่านางจะตกใจ แต่จ้าวว่านเอ๋อก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว นางพูดด้วยความยินดี “ศิษย์พี่หญิง ดูเหมือนว่าเราจะมีปรมาจารย์ยุทธเป็นเป็นผู้หนุนหลังเรา ใครกันจะกล้ารังแกเราได้ในอนาคต”
หลินชิงจู้รู้สึกยินดีเช่นกัน นางรู้ดีว่าเย่ชิวเป็นอาจารย์ที่ห่วงลูกศิษย์เป็นอย่างมาก เมื่อเห็นพวกเขาถูกรังแก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เย่ชิวจะต้องลงมือกับพวกเขาอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้นางยังคงกังวลเล็กน้อยว่าตระกูลหลินอาจจะแก้แค้นเย่ชิว เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยทำให้ตระกูลหลินต้องอับอายมาก่อน ในฐานะเป็นผู้ทรงอำนาจในลี่หยาง ตระกูลหลินจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้สงบลงอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เย่ชิวกลายเป็นปรมาจารย์ยุทธ ตระกูลหลินคงไม่เหลือความหวังที่จะแก้แค้นอีกต่อไป
นี่คือปรมาจารย์ยุทธ! เขามีอำนาจในระดับหนึ่ง แม้แต่ในพระราชวัง บุตรแห่งสวรรค์ก็ยังปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ
ตระกูลหลินเพียงตระกูลเดียวก็ไม่มีอะไรที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง
นี่คือทั้งหมดที่หลินชิงจู้คิดได้ สำหรับจ้าวว่านเอ๋อ นางกำลังคิดมากกว่านั้น นางได้ยอมรับปรมาจารย์ยุทธเป็นอาจารย์ของนาง แม้ว่าบิดาของนางจะรู้ว่านางอยู่ในสำนักเยียวยาสวรรค์ เขาคงไม่กล้าส่งคนให้พานางกลับไป ในที่สุดนางก็รู้สึกโล่งใจ ในที่สุดนางก็สามารถฝึกฝนภายใต้ปีกของเย่ชิวและใช้ชีวิตเพื่อตนเองได้ทำในสิ่งที่นางต้องการจะทำ
หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเย่ชิวก็หยุดเคลื่อนไหว พลังในร่างกายของเขาเริ่มรวบรวมกันอยู่ในบุปผาเต๋าที่อยู่เหนือหัวของเขาและเข้ามาบรรจบกัน ที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือบุปผาเต๋าที่เหมือนกันสองดอกได้ปรากฏขึ้นภายในร่างกายของเขาและพวกมันก็สะท้อนกับบุปผาเต๋าก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม บุปผาเต๋าทั้งสองนั้นอยู่ในรูปแบบตัวอ่อนเท่านั้นและไม่ได้เบ่งบาน
“บุปผาเต๋าสามดอก”
หลังจากได้เป็นปรมาจารย์ยุทธแล้วเย่ชิวก็ค้นพบวิถีของเขาเองได้สำเร็จ วิถีของคนส่วนใหญ่ถูกกำหนดโดยพรสวรรค์ของตนเอง เนื่องจากเย่ชิวบุปผาเต๋าอยู่ในตัว เขาจึงเดินไปตามเส้นทางของ สามบุปผามัสดก
บุปผาเต๋าสองดอกสอดคล้องกับสองขอบเขตที่แตกต่างกัน ขอบเขตยอดยุทธและขอบเขตราชันยุทธ เมื่อดอกไม้ทั้งสามเบ่งบานขึ้นถึงจุดสูงสุดเขาก็จะสามารถทางลวงผ่านขอบเขตจักรพรรดิยุทธได้
“นี่มัน… ข้ามีความสามารถในการเข้าถึงบรรลุขอบเขตจักรพรรดิยุทธหรือ” เย่ชิวรู้สึกตื่นเต้นหลังจากที่เขาเข้าใจทั้งหมดนี้ เป็นไปได้ไหมว่าตนเองอาจจะกลายเป็นจักรพรรดิยุทธหรือคนแรกในรอบหมื่นปี
ดูจากลักษณะแล้ว เขามีโอกาสเช่นนั้นจริง ๆ นอกจากนี้ เขายังได้รับความช่วยเหลือจากระบบตอบแทนหมื่นเท่า อย่างไรก็ตาม มันยังเร็วเกินไปยังจะพูดสิ่งเหล่านี้ นี่เป็นเส้นทางที่ยาวไกล ไม่ใช่สิ่งที่จะสำเร็จได้ในหนึ่งหรือสองวัน
หลังจากดูดซับกระดูกมังกรที่แท้จริง เขาก็เข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธได้สำเร็จ ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธแตกต่างจากขอบเขตก่อนหน้านี้ เพราะมีเพียงสามขอบเขตย่อย
ปัจจุบันเย่ชิวอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น การบ่มเพาะของเขารวดเร็วเกินไปและยังไม่เสถียรดี แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูดซับพลังของกระดูกมังกรแท้จริงอย่างสมบูรณ์ แต่เย่ชิวก็พอใจมากแล้ว
เขาวางแผนที่จะทำให้สภาพจิตใจของเขามั่นคงก่อนในขณะนี้ มันจะไม่คุ้มอีกต่อไปหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับการบ่มเพาะของเขาเนื่องจากสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงของเขา
เย่ชิวคุ้นเคยกับความสุขในใจของเขาแล้ว
เขาลืมตาขึ้นช้า ๆ มีสาวสวยสามคนยืนอยู่ข้างหน้าเขา ซึ่งมองเขาจนไม่กะพริบตา
“เอาล่ะ ตามสบายเถอะ…” หลังจากถอดอักขระสีทองบนร่างกายออก แรงกดดันขอบเขตปรมาจารย์ยุทธก็กลับคืนสู่ร่างกายของเขา
จ้าวว่านเอ๋อและอีกสองคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที แรงกดดันเมื่อกี้นี้หนักหนาเกินกว่าที่พวกเขาจะทนไหว ทั้งสามนั่งลงกับพื้นทันทีหลังจากที่แรงกดดันหายไป ทำให้ก้นของพวกนางกระแทกพื้น
“อ๋า… เจ็บราวกับตกนรก” จ้าวว่านเอ๋อมองไปยังเย่ชิวและทำหน้ามุ่ย นางลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและเดินไปด้านหน้าของเย่ชิว นางแสดงความยินดีกับเขา “ขอแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์ที่ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ”
“ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์” หลินชิงจู้ตอบสนองอย่างรวดเร็วและเข้ามาแสดงความยินดีกับเขาทันที
เสี่ยวหลิงยืนอยู่ตรงที่ที่นางอยู่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความชื่นชมขณะที่นางรีบไป “ผู้อาวุโส ขอแสดงความยินดีที่ได้เป็นปรมาจารย์ยุทธ”
เย่ชิวยิ้มและกล่าวว่า “เอาล่ะ ลุกขึ้น เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ควรแสดงความยินดี ตั้งใจบ่มเพาะให้ดีในอนาคต เป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่พวกเจ้าจะกลายเป็นปรมาจารย์ยุทธ”
สองสาวต่างปลื้มปริ่ม พวกเขายังมีโอกาสที่จะเป็นปรมาจารย์ยุทธ
นี่คือขอบเขตที่ผู้ฝึกฝนหลายคนใฝ่ฝัน
บนเส้นทางของการฝึกฝน การถูกจำกัดโดยวิถีเต๋านั้นมีโอกาสสูงมาก มีหลายคนติดอยู่ที่คอขวดมาตลอดชีวิตและไม่สามารถฝ่าฟันไปได้
จ้าวว่านเอ๋อสำรวจ “อาจารย์ ท่านคิดว่าเรามีโอกาสที่จะทะลวงไปสู่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธหรือไม่”
“ตราบใดที่เจ้าพยายามและร่ำเรียนหนัก ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธก็ไม่คุ้มค่าพอที่จะเอ่ยถึง”
จ้าวว่านเอ๋อรู้สึกยินดีในใจทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมาและนางรีบกล่าวว่า “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านอาจารย์ พวกเราจะฝึกฝนอย่างจริงจังอย่างแน่นอนและพยายามทะลวงไปสู่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เมื่อมองไปยังดวงตาของเย่ชิว ดูเหมือนว่าจ้าวว่านเอ๋อจะจำอะไรบางอย่างได้และใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นางคงจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้และรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
เย่ชิวก็คาดเดาได้เช่นกัน แต่เขาไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งสองคนรู้สึกอึดอัดใจ
หลินชิงจู้มองไปยังจ้าวว่านเอ๋อด้วยความสับสนและถามด้วยความสงสัย “ศิษย์น้องเล็ก เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าถึงหน้าแดง”
“แค่ก แค่ก …” จ้าวว่านเอ๋อไอเบา ๆ และมองไปยังเย่ชิว เมื่อนางรู้ว่าเขาไม่ได้มองมาที่นาง นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางกลับมามีท่าทางสง่างามตามปกติทันทีและพูดอย่างใจเย็นว่า “ไม่มีอะไร ข้าแค่ดีใจที่อาจารย์ก้าวหน้า พี่สาวเจ้าคิดมากไปเอง”
“จริงหรือ” หลินชิงจู้มองไปยังนาง จากนั้นจึงมองไปยังเย่ชิว นางรู้สึกว่าสองคนนี้มีบางอย่างติดอยู่ภายในใจ
มีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในขณะที่ข้าไม่อยู่หรือไม่ เอ๊ะ นี่เป็นไปไม่ได้ คนชอบธรรมเช่นอาจารย์ของจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไร ข้าคงคิดไปเอง ข้าจะมาสงสัยในตัวอาจารย์ได้อย่างไร
หลินชิงจู้ปฏิเสธความคิดที่ชั่วร้ายในใจของนางและค่อย ๆ ฟื้นความสงบ นางกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ เสี่ยวหลิงและข้าล่ากวางรกร้างในบริเวณใกล้เคียงได้สำเร็จ เราควรย่างมันตอนนี้หรือไม่”
เย่ชิวยืนขึ้นและมองไปรอบ ๆ หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เนื่องจากความก้าวหน้าของเขา พื้นที่โดยรอบจึงหยุ่งเหยิง มุมปากของเย่ชิวกระตุก ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดมหัศจรรย์ เขาจะถูกผู้คนในโลกนี้ปรับเงินเพราะทำลายสิ่งแวดล้อมหรือไม่
“เอาล่ะ ไปเถอะ ตอนนี้เริ่มจะสายแล้ว เจ้ารีบจัดการได้เลย รีบกินและรีบพักผ่อน เราต้องเข้าเดินทางลึกเข้าไปในดินแดนรกร้างในเช้าวันพรุ่งนี้”
หลินชิงจู้พยักหน้าและกล่าวว่า “เอาล่ะ ข้าจะจัดการทันที”
“ศิษย์พี่หญิง ให้ข้าช่วยไหม” จ้าวว่านเอ๋อกล่าว แต่หลินชิงจู้ปฏิเสธ
“ข้าจะจัดการเอง ศิษย์น้องเล็ก เจ้าอาศัยอยู่ในพระราชวังเป็นเวลานาน เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าจะจัดการสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร เจ้าเพิ่งเข้ามาในสำนัก ดังนั้นจึงยังมีอีกหลายสิ่งที่เจ้าไม่รู้ เป็นเวลาที่ดีที่จะใช้ประโยชน์จากเวลานี้เพื่อให้อาจารย์อธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้เจ้าฟัง”
จ้าวว่านเอ๋อ ไม่ตอบโต้ อันที่จริงนางก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำอย่างไร แต่นางไม่กล้าเผชิญหน้ากับเย่ชิวเพียงลำพัง ดังนั้นนางจึงต้องการช่วยหลินชิงจู้ ทว่านางกลับหน้าแดงทันทีเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
อ่า… น่าอายยิ่งนัก ในวันแรกของการเข้าสำนัก อาจารย์ของข้าเห็นร่างกายของข้า แล้วข้าจะอยู่ร่วมกับท่านอาจารย์ในอนาคตอย่างราบลื่นได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่จ้าวว่านเอ๋อเป็นองค์หญิง ความอดทนทางจิตใจของนางจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง
หลินชิงจู้และเสี่ยวหลิงไปจัดการกับเนื้อกวาง ในขณะที่จ้าวว่านเอ๋อนั่งต่อหน้าเย่ชิวด้วยความอึดอัด
ก่อนที่เย่ชิวจะรู้ตัว ขาเรียวยาวเหล่านั้นก็โผล่มาให้เห็นอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้มุมปากของเย่ชิวกระตุกอีกครา เขาสงสัยอย่างแท้จริงว่าศิษย์คนนี้กำลังยั่วยวนเขา ครั้งแรกอาจบังเอิญ แต่ครั้งที่สองอาจจงใจ
จ้าวว่านเอ๋อยิ้มจาง ๆ รอยยิ้มแฝงไปด้วยเลศนัยขณะที่นางเฝ้าดูเย่ชิว อย่างที่เย่ชิวคาดไว้ นางจงใจทำมัน นางต้องการดูว่าอาจารย์ของนางสงบจริงหรือไม่ แต่นางก็ต้องผิดหวังเนื่องจากเย่ชิวยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม