ตอนที่ 8 สถาบันคาราเมล
“เฮ้, ท่านผู้เฒ่า เงินเดือนเจ้าถังพื้นฐานจะต่ำเกินไปไม่ได้นะ จำไว้ว่าเป็นเพราะเขา ฉันถึงยอมมาที่นี่” อาโมรี่บอกผู้เฒ่าเว่ยเหมือนกับพี่น้องคุยกันมากกว่า
ถังเทียนประทับใจว่าเจ้าวัวน่ารำคาญนี่สามารถเปลี่ยนเป็นคนดีได้
ชายชรากระซิบ “ก็ได้, เงินเดือนสองเท่านั่นมากที่สุดเท่าที่ฉันจะให้ได้แล้ว การ์ดพลังภายในชั้นทองแดงระดับสอง หรือสามก็เลือกเอาจากสิ่งที่โรงเรียนจะต้องสนับสนุน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าแกจะเลือกการ์ดอะไรก็ตาม แกจะต้องทำให้สมบูรณ์แบบก่อนถึงจะเลือกการ์ดใหม่ได้ ที่สำคัญพวกแกจะต้องฝึกฝน อย่ามัวแต่กัดกันจนเกินไป”
ชายชราคำนวณไว้เป็นอย่างดี เป็นเรื่องยากที่จะเชี่ยวชาญวิทยายุทธระดับสอง ไม่จำเป็นต้องพูดว่าวิทยายุทธระดับสามนั้นยากเย็นกว่าวิทยายุทธระดับสอง ชายชราไม่ยอมสูญเสียมากจนเกินไป
“ตกลง!” ถังเทียนพอใจมาก
เขาตั้งใจทำงานเพื่อให้ได้รับการ์ดพลังภายในเพื่อให้ได้รับการ์ดพลังภายในสักใบ เขามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ไม่มีอะไรงดงามมากไปกว่าตั้งใจฝึกฝน
“ตกลง, โรงเรียนของเราชื่ออะไร?” จู่ๆ ถังเทียนค่อยนึกถึงคำถามนี้ได้
“เรียกว่า... เรียกว่า...” อาโมรี่หยุดแล้วหันไปมองผู้เฒ่าเว่ย
“สถาบันคาราเมล” ผู้เฒ่าเว่ยยิ้ม
ถังเทียนขมวดคิ้วจนหน้าผากเป็นรอยเส้นขวาง ผู้ก่อตั้งสถาบันคงชอบคาราเมลมาก เขารีบปล่อยวางเรื่องชื่อแปลกๆ ทิ้งไปจากหัวใช้ฝ่ามือลูบกำปั้นถามว่า “แล้วสถาบันของเราอยู่ที่ไหน?”
แม้ว่าชื่อจะแปลกประหลาดสำหรับถังเทียน แต่ก็ไม่ได้สร้างความรำคาญให้เขา มีหลายสถาบันที่สร้างอยู่ในเมืองซิงฟง เนื่องจากสถาบันเหล่านั้นมีทุนหนาสำหรับสถาบันแอนดรูว์ประสบความสำเร็จอยู่ในสิบอันดับแรก จึงถือได้ว่าเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียง ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสถาบันอื่นเล็กๆ ที่ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อน
“หึหึหึ คนหนุ่มนี่ช่างมีพลังเหลือเฟือ ฉันชอบ, โอว, ก็อยู่ไม่ไกลนักหรอก” ผู้เฒ่าเว่ยยิ้มกว้างจนถึงหู
สองชั่วโมงต่อมา ในป่าทึบ รกร้างไม่มีใครอยู่
ถังเทียนต้องประหลาดใจเมื่อพบกับกระท่อมไม้โกโรโกโสที่ดูเหมือนกับพร้อมจะพังได้ทุกเมื่อ
บนเสาไม้หักแขวนป้ายโลหะขึ้นสนิม มีคำว่า “สถาบันคาราเมล” ถูกสลักไว้บนนั้นพอลมพัดมา ป้ายโลหะก็กระทบกับเสาก็อกแก็ก
“นี่น่ะเหรอ สถาบันคาราเมล?” ถังเทียนหันไปถามอย่างซังกะตาย ชี้นิ้วไปที่กระท่อมที่จวนจะพังมิพังแหล่
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! แม้ว่าสภาพการณ์อาจลำบากไปหน่อย เอ่อ.. แต่คนหนุ่มอย่างพวกแกก็มีวินัยในตนเองอยู่แล้ว” ผู้เฒ่าเว่ยไม่รู้สึกอับอายแม้แต่น้อย
อาโมรี่ร่ำร้องออกมาว่า “ผู้เฒ่าเว่ย ปู่สับสนมากเกินไปกับความยากลำบากแล้วปู่บอกว่าโรงเรียนอยู่ในห้าสิบอันดับแรกไม่ใช่เหรอ?”
“นี่ ฉันไม่เคยโกหกแกเลยนะ ห้าสิบปีที่แล้ว สถาบันคาราเมลวิ่งเข้าป้ายในระดับห้าสิบอันดับแรก”
“แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร?” ถังเทียนถามอย่างสงสัย
“อ่าฮะ, ก็ตอนนี้เราพบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม...”ผู้เฒ่าเว่ยหัวเราะ
“อันดับเล่า!” ถังเทียนจ้องเขา
“อันดับ...เอ่อ..เราอยู่ในอันดับที่สามร้อยห้าสิบสอง” ผู้เฒ่าเว่ยเหลือบตา
ถังเทียนหันไปถามอาโมรี่ “ในเมืองซิงฟงมีโรงเรียนอยู่กี่แห่ง?”
อาโมรี่ขมวดคิ้วคิด “ฉันคิดว่ารวมกันแล้วก็สามร้อย..
ห้าสิบ
“เหลวไหล!” ผู้เฒ่าเว่ยเต้นผาง “ที่แน่ๆ ก็คือมีสามร้อยห้าสิบสี่แห่ง”
ถังเทียนหน้าหม่นหมอง “ที่สามจากบ๊วย”
ผู้เฒ่าเว่ยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กระพริบตาปริบๆ
ทันใดนั้นอาโมรี่ก็รู้ได้ทันที “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปู่ต้องไปเดิมพันมาในเมืองเป็นจำนวนมากแน่ แล้วก็เสียเดิมพันไปมากพวกเขาก็เลยยกเลิกสถานะสถาบันของปู่ นี่ปู่! ปู่ยังทำตามสัญญากับพวกเราได้หรือไม่?”
ผู้เฒ่าเว่ยตบอก “อย่าห่วงเรื่องนี้ สถาบันคาราเมลมีประวัติมาแปดปีแล้ว เรายังมีเงินเก็บอยู่บางส่วนแน่นอน ฉันอาจจ่ายเงินเดือนบางส่วนให้พวกแกในตอนนี้ได้นะ”
“นักเรียนไปไหนหมด? อย่าบอกนะว่ามีแต่เราสองคน” ถังเทียนถาม
ผู้เฒ่าเว่ยยังคงทำตาปริบๆ ด้วยความไร้เดียงสาต่อไป“นักเรียนคนสุดท้ายย้ายโรงเรียนไปเมื่อสองวันก่อน”
“แล้วอาจารย์ผู้สอนเล่า?” ถังเทียนยังคงถามต่อ
“ฉันไง” ผู้เฒ่าเว่ยพูดตามความเป็นจริงและชี้มาที่ตนเอง
ถังเทียนหันไปถามอาโมรี่ “นายรู้จักเขาได้ยังไง?”
อาโมรี่ตอบเหนียมๆ ว่า “ฉันคิดว่าเราพบกันเมื่อฉันยังเด็กมาก เขายกย่องว่าฉันเป็นอัจฉริยะ ทุกครั้งที่เราพบกัน เขาจะชมฉัน หลังจากเขาชื่นชมฉันได้สองสามปี เราก็สนิทกัน”
และไม่ลืมที่จะสำทับด้วยประโยคสุดท้าย “ฉันคิดว่าเขาใช้ได้”
ถังเทียนพูดไม่ออก เขาจ้องมองโรงเรียนที่จวนจะพังขณะเขาเข้าไปใกล้
“อย่าบอกฉันนะว่าพวกแกกลัว จากความยากลำบากเล็กน้อยเพียงแค่นี้?” ผู้เฒ่าเว่ยหรี่ตา
“กลัวน่ะหรือ?” ถังเทียนหน้างอจ้องมองผู้เฒ่าเว่ยอย่างไม่สบายใจ
ถังเทียนแค่นเสียงและทำหน้าตาน่ากลัวเขาเริ่มม้วนแขนเสื้อ
“เอ่อ, ถังพื้นฐาน,นายต้องการจะทำอะไร? นายจะตีเขาเหรอ? ความจริงฉันรู้สึกว่าเขาต้องโดนตบสักที” อาโมรี่เอียงศีรษะถาม
“สร้างกระท่อมกัน”
โดยไม่มีการหันหลัง ถังเทียนเดินเข้าไปในป่า
“สร้างกระท่อมหรือ?” อาโมรี่จ้องดูกระท่อมไม้ที่จวนจะพังถึงได้รู้ตัว “ถูกแล้วเขาสมควรถูกเรียกว่าชาวสวรรค์ ขณะที่ฉันกำลังพูด ปัญหานี้ไม่มีผลต่อถังพื้นฐาน..เลย”
พอเห็นเขาเยิ่นเย้อน่ารำคาญ ถังเทียนชี้ไปที่ป่า“นายไปเอาท่อนไม้กลับมานี่สักจำนวนหนึ่ง”
“ไม่มีปัญหา” อาโมรี่ตบอกตนเองดังป้าบหันหลังกลับวิ่งเข้าไปในป่า
ถังเทียนเริ่มคำนวณ มันอยู่ไกลจากเมืองซิงฟงมาก ต้องมีที่สำหรับพักอยู่ พวกเขามีกันสามคน แต่ละคนก็ใช้หนึ่งห้องรวมกันแล้วก็เป็นกระท่อมไม้สามห้อง มีความจำเป็นต้องสร้างกระท่อมหยาบๆง่ายๆ เพื่อใช้เป็นที่ฝึก ท่ามกลางกระท่อมเก่าและเล็ก ต้องมีกระท่อมเก็บหนังสือหลังหนึ่ง ถังเทียนประเมินว่ากระท่อมนั้นดูดีเฉยๆ แต่ไม่มีอะไรแต่เขาก็ตัดสินใจสร้างกระท่อมเล็ก เพื่อเก็บขยะเหล่านั้นทั้งหมด
ถังเทียนใช้ชีวิตตามลำพังมาค่อนข้างนานและการติดตั้งการซ่อมแซมเป็นสิ่งที่เขาทำด้วยตนเอง ลักษณะของเขาจะคล่องแคล่วและมั่นคงและเขาปรับพื้นที่ด้วยความรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน พื้นสั่นสะเทือนอย่างแรง
ถังเทียนหันไปมองและชะงักทันที
อาโมรี่แบกต้นไม้ใหญ่ยาวสามเมตรไว้บนไหล่เดินลากปลายอีกด้านหนึ่งลากไปกับพื้น อาโมรี่มองดูเหมือนวัวป่าที่วิ่งเข้าใส่
“ฮึ่ย ฮึ่ย ฮึ่ย!”
ร่างกายที่แข็งแกร่งราวรูปปั้นของอาโมรี่อยู่ใต้ท่อนไม้ใหญ่ดูน่าสงสาร เขาทำปากเป็นรูปตัวโอเกร็งกำลังกล้ามเนื้อทั้งตัวกระแทกลงไปในพื้นดิน และเขาใช้ต้นไม้ขนาดใหญ่นั้นต่างไม้กวาดจัดการกวาดถนนใหญ่
แม้แต่ถังเทียนที่เชื่อมั่นในพลังความแข็งแรงของตนมากขนาดนี้เมื่อเขามองดูเจ้ากระทิงป่าผู้นี้ ถังเทียนก็ยังอึ้ง
ตุ้บ
ทันทีที่มาถึงจุดที่ถังเทียนยืนอาโมรี่เหวี่ยงท่อนซุงที่แบกอยู่บนบ่าลงพื้น ทำเอาพื้นใกล้เท้าของถังเทียนเทียนสั่นสะเทือน
“พอหรือยัง? นายต้องการให้ฉันขนมาอีกสักสองสามต้นดีไหม?” อาโมรี่ถามกระตือรือร้น
ถังเทียนตัดสินใจอย่างชาญฉลาดทันที เขาเจอมีดหักอยู่ในกองขยะจึงส่งให้อาโมรี่ “จัดการแปรรูปให้เป็นแผ่นไม้”
“เอาหนาขนาดนี้” ถังเทียนอธิบายให้อาโมรี่ด้วยสีหน้าขึงขัง “และนี่เป็นแนวทางฝึกฝนของนายด้วยจำเป็นต้องมีความแม่นยำและแน่นอน”
“ไม่มีปัญหา!”
นัยน์ตาของอาโมรี่เป็นประกาย เขาคว้ามีดหักแล้ววิ่งเข้าไปในป่าราวกับพายุ
นี่มันหุ่นยนต์ในร่างมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบชัดๆ หัวใจถังเทียนเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เขาเริ่มก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนัก
“เป็นไปตามคาด คนหนุ่มนี่พละกำลังเหลือเฟือจริงๆ”
ตาเฒ่าเอาแต่สาธยายเรื่องความพยายามอย่างยิ่งใหญ่เขาปีนขึ้นไปอยู่บนเปลที่ผู้ไว้ใต้ร่มไม้ อ้าปากหาวหวอดแล้วก็หลับสนิทไปเลย
※※※※※※※※※※※※※
พอเห็นกระท่อมไม้หลังใหม่อยู่ต่อหน้าพวกเขาถังเทียนและอาโมรี่รู้สึกพึงพอใจ อาโมรี่ปูพื้นได้กลมกลืนดีและฝีมือช่างไม้ของถังเทียนก็ไม่เลว ทั้งสองคนออกเรี่ยวแรงตลอดทั้งวันจนรู้สึกเหนื่อยมาก
“พักกันเถอะ” ถังเทียนโบกมือและเข้าไปในกระท่อมไม้ของเขาเอง
อาโมรี่หาวและปีนขึ้นไปนอนในห้องไม้ของตนทันที
ถังเทียนไม่ได้หลับทันที เขาเปิดจดหมายและเริ่มเขียนถึงเชียนฮุ่ย
“เชียนฮุ่ย, วันนี้ฉันย้ายโรงเรียนแล้ว โรงเรียนนี้ชื่อว่า คาราเมลเป็นโรงเรียนน่าสนใจมาก โรงเรียนนี้มีแต่กลิ่นอายธรรมชาติเต็มไปหมด”
ภายใต้แสงจันทร์ ผู้เฒ่าเว่ยยังนอนลืมตาอยู่ในเปลญวนและขยี้ตามองดูกระท่อมไม้ที่เต็มไปด้วยสีส้มปนเขียว เขายิ้มมุมปากอย่างมีความสุขดวงตาเล็กหยีมองดูเลือนลาง
หนึ่งคืนผ่านไป
ชาวตรู่วันที่สอง ถังเทียนตื่นขึ้น
เนื่องจากใช้ชีวิตประจำวันเหมือนกับสองสามปีที่ผ่านมา นาฬิกาชีวิตของเขาจึงตื่นตามเวลาแม้ว่าวันก่อนจะทำงานหนักก็ตาม ข้างๆโรงเรียนจะมีห้วยเล็ก น้ำเย็นไหลรินช่วยทำให้เขาสดชื่น
“พ่อหนุ่ม! เป็นไปตามคาดเจ้ามีความกระตือรือร้นดี”
เสียงของผู้เฒ่าเว่ยดังอยู่ด้านหลัง ถังเทียนไม่ได้หันไปมอง แต่ถามว่า “ผอ.ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ?”
“เฮ้! ฉันแก่มากแล้ว, เราไม่ต้องนอนมากเหมือนหนุ่มๆ ก็ได้” ผู้เฒ่าเว่ยอดบ่นไม่ได้ และยังพูดต่อ “แล้วเธอต้องการการ์ดพลังภายในชนิดไหน?”
พอได้ยินคำว่าการ์ดพลังภายในถังเทียนรู้สึกกระชุ่มกระชวยทันที
“น่าจะเป็นการ์ดระดับสองครับ เอ่อ.. บางวิชาอาจเกี่ยวกับวิธีการระดับแรกก็ได้”
การฝึกฝนบ่มเพาะของถังเทียนยังเป็นระดับทั่วไปอยู่ และยังไม่ชัดเจนว่าเป็นเพราะการต่อสู้ล่าสุด แต่เมื่อเร็วๆ นี้ เขารู้สึกมีชีวิตชีวาและมีความสุขที่เมื่อใดก็ตามที่เขาใช้หมัดต่อยตีกับผู้คน
“เคล็ดการใช้หมัดมวย ไม่ค่อยมีคนให้ความทุ่มเทสนใจนัก ขอเวลาให้ฉันหาดูก่อน” ผู้เฒ่าเว่ยล้วงการ์ดชั้นบรอนซ์ออกมาหลายใบเรียงรายอยู่ต่อหน้าถังเทียน “เอ้านี่ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับวิชาหมัดมวย ระดับที่หนึ่ง เลือกเอาสักใบ”
ถังเทียนดีใจที่เห็นการ์ดเหล่านั้น และทันใดนั้นเขาหยิบดูทีละใบ
การ์ดพลังภายในชั้นบรอนซ์เป็นโลหะสัมริดชั้นยอดและตรงกลางแผ่นจะมีเงาร่างคนเลือนรางยืนตรงตั้งท่าหมัดมวย การ์ดชนิดต่างๆ จะมีร่างเงาที่แตกต่างและตั้งท่าทางที่แตกต่างกัน
ด้านหลังของการ์ดเป็นคำอธิบายเกี่ยวกับการ์ดพลังภายใน
เมื่อจอมยุทธบัญญัติวิทยายุทธเป็นของตนเอง พวกเขาก็สามารถดำเนินการสร้างการ์ดพลังภายในเป็นของตนเองได้ การ์ดพลังภายในที่จัดทำขึ้นใหม่มีคุณสมบัติที่แตกต่างแบ่งออกเป็นสามชั้นระดับ คือ การ์ดบรอนซ์, การ์ดเงินและการ์ดทอง
การ์ดพลังภายในประกอบด้วยตราพลังภายในของจอมยุทธผู้นั้น และด้วยตรานี้เองพลังบางส่วนของจอมยุทธที่สะสมอยู่ในการ์ดนั้นก็คือความเข้าใจในวิทยายุทธนั้น การ์ดที่คุณภาพระดับสูงกว่าก็จะมีความรู้ความเข้าใจสะสมไว้มาก การ์ดระดับบรอนซ์มีความรู้สะสมสามสิบเปอร์เซ็นต์ การ์ดเงินหกสิบเปอร์เซ็นต์ การ์ดทองจะมีความรู้ความเข้าใจเก็บไว้เต็มทั้งหมด
การ์ดพลังภายในที่สร้างมาแล้วจะมีการใช้งานอยู่สองรูปแบบ ประการแรกใช้เรียกพลังภายในเพื่อฝึกฝนตนเอง หรืออีกรูปแบบหนึ่งครอบครอง เมื่อการ์ดพลังภายในถูกครอบครอง ข้อมูลและความเข้าใจจากตราพลังจะได้รับการยอมรับเต็มที่โดยผู้ใช้
ไม่ว่าจะเป็นการเรียกหรือครอบครอง ทั้งสองอย่างนั้น มีข้อจำกัดด้านเวลา
ในตอนเริ่มแรก พลังครอบครองถูกคิดค้นขึ้นเนื่องจากเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้รูปแบบหนึ่ง แต่ไม่นานหลังจากนั้นผู้คนก็ตระหนักได้ว่าพอเอามาใช้ฝึกวิทยายุทธแล้วจะง่ายดายและสะดวกมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้น การ์ดพลังภายในก็เริ่มเป็นที่นิยมแม้กระทั่งเดี๋ยวนี้ การ์ดพลังภายในก็ยังเป็นที่นิยมและแพร่หลายมาหลายพันปี และระบบของมันพิถิพิถันมากยิ่งขึ้น
ถังเทียนมองดูทีละใบๆและเลือกดูอย่างระมัดระวัง
วิชาหมัดน้ำวนพันเกลียว – หมัดเป็นเกลียวเหมือนน้ำวนหมุนวนร้อยรอบแล้วกลายเป็นพันรอบ ไม่มีช่องว่างจำเป็นต้องได้น้ำเพื่อกระตุ้นความสันพันธ์ในการเคลื่อนไหว
วิชาหมัดสุริยันต์เจิดจ้า – หมัดสว่างดุจดวงอาทิตย์แสงรัศมีนับหมื่นใช้ข่มศัตรู จำเป็นต้องใช้ไฟกระตุ้นสัมพันธ์ในการเคลื่อนไหว
วิชาหมัดไม้ผุ – หมัดไม้คมบางคล้ายกระบี่ ใช้ในการรุก การรับถือว่าเป็นความผิดพลาดจำเป็นต้องได้ไม้เพื่อกระตุ้นพลังเคลื่อนไหว
…
เมื่อเห็นวิชาเหล่านี้ต้องการสัมพันธ์กับองค์ประกอบธาตุทั้งห้าอย่างใดอย่างหนึ่ง ถังเทียนปล่อยวางวิชาเหล่านั้นอย่างไม่ลังเล
หมัดประกายไฟ – ว่องไวดุจสายฟ้า พลังที่แท้จริงทั้งหมดจะใช้กระตุ้นให้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
หมัดมหาประลัย – มีพลังหนักหน่วงรุนแรงใช้น้ำหนักของมันในการทำลาย อาจต้องใช้พลังทั้งหมดกระตุ้นกระบวนท่า
เมื่อคิดถึงอาโมรี่ที่แข็งแกร่งเป็นบ้าและทรงพละกำลังถังเทียนตัดสินใจเลือกหมัดประกายไฟ