ตอนที่ 15 ค่าตัวมหาศาล
*** ทักษะตาทิพย์ของเย่ว์หยาง ถ้าจะเรียกให้ถูกน่าจะเรียกว่า “ญาณทิพย์” เพราะสิ่งที่เย่ว์หยางเห็นจะมีข้อมูลผุดรู้ขึ้นมาในใจถึงที่มาที่ไปอย่างละเอียดไม่มีปิดบัง
ทักษะตาทิพย์ของผู้อาวุโสหมิงซิน เป็นตาทิพย์หรือตาเทพที่เห็นสิ่งที่ลี้ลับปิดบังเพียงอย่างเดียว แต่ความรู้นั้น มาจากประสบการณ์หรืออนุมานจากสิ่งที่เห็นเท่านั้น***
“ตาทิพย์ของข้าบอกว่านักสู้ผู้นี้ยังหนุ่มอยู่มากอายุไม่จะเกิน 30 ปี เขาซ่อนตนเองอยู่ในเงามืด ดังนั้นข้าจึงเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัด ตลอดทั้งตัวมืดดำสนิท เห็นได้แต่เพียง 2 ตาที่สว่างสุกใสดุจดวงดาวในท้องฟ้า ข้าไม่เห็นตัวเขาทั้งหมด เหมือนกับว่ามีพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ปกป้องเขาอยู่”
คำของผู้อาวุโสหมิงซินทำให้โลกนักสู้ทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหล ทุกคนตื่นตะลึงจนยากจะเชื่อได้
ถ้านักสู้คนหนึ่งเข้าถึงขอบเขตปราณธรรมชาติก่อกำเนิด จนได้ความอมตะอ่อนเยาว์ตลอดกาล ก็ยังจะพอเชื่อว่าเป็นนักสู้ที่ดูเหมือนอายุ 20-30 ปี แม้ว่าเขามีอายุ 400-500 ปี
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีใครสักคนบอกว่า มีคนที่อายุไม่ถึง 30 ปีบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิด นี่ัมัน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว
เจ้าหมอนี่ไปกินยาเทพชนิดไหนมา? หากว่าเขาบรรลุถึงขอบเขตปราณก่อกำเนิดก่อนอายุ 30 อย่างนั้นจะเกิดอะไรเมื่อเขาแก่ขึ้น? แม้แต่ 4 นิกายใหญ่ที่มียาในตำนานและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนยังต้องใช้เวลาฝึกอย่างน้อยเป็น 100 ปีเพื่อบรรลุถึงเขตแดนปราณก่อกำเนิด ด้วยความในใจเช่นนี้, เจ้าเด็กบ้านี่ฝึกเร็วมากเกินไม่ใช่หรือ?
เขาใช้วิธีฝึกยังไงกันแน่?
ทันใดนั้น นักสู้แต่ละคนในโลกหวังอยู่เพียงสิ่งเดียวคือ ตามหาตัวนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดหนุ่มผู้นั้นให้เร็วเท่าที่จะทำได้และศึกษาวิธีการฝึกทักษะปราณก่อกำเนิดของเขา
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ เย่ว์หยางยังอยู่ในความมืดมิดสิ้นเชิง เขาไม่รู้ตัวว่าทำให้อาณาจักรต้าเซี่ยตกเต็มไปด้วยความปั่นป่วนทั้งอาณาจักร
นักรบรับจ้าง นักฆ่าและก๊กโจรป่าแทบคลั่งกันทั้งหมด โดยเฉพาะพวกนักรบรับจ้างในเมืองไป๋ฉือ, หงหลิน, และเฮยหยาน พวกเขาทุกคนถึงกับเสียใจหนักจนหน้าเขียว ทำไมคืนนั้นถึงได้หลับสนิท? แม้ว่าพวกเขาจะลุกขึ้นมาตอนกลางคืนเพื่อถ่ายปัสสาวะ พวกเขาน่าจะได้เห็นลำแสงสีทองและน่าจะได้รับ 50 เหรียญทอง มันเป็นรางวัลจำนวนมาก
ต่อให้เป็นผู้ฆ่าเสือดาวสายฟ้าระดับ 3 ได้โดยไม่ทำให้ขนมันเสียหาย ขนมันก็ขายได้ราคาทั้งหมด 60 เหรียญเงิน นั่นยังไม่ถึง 1 เหรียญทองด้วยซ้ำ
ถ้าพวกเขาโชคดีฆ่าเสือดาวสายฟ้าแปลงร่างในรูปปีศาจแก้วผลึก ก็ยังจะทำให้พวกเขาได้ 5 เหรียญทอง
อย่างไรก็ตาม ล่าเสือดาวสายฟ้าที่แปลงร่างได้แค่ทีมนักรบรับจ้าง 5 นายมีแต่จะเอาชีวิตไปทิ้งได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นทีมนักรบรับจ้าง 10 นายก็ยังไม่สามารถแตะต้องขนมันได้แม้แต่เส้นเดียว ถ้าจะฆ่าเสือดาวสายฟ้าที่แปลงร่างได้ พวกเขาต้องการคนในทีมอย่างน้อย 100 คน…
รางวัลทอง 50 เหรียญ นั่นคือค่าตอบแทนสำหรับการฆ่าเสือดาวสายฟ้าที่แปลงร่างได้ถึง 10 ตัว
แต่บัดนี้ พวกเขาควรจะได้รับทอง 50 เหรียญ หากว่าได้เห็นลำแสงสีทองของนักสู้ชั้นปราณธรรมชาติก่อกำเนิด เพราะเรื่องนั้นพวกนักรบรับจ้างในเมืองทั้ง 3 จะไม่ตีอกชกหัวตัวเองเสียใจได้อย่างไร?
เรื่องที่แปลกที่สุดก็คือว่า ไม่มีผู้ใดในเมืองไป๋ฉือมองเห็นลำแสงสีทองขนาดใหญ่ส่องลงมายังที่พักของเย่ว์หยางในคืนนั้น มีแต่รายงานเท็จที่เข้ามาเป็นจำนวนมหาศาล โดยมุขมนตรีของอาณาจักรท่านหนึ่งมีทักษะโดยธรรมชาติคือ “เปิดเผย” คอยตรวจสอบความถูกต้องของรายงานปลอมเหล่านี้ เจ้าพวกนักรบรับจ้างโลภมากพวกนี้ช่างกล้าเสียจริง ด้วยความโกรธเขาฟาดเจ้าคนโลภพวกนี้จนยับเหมือนกระดาษ
ส่วนเย่ว์หยางยังคงขยันฝึกอยู่ในบ้านต่อไป, แทบจะไม่ได้ออกจากบ้านเลย เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะเกิดความอลหม่านโกลาหลที่นอกบ้าน
เอาแต่เล่นสนุกอยู่กับเด็กหญิงทุกๆวันแทน เด็กตัวโตผู้เป็นนักสู้ระดับสูงส่ง ทรงเกียรติเปลี่ยนสภาพเป็น “ม้าแกลบ” ยามเมื่อเด็กหญิงร่ำร้องขอให้เธอได้ขี่คอเขา
ในตอนกลางวัน เขาจะลงไปคลานบนพื้นกับเด็กหญิงเพื่อนับจำนวนมดที่คลานอยู่ หรือไม่ก็ร่วมมือกับเธอไล่จับแมลงปอแดง มีบางเวลาเขาสอนเด็กหญิงให้รู้วิธีอัญเชิญสัตว์อสูรผู้ยิ่งใหญ่ รูปแบบชาวออนไลน์ ด้วยการชูนิ้วกลางของเธอ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเขาสอนภาษาวิบัติให้เด็กหญิงนั่นเอง
“สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้มันแข็งแกร่งมาก จำไว้นะ เจ้าจะเรียกออกมาตอนที่มีคนอยู่ข้างๆ เราไม่ได้ ให้ใช้มันได้เฉพาะกับคนเลวหรือศัตรูของเรา เข้าใจไหม? ดีแล้ว, จำไว้ให้ดี ชูนิ้วกลางขึ้นมา เจ้าสัตว์อสูรชนิดนี้มันชอบให้อัญเชิญแบบนี้ ..น่านแหละ..พอเจ้าพูดว่า”..ไอ้XXX….“เจ้าก็ต้องพูดด้วยความกราดเกรี้ยว.. ใช่.ว้า… เจ้ายังพูดนุ่มนวลหน่อมแน้มไร้เดียงสาอยู่… ยังเป็นเด็กดีจริงๆ นั่นแหละ”
ถ้ามีคนเห็นว่านักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดคือคนอย่างเย่ว์หยาง คงได้เอาหัวทิ่มพื้นตายแน่
หญิงงามดุเขาอยู่ 2-3 ครั้ง บอกว่าเขาชักจะไม่มีมารยาท
แต่พอเห็นเขาหยอกเล่นกับกับเด็กหญิงมากเข้า นางแอบยินดีอยู่เงียบๆ
หลังจากสำเร็จวิชากระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดขั้นที่ 1 แล้ว เย่ว์หยางพบว่าเขาเข้าไปอยู่ในเขตแดนปราณธรรมชาติก่อกำเนิดแล้ว
ตอนนี้ เป้าหมายของเขาคือ ฝึกให้สำเร็จขั้นที่ 2
อย่างไรก็ตาม การสำเร็จวิชาขั้นที่ 2 นั้นไม่ง่ายเหมือนขั้นที่ 1
เพื่อให้บรรลุกระบี่ไร้ลักษณ์ชั้นปราณก่อกำเนิดขั้นที่ 1 ไม่เพียงแต่ต้องเชื่อมจุดทั้ง 108 ในตัวเข้าด้วยกันทั้งหมดเท่านั้น เขาต้องเชื่อมด่านเริ่นและตูเข้ากับเส้นปราณหลักทั้ง 12 ต้องเชื่อมเส้นปราณทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวและให้ปราณไหลไปได้ทั่วร่างโดยไม่มีอะไรติดขัด ทันทีที่เขาฝึกขั้นที่ 2 ได้สำเร็จ นอกจากในอนาคตจะเพิ่มพลังให้เขาแล้ว เขายังสามารถปล่อยปราณกระบี่ได้จากทุกส่วนของร่างกาย จะไม่มีศัตรูสามารถต้านทานการโจมตีที่ไม่เคยมีมาก่อน ในขณะที่เย่ว์หยางจู่โจมพวกเขา สามารถใช้ปราณกระบี่จากส่วนไหนของร่างกายก็ได้
เทียบกับครั้งก่อน เย่ว์หยางบรรลุวิชาขั้นที่ 1 ตอนนี้เขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก แข็งแกร่งขนาดที่ว่าพักการฝึกเพื่อบรรลุขั้นที่ 2 เอาไว้แล้วท่องไปรอบโลกก็ยังได้
เขาสามารถต่อสู้ได้ในการรบและฝึกไปในขณะเดียวกันก็ได้ แล้วรอโอกาสสำเร็จวิชาขั้นที่ 2
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความช่วยเหลือจากจี้หยกดำ การสำเร็จวิชาขั้นที่ 2 ยิ่งเกิดได้ง่ายในเวลาใดก็ได้ ในที่สุดเย่ว์หยางไม่ได้รีบเร่ง
เป็นแต่เพียงการฝึกขั้นที่ 2 ของเขาให้ชำนาญ มีภาพลวงตาทักษะที่ทรงพลังอย่างมากปรากฏในใจเขา มันทำให้เย่ว์หยางกังวลมากที่จะบรรลุขั้นที่ 2 ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แม้ว่าเขามีพลังและความแข็งแกร่ง แต่ ฝีมือต่อสู้ของเขาโดยรวมยังไม่แข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่ดี ถ้าเขาไม่เติมเต็มความแข็งแกร่งนั้น
ผ่านไปอีกเดือนหนึ่ง ในวันเวลาที่สงบสุขเหล่านั้น เย่ว์หยางจะพาเด็กหญิงออกไปที่ตลาดตอนกลางวัน เขาต้องการเข้าใจวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของแผ่นดินมังกรทะยานมากขึ้น, พอตอนกลางคืนเขาจะฝึกอย่างแข็งขันในแต่ละวัน เพื่อให้สำเร็จกระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดขั้นที่สอง หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ในที่สุด เขาก็ได้เรียนรู้กระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดขั้นที่สอง “วิชาลับ 3 แบบ” คืนนั้น เย่ว์หยางตื่นเต้นอย่างมากที่ได้ทักษะนั้นมา จึงตัดสินใจออกไปสมัครเข้าร่วมกลุ่มนักรบรับจ้างและหาคู่ต่อสู้เพื่อประเมินฝีมือของเขา เขาต้องการฝึกทักษะที่ได้เรียนรู้มาใหม่ “วิชาลับ 3 แบบ”
เย่ว์หยางในตอนนี้มั่นใจความสามารถของตนเองเต็มเปี่ยม
หลังจากเข้าสู่ดินแดนปราณธรรมชาติก่อกำเนิดแล้ว เย่ว์หยางสามารถใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ทีละ 3 ครั้ง นั่นน่าจะเพียงพอรับมือทหารรับจ้างนักสู้ต่ำชั้นกว่าได้
เขาไม่อาจพูดได้มากนักว่าสู้กับทั้งกลุ่มได้ แต่ถ้าเป็นการสู้ตัวต่อตัวกับคนที่เป็นนักสู้ต่ำกว่าชั้น 6 เขาไม่มีทางแพ้แน่
นอกจากนี้ เขาไม่จำเป็นต้องใช้พลังโจมตีที่กร้าวแกร่งอย่างปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นปราณก่อกำเนิด ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าอาจสังหารศัตรูด้วยการโจมตีครั้งเดียว เขาควรใช้ทักษะขั้นที่สอง วิชาลับ 3 แบบ เพื่อจัดการกับศัตรูหรือตัวปัญหาใดๆ ก็ได้
แม้ว่ามันสายเกินไปที่จะใช้วิชาลับ 3 แบบ เย่ว์หยางยังสามารถใช้วิชาทวนตระกูลเย่ว์ที่เขาได้ฝึกมาก่อน นั่นน่าจะพอเอาชนะทหารรับจ้างได้
วิชาทวนตระกูลเย่ว์ แม้ว่าในสายตาของเย่ว์หยางจะเป็นวิชาที่ง่ายเหมือนเรียนชั้นประถมศึกษา แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่าวิชาระดับอนุบาลที่พวกนักรบรับจ้างได้รับการฝึกฝนมา
แต่น่าเสียดายที่เจ้าคนที่น่าสงสารไม่มีวิชาทวนฉบับเต็ม มีอยู่แค่เพียง 6 ท่า เขาเพีงได้รับคู่มือฝึกวิชาทวนตระกูลเย่ว์เท่านั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดของวิชามันสาบสูญไปหลายพันปีมาแล้ว และตระกูลยังเก็บ 3 ท่าไว้เป็นส่วนตัวอีก มีเพียงสมาชิกตระกูลเย่ว์ผู้เป็นนักสู้ระดับ 4 ถึงจะได้เรียน มิฉะนั้นแล้ว เย่ว์หยางอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทวนตระกูลเย่ว์ได้ อาจจะสูงล้ำกว่าใครๆก็ได้
ถ้าเขายังไม่สามารถเอาชนะวิชาระดับประถมของทหารรับจ้างด้วยวิชาลับ 3 แบบที่เป็นเหมือนวิชาระดับอุดมศึกษาแล้ว เขาควรจะตามเจ้าคนผู้สงสารไปโดดน้ำตายเช่นกัน
คืนนั้น เย่ว์หยางไม่ได้ฝึกเหมือนเมื่อคืนก่อนๆ เขาแอบย่องออกจากบ้านและไปที่สมาคมนักรบรับจ้างในเมือง
อย่างไรก็ตาม พอมาถึงสมาคมนักรบรับจ้าง เย่ว์หยางสะดุดตาสังเกตเห็นว่าจักรพรรดิได้ทรงให้ติดประกาศในสมาคมนักรบรับจ้างไปทั่วอาณาจักร เหตุนั้นเย่ว์หยางถึงได้ตระหนัก ไม่อยากเชื่อ น่าตกใจจริงๆ เขากลายเป็นคนมีชื่อเสียงที่สุดของอาณาจักรต้าเซี่ยไปแล้ว
อีกทั้งเขายังมีค่าตัวมหาศาล…..
****************