ตอนที่ 14 ความโกลาหล, ปกปิดร่องรอย, เรื่องลึกลับ
ทันทีที่เขาสำเร็จวิชากระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดขั้นที่ 1 เขาก็เข้าสู่เขตแดนชั้นปราณก่อกำเนิดแล้ว
เขาไม่รู้เรื่องอื่น ในเมืองเล็ก ที่ชื่อว่าไป๋ฉือแห่งนี้เลย รู้แต่ว่าไม่มีนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดคนอื่นๆ แน่นอน
แม้ว่าเขาจะไม่มีพลังภายในเพียงพอทั้งใช้วิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ได้ไม่กี่ครั้ง แต่ด้วยทักษะชั้นปราณก่อกำเนิด เขาน่าจะเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหลายด้วยการโจมตีครั้งเดียว จากความรู้ที่ได้รับจากคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดงมีแต่นักสู้ชั้นผู้แก่กล้าระดับ 6 และสูงกว่าถึงจะสามารถทนรับวิชาชั้นปราณก่อกำเนิดได้ แม้ว่ามันจะโจมตีง่าย พลังทักษะระดับปราณก่อกำเนิด สามารถจะทำลายวิชาของนักรบระดับต่ำกว่า เช่นสายป้องกันหรือสายเสริมพลังกายได้
ในสายตานักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิด พวกนักสู้ระดับ 6 หรือต่ำกว่าเป็นแค่แมลงที่ไม่ควรเอ่ยอ้างถึง
แน่นอนว่า นักสู้ชั้นนปราณก่อกำเนิดในโลกนี้ มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
นั่นคือสาเหตุที่นักสู้ชั้นผู้แก่กล้า ระดับ 6 มักจะได้รับตำแหน่งเสนาบดีและเจ้าหน้าที่ทางการ อย่างน้อยพวกเขาสามารถเลื่อนชั้นไปเป็นแม่ทัพ หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็ได้ อย่างน้อยที่สุด พวกเขาจะได้ถือกุญแจตำแหน่งเจ้าหน้าที่ทางการระดับสูงแน่
ตัวอย่างเช่น ในเมืองไป๋ฉือที่เย่ว์หยางอาศัยอยู่ เจ้าเมืองเป็นนักสู้ระดับ 6 ชั้นผู้แก่กล้าขั้นต้น, ประมุขตระกูลเย่ว์, เย่ว์ไห่ท่านปู่ของเจ้าเด็กที่น่าสงสาร เป็นนักสู้ชั้นผู้แก่กล้าขั้นสูง เขาเคยเป็นนักรบในตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักรมาก่อน อย่างไรก็ตาม เขาชราภาพและบาดเจ็บร้ายแรงจากสงคราม สูญเสียแขนซ้ายและขาขวา ดังนั้นเขาจึงขอเกษียณจากตำแหน่งแล้วกลับมาอยู่กับครอบครัว
ยังมีลุงใหญ่เย่ว์ชานและลุงรองเย่ว์หลิ่งที่ได้เป็นแม่ทัพและเสนาบดีของประเทศตามลำดับ ลุงใหญ่เย่ว์ชานเป็นนักสู้ระดับ 6 ชั้นผู้แก่กล้าขั้นกลาง ขณะที่ลุงรองเย่ว์หลิ่งเป็นนักสู้ระดับ 6 ชั้นผู้แก่กล้าขั้นต้น
มีแต่เฉพาะบิดาของเจ้าคนผู้น่าสงสารนามเย่ว์ชิวผู้เป็นอัจฉริยะที่หลายร้อยปีจะปรากฏมีครั้งหนึ่ง สามารถประสบความสำเร็จถึงระดับ 7 ชั้นยอดฝีมือ เด่นล้ำเหนือทุกคนในตระกูล
น่าเสียดายที่อัจฉริยะผู้นี้ เสียชีวิตไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
ตราบใดที่เย่ว์หยางสำเร็จปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ 1, ตามทฤษฎีแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกลัวคู่ต่อสู้ระดับ 6 แน่นอนว่า ในการต่อสู้ ทุกอย่างคาดเดาไม่ได้ ในปัจจุบันเขาสามารถใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ได้เพียง 2 ครั้ง และด้วยประสบการณ์ต่อสู้ที่เป็นศูนย์ เย่ว์หยางรู้สึกว่า เขาควรจะให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยตนเองและไม่ละเลยกับความลับนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อทอดเวลาออกไป เขาคงจะเพิ่มทักษะลึกลับของเขาได้อีก หลังจากนั้นเป็นอันรับประกันความปลอดภัยเขาได้มากขึ้นแน่
ปราณกระบี่เป็นวิชาที่ทรงพลังอย่างมาก มีอานุภาพเจาะทะลุการป้องกันทุกแบบ อาจสังหารศัตรูได้ทันที แต่ระดับพลังภายในของเขาในตอนนี้ใช้ได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น
เขาจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร หากพบศัตรูแข็งแกร่งถึง 3 คนในเวลาเดียวกัน..?
ดังนั้นเย่ว์หยางรู้สึกว่า ตอนนี้เขาไม่ควรประมาทจนเกินไป เขายังต้องเจียมตัวต่อไปก่อน
เป้าหมายปัจจุบันของเขาคือต้องบรรลุปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ 1 และเข้าสู่ขอบเขตปราณธรรมชาติก่อกำเนิด กลายเป็นนักสู้ที่เหนือกว่าระดับ 6 และพวกที่ต่ำกว่าให้ได้
เย่ว์หยางรู้ว่าเขตแดนปราณก่อกำเนิดมีพลังกล้าแข็งและรุนแรงมาก แต่เขาไม่เคยคิดว่า จะมีผลกระทบทันทีที่บรรลุถึงขอบเขตนั้น
เมื่อเส้นพลังปราณทั้ง 12 สายเชื่อมถึงกันและกันได้ในสุดแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกว่าวิญญาณเขาสั่นสะท้าน ขณะที่ตัวเขาเข้าไปอยู่ในขอบเขตนั้นโดยสมบูรณ์ เหมือนกับว่าเขากำลังว่ายอยู่ในทะเลแห่งพลังที่ไร้ขีดจำกัด อิสระเหมือนนก เขารู้สึกว่าพลังภายในจากผืนโลกกำลังไหลเข้าไปในกายเขาจากจุดหย่งฉวนที่เท้า แล้วมาทะลุออกที่จุดไป่ฮุ่ยบนศีรษะ จากนั้นพลังก็พวยพุ่งเป็นไอจนสุดขีดของมัน แล้วหวนกลับเข้ามาที่จุดตรงศีรษะ ส่วนพลังจากบรรยากาศจะไหลไปทั่วร่างของเขา แล้วมาออกที่จุดหย่งฉวนที่เท้าของเขากลับเข้าไปในพื้นโลก ด้วยการหมุนเวียนเป็นวัฏฏจักรนี้ ตลอดทั้งร่างเขารู้สึกเหมือนถูกชำระใหม่อีกครั้งด้วยพลังจากโลกและบรรยากาศ อาการนี้คือการลอกคราบ ร่างกายของเย่ว์หยางไม่รู้สึกหนักอีกต่อไป แต่เขากลับรู้สึกเหมือนจะบินได้ ร่างกายเขาเปลี่ยนเป็นปราดเปรียว ว่องไวมากมายกว่าแต่ก่อน
ทันใดนั้น คัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดงเปล่งแสงสว่างและลำแสงสีทองฉายตรงลงมาจากฟ้า กำจัดความมืดมิดยามค่ำคืน
ถ้าเย่ว์หยางไม่ได้เลือกฝึกตอนกลางคืน ทุกคนในรัศมี 500 เมตรจะสังเกตเห็นลำแสงนั้น
ขณะเขาเข้าสู่ขอบเขตปราณธรรมชาติก่อกำเนิดแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกในใจว่าเหนือความจริง คล้ายเทพเเจ้า รู้สึกเหมือนว่าเขาสามารถไปจากโลกมนุษย์แล้วเอื้อมมือขึ้นไปแตะท้องนภา หรือย่ำบาทาจนพสุธาหวั่นไหว..
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกเช่นนี้กินเวลาไม่กี่วินาที
เสียงสวรรค์ที่เขาเคยได้ยินในใจเมื่อคราวทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ ดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่เย่ว์หยางรู้สึกว่าพลังที่เติมจนเต็มในร่างกายเขาถูกดูดมาโดยสิ่งลึกลับในร่างกายเขา ในที่สุด เขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เสียงบึ้มดังก้องขึ้นในหัวเขา ขณะที่เขาเป็นลมล้มลงกับพื้น เมื่อเขาหมดสติไป เขารู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตาเป็นแสง 7 สี ฉายแสงสว่างเป็นรูปหงส์ทองร่อนลงมายังพื้นแผ่นดิน
ขณะที่ใจเขาถูกถอนออกมา ลำแสงสีทองค่อยๆ จางลงมาที่คัมภีร์อัญเชิญแล้วหายไปในอากาศ
ตอนที่ลำแสงหายไปนั้น คัมภีร์สีทองแดงลอยมาอยู่ที่ข้างตัวเย่ว์หยางโดยไม่มีเสียง
ในหน้าต่างๆ ในคัมภีร์ ไม่มีอะไรเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม คำอธิบายสถานะของเขา “ระดับ 1 ชั้นเริ่มต้น ขั้นฝึกหัด มีคำพิเศษอยู่คำหนึ่ง คือ”ปราณก่อกำเนิด”
คืนนั้นเย่ว์หยางถึงกับหลับเป็นตาย อย่างไรก็ตาม เกิดความโกลาหลไปทั้งอาณาจักรต้าเซี่ย
แม้แต่จักรพรรดิจุนอู๋ทรงตื่นจากบรรทมทันทีเสด็จไปยังท้องพระโรง ซึ่งมีมุขมนตรีและหัวหน้าราชองครักษ์วังหลวงรออยู่ ทุกคนอยู่ในอาการตื่นตระหนกที่พวกเขามาทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอน ข่าวเดียวที่ทำให้จักรพรรดิแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยโพล่งออกมาอย่างปลาบปลื้มว่าพระองค์เองยังไม่เชื่อที่ได้สดับมาเองด้วยซ้ำ ในที่สุดนักสู้ชั้นปราณธรรมชาติก่อกำเนิดปรากฏตัวในราชอาณาจักรต้าเซี่ยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ลำแสงสีทองที่ฉายลงมาที่นักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดผู้นี้ยังทรงพลังมากกว่านักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดคนก่อนๆ แสงสีทองเจิดจ้าตัดกับความมืดยามราตรี ทุกคนในรัศมี 500 เมตรน่าจะเห็นได้อย่างชัดเจน ตามที่มีบันทึกไว้ในบันทึกแก้วผลึกนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดทั้งหมด ท่านผู้นี้นับเป็นนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดคนที่ 81 ของอาณาจักรต้าเซี่ยนับแต่เริ่มบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ และท่านผู้นี้ยังคงเป็นนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดคนที่ 7 ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในโลกนี้”
ขอเดชะฝ่าบาท! เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ว่าไม่มีบันทึกนักสู้ผู้นี้เลย ข้าพระองค์เกรงว่าอาจจะเป็นนักพรต ฤาษีชีไพรผู้อาศัยอยู่ในภูเขาก็ได้ ปัจจุบันนี้ไม่มีข้อมูลใดๆ ของนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดผู้นี้เลย“มุขมนตรีส่ายหัวอย่างเสียดาย”
อย่าบอกข้านะว่า ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับบันทึกไว้แม้แต่ในบันทึกแก้วผลึก นักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดก็ไม่มีแม้แต่น้อยหรือ“จุนอู๋ฮ่องเต้ตรัสถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ”
พะยะค่ะ ฝ่าบาท นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้นี้มีทักษะซ่อนสถานะตนเองได้ บันทึกนักสู้ปราณก่อกำเนิดแก้วผลึกบันทึกข้อมูลพื้นฐานมาได้แค่ “เป็นบุรุษ” แม้แต่อายุก็ถูกปกปิดไว้ ไม่ต้องพูดถึงนิกาย วิชา หรือสัตว์อสูร เราคาดว่านักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดผู้นี้มีทักษะปกปิดและพรางตัวตน ดังนั้นบันทึกแก้วผลึกจึงรายงานข้อมูลของเขาไม่ได้เลย”
ลำแสงนั้นปรากฏขึ้นที่ไหน? ใครเป็นประจักษ์พยานได้บ้าง? นี่คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับการเพิ่มพูนแสนยานุภาพอาณาจักรต้าเซี่ย เราต้องหานักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดผู้นั้นให้ได้“ฮ่องเต้แทบเสียจริตเพราะความวิตกกังวล ในที่สุดพวกเขาก็มีนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดในอาณาจักรของพวกเขา ยังไม่มีผู้ใดรู้สถานะของนักสู้นั้น นี่ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก”
ตามทักษะเปิดเผยสถานะของข้าพระองค์ ตำแหน่งโดยทั่วไปสมควรเป็นด้านใต้ของภูเขาหยุนอู้ น่าจะรวมทั้งเมืองไป๋ฉือ, หงหลินและเฮยหยาน ยากมากที่จะคาดเดาตำแหน่งที่แน่นอน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลำแสงส่องลงไปที่นักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดผู้นั้นใหญ่มาก คงมีประจักษ์พยานแน่นอน โดยเฉพาะพวกมือสังหารและพวกนอกกฎหมายที่ปรากฏตัวเวลากลางคืน คงมีคนเห็นมันแน่ๆ ตราบที่เราให้รางวัลใหญ่ล่อใจให้คนที่รายงานการพบเห็นลำแสงสีทอง, สืบหาให้ดีตามเบาะแสให้พบ เราน่าจะหาตำแหน่งของเขาพบ” คัมภีร์อัญเชิญสีทองของมุขมนตรีเปิดกว้างขณะที่แสดงแผนที่อาณาจักรต้าเซี่ย จุดสีทองฉายแสงออกมาใกล้ตำแหน่งภูเขาหยุนอู้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาพยายามขยายดูแผนที่เขา ดาวทองนั้นก็หายไปอย่างลึกลับ
ราชองครักษ์วังหลวงทั้ง 2 คิดว่านี่ไม่ใช่เนื่องมาจากความผิดพลาดของมุขมนตรี แต่เป็นเพราะทักษะอำพรางที่นักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดมี ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาคาดว่าทักษะอำพรางของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก
จักรพรรดิ มุขมนตรีและราชองครักษ์วังหลวงทั้งสองวางแผนเคลื่อนไหวต่อไปตลอดทั้งคืน และในที่สุด พวกเขาตัดสินใจตั้งรางวัลเป็นทอง 1,000 เหรียญให้ทหารรับจ้าง นักฆ่าและก๊กโจรป่าผู้หานักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้นี้พบ อีกอย่างใครก็ตามที่เห็นลำแสงและรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของมัน จะได้รับรางวัล 50 เหรียญทอง
ขณะเดียวกัน ราชอาณาจักรทั้ง 3 ตระกูลใหญ่ทั้ง 4 และ 4 นิกายใหญ่ได้รับการติดต่อทันที
เมื่อเย่ว์หยางตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ อาณาจักรต้าเซี่ยทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหล แม้แต่ 4 นิกายใหญ่ที่สงบเสงี่ยมยังตื่นตระหนกเช่นกัน
นักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดปรากฏในปุถุชนทั่วไป มันเกิดขึ้นไปอย่างไร?
คนผู้นี้ไม่ใช่คนที่พึ่งพา 4 นิกายใหญ่และ 4 ตระกูลใหญ่ ไม่ได้แม้แต่จะรับการสนับสนุนจากราชอาณาจักร เขาสำเร็จวิชาและเข้าสู่ขอบเขตปราณธรรมชาติก่อกำเนิดด้วยตนเอง 4 นิกายใหญ่ส่งทูตไปตรวจสอบข้อมูลจากบันทึกชื่อนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดที่เป็นแก้วผลึกทันที บรรดานิกายใหญ่ทั้ง 4 มีนักสู้อาวุโสคนหนึ่งจากนิกายเหนือ วิหารเทพจันทรามีทักษะตาทิพย์เป็นทักษะธรรมชาติ และเป็นผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงนามหมิงซิน พูดบางคำที่ทำให้ตะลึงไปทั้งโลก
++++++++++++++++++++++++++++++