ตอนที่ 10 ย้ายโรงเรียน
แรงลมที่เกิดจากพลังหมัดมีแรงอัดรุนแรง ถังเทียนตั้งใจออกหมัดทั้งสองอย่างต่อเนื่อง ตัวเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อและเหงื่อเม็ดโป้งไหลย้อยลงมาตามหน้าถึงคางและหยดลงบนพื้นคอนกรีตสีดำใต้เท้าเขา
บางคราในระหว่างนั้น หมัดจะหายวับไปทันที
ทุกครั้งที่เหตุนี้เกิดขึ้นตัวเลขที่ประตูจะวิ่งขึ้นทันที ถังเทียนยังคงฝึกวิชาใหม่นี้ออกหมัดสักสิบหมัดจะมีอยู่หมัดเดียวที่เป็นหมัดประกายไฟ
การ์ดวิญญาณชนิดบรอนซ์จะสถิตอยู่ในร่างเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายจะเข้าใจท่วงท่าเคลื่อนไหวเหล่านั้นในช่วงเวลาเล็กน้อยเพียงนั้น เพราะเหตุนั้น ราคาของการ์ดวิญญาณชนิดเงินจึงมีราคาแพงกว่าการ์ดวิญญาณชนิดบรอนซ์มาก
อย่างไรก็ตาม ถังเทียนไม่ใส่ใจ ตราบใดที่เขาเป็นเจ้าของการ์ดวิญญาณได้สักใบเขาก็พอใจมากแล้ว
เขายังไม่คุ้นเคยกับความเคลื่อนไหวของหมัด ออกหมัดไปสิบครั้งจะมีความสำเร็จได้สักครั้ง เขาไม่สนใจปัญหาเช่นนี้แม้แต่น้อย นี่ไม่มีทางเทียบได้กับห้าปีที่เขาฝึกฝนวิทยายุทธขั้นพื้นฐานได้
ถ้าเขายังไม่คุ้นเคย อย่างนั้นเขาควรฝึกให้หนักขึ้น การ์ดวิญญาณชนิดบรอนซ์ ไม่ได้ให้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงค้นพบด้วยตนเอง
เขาเองก็รักการฝึกฝนมากอยู่แล้ว หลังจากใช้เวลาห้าปี ในที่สุดเขาสามารถฝึกวิทยายุทธระดับสองได้ พลังงานที่เขาสะสมอยู่ในใจเพียงพอจะระเบิดโลกได้ทั้งใบ
สำหรับการฝึกซ้ำ 200,000 รอบจำเป็นต้องทำให้ได้เพื่อเชี่ยวชาญในวิธีใช้
เพื่อให้ได้เคล็ดสังหาร
เพื่อเชียนฮุ่ย
เพื่อแม่ของเรา
เพื่อตัวเราเอง
เขารู้สึกว่าเขามีพลังงานในร่างกายไม่หมดสิ้นและว่าสภาพร่างกายในปัจจุบันของเขาไม่เคยดีกว่านี้เลย เขาชอบใช้ชีวิตแนวนี้สามารถกู่ก้องประกาศเป้าหมายในใจและเขาสามารถเอียงกายปาดเหงื่อได้ภายใต้ดวงตะวันนี้
เป้าหมายความทะเยอทะยานเหล่านั้นไม่ยั่งยืนเหมือนดวงดาวในท้องฟ้าจึงไม่สามารถบรรลุได้ มันห่างไกลมาก
ถ้าเขาไม่ยินดีอาบเหงื่อ ฝันของเขาก็คงไม่มีอะไร เป็นได้แต่ความฝันเท่านั้น
เขายังไม่ได้นอนสักครั้งตั้งแต่เขาพบว่าเขาไม่จำเป็นต้องกินขณะที่อยู่ภายในมิติหลังประตูดาวกางเขนใต้ ถ้าไม่นั่งสมาธิ อย่างนั้นเขาจะฝึกวิชาหมัดประกายไฟเขาปล่อยหมัดประกายไฟได้เกินกว่า 768 ครั้ง
เมื่อเทียบกับ 200,000 ครั้ง 768หมัดดูเหมือนเป็นความลำบากเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ถังเทียนยังคงทู่ซี้ฝึกต่อไป เขารู้ว่าการเริ่มต้นมักจะเป็นส่วนที่ยากที่สุด แต่ทันทีที่ผ่านจุดนั้นไปได้ โอกาสที่จะทำได้สำเร็จจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป็นเวลาห้าวันติดต่อกัน ถังเทียนยังหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝีมือ
จำนวนตัวเลขที่ปล่อยหมัดประกายไฟได้สำเร็จเริ่มเพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก ก่อนหน้านี้ พอออกหมัดสิบหมัดจะทำสำเร็จได้เพียงหนึ่งหมัด แต่เดี๋ยวนี้ เขาทำสำเร็จได้ถึงสามในสิบหมัด
ตัวเลขบนประตูเพิ่มจำนวนมากขึ้น และช่วงที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นก็มากขึ้นเช่นกัน
เขาหอบหายใจหนักหน่วงและเหงื่อไหลพร่างพรูความเหนื่อยล้าเริ่มคืบคลานเข้ามา เขาคุกเข่าลงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงปูดโปน เขาจ้องดูพื้นและดวงตาเขาค่อยๆ เริ่มเห็นแสงสว่าง
เขายิ้ม แม้เขาจะรู้สึกว่าเรี่ยวแรงเหือดแห้งแต่ยังรู้สึกสดใสเหมือนตะวันทอแสง
เขาออกหมัดประกายไฟสำเร็จถึง 8,000 หมัดแล้ว
เขานั่งขัดสมาธิ หลับตา ขณะที่ฝึกเดินปราณลับ ภายในประตูดาวกางเขนใต้ มีพลังงานเหลือเฟือ การฝึกพลังภายในด้วยจะเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนทั่วไป ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ชัดถึงพลังงานทุกส่วนสัด ปราณบ่มเพาะลับที่ไหลเวียน ลอยอยู่รอบๆ ตัวเขาเหมือนแมงเม่าที่ถูกแสงไฟดึงดูดเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
พลังงานที่ลอยอยู่นี้ทะลุเข้ามาในร่างของถังเทียน ไหลเวียนไปพร้อมกับปราณบ่มเพราะทันทีที่มันมาถึงจุดตันเถียนของเขา (ต่ำกว่าสะดือสองนิ้ว) ก็เป็นพลังรวมสะสมอยู่ตรงแอ่งตันเถียนนั้น
มีแอ่งอยู่สองแห่ง ในจุดตันเถียนของถังเทียน แอ่งหนึ่งอยู่บน อีกแอ่งหนึ่งอยู่ล่าง แอ่งที่อยู่บนคือแอ่งตันเถียนชั้นที่สอง และแอ่งที่ต่ำกว่าเป็นแอ่งตันเถียนชั้นที่หนึ่ง
เมื่อพลังที่แท้จริงเข้าสู่จุดตันเถียน ร่างกายจะสร้างแอ่งตันเถียนใหม่ทุกครั้ง และจะเติมเต็มแอ่งปัจจุบัน แอ่งตันเถียนจะสร้างซ้อนอยู่บนตันเถียนเดิมมองดูเหมือนขั้นบันได
ตามตำนานกล่าวว่า ถ้ายังฝึกไม่ถึงระดับ พลังที่แท้จริงจะซึมเข้าไปในแอ่งตันเถียนและมีอิทธิพลต่อแอ่งตันเถียนเหล่านั้นตามระดับชั้นจนถึงเส้นลมปราณตรงระหว่างคิ้วของคนทำให้เขามีชีวิตนิรันดร์
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข่าวลือยังห่างไกลมาก ไม่มีใครที่ฝึกฝนได้จนถึงระดับนั้น ก็แค่ยังไม่มีวิธีไปถึงจุดสิ้นสุดวิถีสวรรค์ได้
พลังงานเช่นนั้นในตัว เปลี่ยนเป็นพลังแท้จริงและเข้าไปเก็บกักไว้ในตันเถียน การชำระครั้งแล้วครั้งเล่าก็จะไปสะสมไว้ในแอ่งตันเถียนที่สอง
แอ่งตันเถียนชั้นที่สองจะถูกเติมเต็มทีละนิด
กระบวนการนี้ช้าและน่าเบื่อหน่ายไม่น้อย ต้องอดทนต่อการทดสอบ ขณะที่พลังงานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพลังที่แท้จริงร่างที่ได้รับสารอาหารก็จะฟื้นคืนสภาพ
จอมยุทธผู้ร่ำรวยจะใช้หินดาราเพื่อฝึกฝนพลังที่แท้จริง หินดาราจะมีมวลพลังที่บริสุทธิ์มากหลังจากดูดซับพลังงานที่บริสุทธิ์แล้ว ผู้ฝึกฝนสามารถเปลี่ยนพลังงานให้เป็นพลังภายในที่แท้จริงได้ช่วยลดเวลาฝึกฝนลงได้มาก
อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยราคาของหินดารานั่นเอง จึงไม่ใช่วิธีที่คนธรรมดาจะใช้ได้
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
แอ่งตันเถียนชั้นที่สองของถังเทียนเต็มไปด้วยพลังภายในที่แท้จริง แต่ถังเทียนสังเกตว่ายังไม่มีสัญญาณของการพองตัว เขารู้สึกมีแรงจูงใจและยังคงฝึกจิตเพื่อดึงพลังงานมาสร้างเป็นพลังแท้จริง โคจรผ่านเส้นลมปราณไหลเข้าตันเถียนจากนั้นจึงเข้าไปสะสมในแอ่งตันเถียนชั้นที่สอง
ทันใดนั้น ร่างของถังเทียนสั่นและเขาดูมีความสุข
เขารู้สึกได้ถึงพลังแท้จริงของตันเถียน เหมือนกับว่าสัมผัสกำแพงที่มองไม่เห็น
สำเร็จแล้ว
แอ่งตันเถียนระดับสองทำได้สำเร็จแล้ว
ชั้นม่านพลังขวางที่มองไม่เห็นรู้จักกันในนามว่ากำแพงสมบูรณ์แบบ เบื้องหลังเป็นกำแพงที่มองไม่เห็นขวางแอ่งตันเถียนระดับที่สาม เมื่อมีผู้สัมผัสได้ถึงกำแพงที่สมบูรณ์แบบ ก็หมายความว่าการบ่มเพาะพลังที่แท้จริงในแอ่งพลังนั้นทำได้สมบูรณ์แบบ
ขณะนี้ มีความจำเป็นต้องฝึกพลังภายในจนถึงระดับสามหรือสูงกว่าเพื่อทำลายกำแพงที่สมบูรณ์แบบและเปิดแอ่งตันเถียนระดับสาม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถังเทียนจะมีความสุข ตามที่เขาคาดการณ์ เขาต้องการเวลาเพื่อฝึกฝนปราณให้สมบูรณ์แบบเขาไม่เคยคาดว่าตัวเขาเองจะเชี่ยวชาญได้ไวนัก
เมื่อเป็นอย่างนี้ เขาสามารถเริ่มฝึกฝนพลังภายในระดับสามได้
พลังที่แท้จริงมาจากแอ่งตันเถียนชั้นที่สามที่บริบูณ์มากกว่าและคุณภาพสูงกว่าแอ่งตันเถียนชั้นที่สอง
ถังเทียนเต็มไปด้วยความดีใจ พลังที่แท้จริง ถูกสร้างรากฐานไว้ทั้งหมด ไม่มีพลังที่แท้จริงวิทยายุทธก็เป็นเพียงท่วงท่าที่น่าทึ่งเท่านั้นวิทยายุทธที่น่าเกรงขามจำเป็นต้องใช้พลังแท้จริงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์ของสำนักเรียนใหญ่ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการบ่มเพาะปราณ
ชั้นที่สาม
ขอเพียงบรรลุขั้นที่สามและเหนือกว่าจึงจะสามารถผ่านประตูวิถีดวงดาวเข้าวิถีสวรรค์มุ่งสู่กลุ่มดาวเพอร์ซูสไปพบกับเชียนฮุ่ย
ถังเทียนฉีกยิ้มกว้าง ขณะที่กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น เขายกแขนทั้งสอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ระดับสาม เราต้องการฝึกฝนเคล็ดพลังภายในระดับสาม”
“เราจะไปสู่วิถีสวรรค์”
“เราอยากจะไปกลุ่มดาวเพอร์ซูส”
เขากระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขอยู่เบื้องหลังประตูดาวกางเขนเหมือนเด็กๆดีใจ
หลังจากนั้นชั่วครู่เขาก็หยุดพัก
หน้าเขาเบิกบานขณะที่นัยน์ตาเบิกกว้าง เขากำหมัดแน่นและชกอากาศอย่างจริงจังและตะโกนว่า “เฮ้, เจ้าหนุ่ม แกจะได้เป็นชาวสวรรค์แน่นนอน”
“ชิ้ง”พริบตาร่างของเขาก็มาปรากฏจุดตรงข้ามที่เขายืนอยู่เดิม และแกล้งทำเป็นพูดว่า “โอวฉันคิดว่านายพูดถูก”
“วืด” เขากลับมายืนตำแหน่งเดิมและทำหน้ายอมรับ“ฉันรู้สึกว่าหมัดประกายไฟก็เป็นเหมือนชาวสวรรค์อย่างที่นายพูด ไม่มีปัญหาอะไร”
“วืดด” กลับมาอยู่ที่ด้านตรงข้ามเขาโบกมือด้วยท่าทางน่าประทับใจ “พ่อหนุ่ม การมีสติปัญญาอย่างนี้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ นับว่าดีมาก เธอมีอนาคตที่ดีมากเลยนะ”
หลังจากแสดงท่าทางพูดเองเออเองเสร็จ ถังเทียนก็ฝึกฝนต่อด้วยความมั่นใจ
เสียงจากลมของหมัดทุกหมัดเห็นได้ชัดว่ามีพลังในตนเองมากขึ้น
※※※※※※※※※※※※※※※※
“อาโมรี่! เธอจะย้ายสถาบันหรือ? ทำไมกัน?” ผู้อำนวยการถามอย่างไม่เชื่อ เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไม ไม่ว่าจะพยายามมองมุมไหนก็ไม่มีเหตุผลที่อาโมรี่ต้องการย้ายไปสถาบันอื่น
สถาบันเหมิ่งโซ่วเป็นสถาบันใหญ่เป็นอันดับสามในเมืองซิงฟง พวกเขามีทรัพยากรมากกว่าสถาบันคาราเมล อาโมรี่ได้รับการยกย่องว่ามีความสามารถอย่างสำคัญ เขาติดอันดับสิบสุดยอดเมื่อเขาเรียนอยู่ปีสอง อัจฉริยะอย่างนี้หาได้ยาก
ผู้อำนวยการพูดอย่างใจเย็นใจ“ฉันมัวแต่วุ่นๆ กับงานของฉันเกินไปจึงทำให้ละเลยเธอ ถ้าเธอมีเรื่องขัดข้องใจหรือไม่สบายใจ บอกให้ฉันรู้ได้ เธอพบอุปสรรคขณะฝึกฝนใช่ไหม? เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับการ์ดวิญญาณใช่ไหม? เธอสามารถเลือกการ์ดวิญญาณชั้นเงินระดับสามได้ 4 ใบเลย”
“อาโมรี่ส่ายศีรษะ” ไม่มีอะไรต้องทำอย่างนั้นครับ ผมไม่ได้ฝึกผิดแนวทางอะไร แต่ผมต้องการค้นหามรรคาวิชาบู๊ของตัวเองครับ”
“มรรคาวิชาบู๊ของตนเองหรือ?” ผู้อำนวยการหยุดยิ้ม “อาโมรี่, แม้ว่าเธอจะมีพรสวรรค์ แต่เธอก็ยังอายุน้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ค้นหามรรคาวิชาบู๊ แต่ต้องสร้างพื้นฐานของเธอให้ดี มรรคาวิชาบู๊ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องมโนเอานะ”
อาโมรี่คำนับผู้อำนวยการและตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า“ขอบคุณที่กังวลห่วงใยผม แต่ผมจะฝึกให้หนัก”
ผู้อำนวยการรู้ว่าอาโมรี่เอาจริง แต่เขาอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้แล้วตอบว่า“อาโมรี่! ฉันหวังว่าเธอคงจะไม่เสียใจกับเรื่องที่ตัดสินใจลงไปในวันนี้”
“ผมจะไม่เสียใจ!” อาโมรี่ตอบ
เขาหันหลังเดินออกจากห้องผู้อำนวยการ
ขณะที่เดินไปตามระเบียงทางเดินมีเสียงจริงจังดังขึ้นจากข้างหลังอาโมรี่
“อาโมรี่! นายกำลังจะย้ายโรงเรียนเหรอ? จะไปอยู่กับโรงเรียนที่อบรมนักเรียนได้ห่วยแตกน่ะหรือ?”
อีกเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดังขึ้น “สถาบันเหมิ่งโซ่วที่สง่างามมีอนาคตสดใสรออยู่ แกไม่สนใจกลับวิ่งไปหาสถาบันที่ล้มเหลวที่สุด ห่วยที่สุด น่าอายเหลือเกิน!”
อาโมรี่หมุนตัวกลับมาขมวดคิ้วและจ้องตาเขา “เถียนหลิน ถ้าแกไม่กลัวโดนชกปาก ก็หุบปากเสียดีกว่า”
ต่อหน้าเขาหนึ่งในนักเรียนสองคนนั้นมีใบหน้าที่ดูแคลนและไม่ยอมรับนับถือเล็กน้อย เขาชื่อเถียนหลิน เขาเป็นสิบสุดยอดของนักเรียนสถาบันเหมิ่งโซ่วรั้งอันดับที่เก้า
นัยน์ตาเถียนหลินฉายแววโกรธเล็กน้อย แต่ก็ยอมหยุดพูด เมื่ออาโมรี่โกรธจริง เรื่องจะไม่จบจนกว่าจะมีใครตาย เถียนหลินไม่ต้องการหาเรื่องกับอาโมรี่
เด็กหนุ่มข้างๆเถียนหลินสีหน้าเคร่งขรึมพูดด้วยน้ำเสียงลึกว่า “อาโมรี่! นายตั้งใจจะไปตามเส้นทางนี้จริงๆ เหรอ?”
อาโมรี่ไม่เห็นเถียนหลินอยู่ในสายตา แต่เด็กหนุ่มตัวสูงอีกคนสร้างแรงกดดันให้กับเขามาก
เหลียงชิว,นักเรียนอันดับหนึ่งของสถาบันเหมิ่งโซ่ว!
สิ่งที่ทำให้อาโมรี่รู้สึกกดดันไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งเต็มเปี่ยมของเหลียงชิวเท่านั้น แต่ความจริงก็คือเหลียงชิวมักเอาใจใส่เขาและให้คำชี้แนะเขามากมาย
สิ่งที่พี่เหลียงชิวพูดทำให้เขารู้สึกอึดอัดแต่เขารู้ว่าเวลานี้อธิบายอะไรไปก็ไม่มีความหมาย เนื่องจากคงไม่มีผู้ใดเชื่อ
แน่นอนเขาคิดว่าเขาจะใช้เป้าหมายของเขาอธิบายทุกอย่าง
อาโมรี่กำหมัดแน่นแต่จากนั้นไม่นานก็ผ่อนคลายทันที แล้วเชิดหน้าบอกเหลียงชิวอย่างมาดมั่นว่า“พี่เหลียงชิว รอให้ข้าเอาชนะท่านให้ได้ก่อน”
พูดจบเขาก็ออกไปโดยไม่แสดงอาการใดๆ ว่าไม่เต็มใจ
ตามรายทางมีอยู่หลายคนชี้มาทางเขาซุบซิบกันขณะที่เขาเดินผ่าน อาโมรี่ทำเป็นมองไม่เห็น เขากำหมัดโดยมิได้ตั้งใจเป็นเรื่องที่เขาทำใจไว้อยู่แล้ว
เขา,อาโมรี่จะแสวงหามรรคาวิชาบู๊ของตนเองให้ได้
“แกต้องการจะเอาชนะพี่ใหญ่เหลียงชิว,ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เถียนหลินหัวเราะกร้าวไล่หลังอยู่แต่ไกลเสียงของเขาสะท้อนก้องไปทั้งทางเดิน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนที่มองดูอาโมรี่อยู่ ก็หัวเราะตามและนึกสมเพชเขา คิดว่าเขาประเมินตัวเองสูงเกินไปและว่าเขาบ้าไปแล้ว
สถาบันคาราเมล, มันอะไรกัน? ก่อนจะถึงวันนี้ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อโรงเรียนอย่างนั้นมาก่อน และเมื่อพวกเขาพบการจัดอันดับโรงเรียนของสถาบันคาราเมล ทุกคนพากันอึ้งไปทั้งหมด
ที่สามจากบ๊วย!
โอว, พระเจ้า! กระจอกอะไรอย่างนี้!
และนักเรียนที่ถูกไล่ออกจากสถาบันแอนดรูว์ สถาบันอบรมที่มีชื่อเสียงสุดยอดของเมืองซิงฟง
ตัวร้าย, เจ้าวายร้าย!
ในสายตาทุกคนอาโมรี่ทำลายอนาคตของเขาเองและพอได้ยินคำประกาศท้าทายของเขา ทุกคนคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว
ยกเว้นเหลียงชิวที่มองตามหลังอาโมรี่ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ข่าวที่อาโมรี่ย้ายโรงเรียนไปเข้าสถาบันคาราเมลแพร่กระจายไปทั่วเมืองซิงฟงอย่างรวดเร็ว
เจ้าวัวบ้าอาโมรี่มิใช่ว่าไม่มีอะไร เขาใช้เวลาสองปีก็กรุยทางขึ้นสู่ทำเนียบสิบสุดยอดนักเรียนสถาบันเหมิ่งโซ่วได้เขาถูกมองว่าเป็นตัวแทนของเหลียงชิว
อีกคนที่คล้ายคลึงกันเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นนักเรียนซ้ำชั้นผู้โด่งดังไม่มีใครเกินในเมืองซิงฟง เป็นจอมเกเรอันดับหนึ่งของสถาบันแอนดรูว์เป็นตัวน่ารังเกียจเดียดฉันท์ของใครหลายๆ คน ถังเทียนสุดยอดกากเดน ขยะที่ไม่มีใครเกิน
ทั้งสองคนร่วมกันเข้าเรียนในสถาบันคาราเมล โรงเรียนที่กระจอกที่สุดถูกจัดให้อยู่ในอันดับสามจากตำแหน่งบ๊วยเรื่องแปลกเช่นนี้นับเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในเมืองซิงฟง ก่อให้เกิดความโกลาหลในโรงเรียนต่างๆขนานใหญ่