ตอนที่ 1 สอบตกซ้ำซาก
ถังเทียนยังทำตัวเหมือนอย่างที่เคย ยืนเฉื่อยชาอยู่ที่ลานฝึก
พอเห็นเด็กรุ่นเยาว์และหน้าตาไร้เดียงสาเหล่านั้น เขาถึงกับแค่นเสียง
เป็นครั้งแรกที่นักเรียนรุ่นเยาว์ที่เข้าสถาบันแอนดรูว์ได้ฝึกฝนภาคสนาม สถาบันแอนดรูว์เป็นหนึ่งในสิบสำนักเรียนชั้นยอดของเมืองซิงฟง แม้แต่สิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกฝนภาคพื้นดินจะไม่เทียบเท่ากับสถาบันอันดับหนึ่งอย่างสถาบันรุ่งอรุณก็ตามแต่พวกเขาก็ยังได้รับการพิจารณาให้อยู่ในอันดับแรกๆ
ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นบทเรียนภาคปฏิบัติครั้งแรกสำหรับนักเรียนใหม่และพวกเขาจึงกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นมาก
“ทุกสิ่งทุกอย่างมีเขียนไว้ในตำราที่พวกเธอทุกคนได้เรียนมาก่อนหน้านั้นแล้ว ครูได้อธิบายอย่างละเอียดไปแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากเรียนภาคทฤษฎีแล้ว เราจะใช้เวลาส่วนใหญ่ฝึกอบรมกันในที่ภาคสนามนี้ ถ้าพวกเธอใฝ่ฝันจะได้เข้าเรียนสถาบันที่ดีกว่าก็ขอให้พากเพียรขยันขันแข็งในการฝึกแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จำไว้เสมอว่า ไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จ การฝึกฝนถึงจะน่าเบื่อแสนเบื่อเพียงใดก็ยังจะสำเร็จได้ แต่ก็ไม่ต้องเชื่อถือในโชคลาภ”
อาจารย์เฉินพูดย้ำจริงจัง ขณะที่เสียงของเขาสะท้อนก้องไปทั้งลานฝึก
ความกระตือรือร้นและความคาดหวังเต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาของนักเรียนรุ่นเยาว์
“วันนี้ หลักสูตรของพวกเราก็คือการฝึกวิชากระบี่ขั้นพื้นฐานวิชาต่อสู้จะเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ถ้าผู้เล่าเรียนเอาแต่ศึกษาภาคทฤษฎีละเลยการฝึกฝนภาคปฏิบัติจริงจัง อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะได้เริ่มฝึกฝนด้วยตนเอง จะให้ถังเทียนนักเรียนรุ่นพี่ของพวกเธอแสดงให้ดูสักครั้งก่อน รุ่นพี่ถังเทียนคือศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของสถาบันแอนดรูว์มีทักษะเชี่ยวชาญวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐาน แม้แต่ครูเองก็ยังเทียบไม่ได้พวกเธอคอยชมเพลงกระบี่พื้นฐานที่สมบูรณ์แบบให้ดีเถอะ”
นักเรียนทุกคนหันไปจ้องดูถังเทียน เจ้าคนเกียจคร้านในสายตาของทุกคนได้รับยกสถานะทันที
ถังเทียนทำตัวเท่ห์และห่างเหินทันที
“ถังเทียน, เริ่มได้” อาจารย์เฉินสั่ง
“เฮ้อ..” ถังเทียนสนองตอบโดยถอนหายใจและเดินตรงไปที่กล่องเก็บกระบี่ที่มุมหนึ่งและหยิบกระบี่ไม้ ทันทีที่เขาถือกระบี่ไม้ ตาของถังเทียนมีประกายคมกล้าทันทีและกลายเป็นคนเอาจริงเอาจัง ค้านกับท่าทีเกียจคร้านก่อนหน้านั้น
เขาชักขาซ้ายถอยออกมาครึ่งก้าวย่อเอวเล็กน้อยเก็บข้อศอกขวา ถังเทียนยกปลายกระบี่ระดับสายตา
เขาบิดเอวเล็กน้อย ข้อศอกผ่อนคลาย เอวไม่ได้เคลื่อนจากตำแหน่งแม้แต่นิ้วเดียว
วืด
มีเสียงแหลมแหวกผ่านอากาศ
วิชากระบี่โจมตีพื้นฐานของสถาบันแอนดรูว์
เด็กนักเรียนส่งเสียเชียร์กันสนุกสนานมีอยู่หลายคนไม่สนใจวิชากระบี่ขั้นพื้นฐาน ชื่อก็บอกเป็นนัยแล้วว่าวิธีใช้กระบี่ขั้นพื้นฐานมุ่งสร้างพื้นฐานให้นักเรียนและเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สุดของวิชากระบี่ จึงเป็นเรื่องปกติที่นักเรียนบางส่วนจะไม่ให้ความสนใจ แต่เมื่อพวกเขาเห็นถังเทียนใช้กระบี่พื้นฐานแต่ละจังหวะได้อย่างเรียบง่ายแต่ก็แฝงไว้ด้วยความสง่างามมีพลัง
ในชั่ววินาทีเขาก็เอาชนะใจพวกนักเรียนรุ่นเยาว์ได้
ถังเทียนเพ่งอยู่ที่จุดสูงสุด สืบเท้าข้างหนึ่งอย่างรวดเร็วไหล่ของเขายังนิ่งไม่ไหวติง แขนของเขาเป็นเหมือนเชือก เมื่อจู่ๆ แขนก็สั่นขึ้นมากระบี่ไม้ฟาดลงพื้นอย่างรุนแรง
วืด!
เสียงเบาทึบแทบไม่ได้ยินทำให้คนที่ดูถึงกับเกร็ง
กระบวนท่าพื้นฐานของวิชากระบี่โดยทั่วไปจะมีช่วงที่สั้นกว่าวิชาดาบ แต่พลังที่ระเบิดออกแข็งแกร่งกว่า ขณะที่ถังเทียนแสดงจุดโจมตีหลักอย่างฉลาดและชัดเจนพวกนักเรียนก็ได้เห็นกระบี่ไม้ตัดผ่านอากาศได้อย่างชัดเจน
เป็นอีกครั้งที่นักเรียนต้องปากอ้าตาค้างด้วยความทึ่งอาจารย์เฉินก็เคยเป็นมาแล้ว เขาเห็นถังเทียนยืนฝึกภาคปฏิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเป็นพยานในการฝึกของถังเทียนได้ทุกครั้งทำให้เขามักถอนหายใจอยู่เสมอ
ยก, ป้อง, ฟัน
ความเคลื่อนไหวของถังเทียนราวกับเมฆพลิ้วและสายน้ำไหล ด้วยใจที่สงบเขาไม่มีความลังเลใจระหว่างใช้กระบี่เลย เมื่อเขาจบท่วงท่าสุดท้าย นักเรียนทั้งห้องพากันเงียบกริบ
ถังเทียนกลับคืนสู่สีหน้าเกียจคร้านเช่นเคย และโยนกระบี่ไม้ออกไป เหมือนกับว่ากระบี่มีนัยน์ตามันตกลงในกล่องเก็บกระบี่ที่มุมพอดี
พวกนักเรียนพากันร่าเริง
“โห! ยอดเยี่ยมจริง! วิชากระบี่ขั้นพื้นฐานทรงพลังขนาดนี้จริงๆ”
“เยี่ยมมาก, งามมาก!”
“เยี่ยมมากเลย ศิษย์พี่ถังเทียน, ศิษย์พี่, ศิษย์พี่มาทางนี้!” สายตาของนักเรียนหญิงในกลุ่มเป็นประกาย ถังเทียนมีบุคลิกที่มั่นคงด้วยวิชากระบี่พื้นฐานนี้ทำให้เขาดูสมบูรณ์แบบโดยไม่เก้อเขินใดๆ ปล่อยให้ทุกคนคิดว่าเขาปรับตัวได้ดี
ถังเทียนยังคงไม่แยแส
“เชอะ, ทำหยิ่งกะอีแค่ร่ายรำพื้นฐานได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็สอบตกมา 5 ปีซ้อน ศิษย์พี่ถังเทียนผู้ใจเย็นเรียนรู้วิชากระบี่พื้นฐานนี้เมื่อตอนพี่ชายฉันเพิ่งเข้าเรียนในสถาบันอันเต๋อ พี่ของฉันกำลังจะจบการศึกษาอยู่แล้ว”
เด็กนักเรียนผู้นี้ปนอยู่ในกลุ่มนักเรียน
ตามมาด้วยความเงียบและสายตาซึ่งเดิมทีเต็มไปด้วยความชื่นชมเปลี่ยนเป็นจ้องมองทันที
มีข่าวลือเกี่ยวกับนักเรียนผู้ต้องเรียนซ้ำชั้นในสถาบันแอนดรูว์และทุกคนที่ทราบเรื่องนี้จะพากันหัวเราะไม่ยั้ง หลายคนมาด้วยความตั้งใจจะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่านักเรียนที่ซ้ำชั้นครั้งแล้วครั้งเล่าจะยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาพี่ถังเทียนผู้ยืนยงนี่เอง
เขารู้แล้วว่าจะกลายเป็นเช่นนี้...
ถังเทียนเบ้ปาก เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นทุกปี เขาเจอจนชินเสียแล้ว เขายังคงเดินผ่านสายตาที่ไม่เป็นมิตรด้วยอารมณ์ที่เฉยเมย
บางทีพี่ของแกคงไม่ได้บอก ว่าฉันเอาชนะเขามาก่อนนั้นแล้ว
ถังเทียนตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยวค่อยสะสางกับเจ้านั่นหลังเลิกเรียน แต่บางทีเขาไม่ต้องรอนาน
ถังเทียนหยีตา และพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี “ใครอนุญาตให้นายก่อกวนในเวลาเรียน? อ้อ..จริงสิ ฉันลืมบอกพวกเธอทุกคนไปฉันเป็นผู้ช่วยสอนของอาจารย์เฉิน และฉันยังต้องปรับปรุงทัศนคติของเธอ ใครทำได้ไม่ดี ฉันจะเรียกมาสู้ด้วย แก... แกนั่นแหละอยากจะออกมาซ้อมมือกันหน่อยไหมเล่า?”
ถังเทียนชี้เด็กคนที่ใช้คำพูดเหน็บแนมเขาจากนั้นรวบกำปั้นดัดนิ้วจนมีเสียงกระดูกลั่น
เด็กนักเรียนชายหน้าซีดทันทีและทันใดนั้นเขานึกถึงชื่อเสียงร้ายกาจของถังเทียนได้ทันที เขาจึงได้แต่เงียบและวิ่งไปฝึกอยู่ด้านข้าง
นักเรียนอื่นสังเกตเห็น จึงรีบเริ่มฝึกด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ
ถึงตอนนี้ อาจารย์เฉินเอ่ยขึ้น “ถ้าพวกเธอมีคำถามก็ถามศิษย์พี่ถังเทียนของพวกเธอได้ตามสบาย จงฝึกให้มากไว้ อย่าเกียจครั้น ถังเทียน, เธอคอยเฝ้าดูการฝึกฝนด้วย”
“ขอรับ!” ถังเทียนตะโกนตอบ
อาจารย์เฉินพยักหน้าด้วยความพอใจและหมุนตัวเดินจากไป
ไม่มีผู้ใดกล้าหือจนกระทั่งหมดเวลาฝึก ถังเทียนผิดหวังเล็กน้อยขณะที่เขาพึมพำและเดินจากไป
ทันทีที่หมดเวลาเรียน ทุกคนก็มารุมล้อมเด็กคนนั้น
“เร็ว, เล่าให้พวกเราฟังต่อซิ เรื่องที่นายเล่าค้างไว้ก่อนนั้น”
“ได้, ได้เลย..”
นักเรียนคนนั้นพูดต่ออย่างถือดี “รุ่นพี่ถังเทียนนี้ถือว่าเป็นตำนานของสถาบันแอนดรูว์ และสถาบันแอนดรูว์ก็มักผลิตนักเรียนจบการศึกษาออกมาตลอดแล้วผู้ที่ซ้ำชั้นล่ะ? รุ่นพี่ถังเทียนของพวกเรายังคงอยู่ แล้วตอนนี้เขาอยู่มา เอ่อ.. ขอนับดูก่อนนะห้าปีแล้ว คิดดูสิอยู่ในสถาบันแอนดรูว์มาห้าปี แล้วจะให้คิดยังไง? เขาเป็นคนแรกที่ทำได้อย่างนั้น”
“ทำไมเขาถึงอยู่มานานนักเล่า?” ใครคนหนึ่งอดที่จะถามขึ้นไม่ได้ “แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าสถาบันที่มีชื่อเสียงได้ แต่ถ้าเป็นโรงเรียนโดยทั่วไปแล้วเป็นเรื่องง่ายนี่”
เรื่องซุบซิบทำให้พวกนักเรียนกระตือรือร้นมากขึ้น “พวกเธอรู้ไหมว่าทำไม? เอ่อ, รุ่นพี่ถังเทียนของเราถึงไม่ได้เรียนวิทยายุทธระดับสูงในช่วงห้าปีมานี้ เขาได้แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ในช่วงห้าปีมานี้แค่วิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานจะทำอะไรได้? ถ้าพวกนายต้องการจะเป็นพ่อครัวนายต้องรู้เรื่องมีดให้มากกว่าสักอย่างหรือสองอย่าง ถ้านายต้องการจะขึ้นเหลาร้านอาหารระดับสูง นายต้องมีความอ่อนน้อมและมีทักษะใช้มือในระดับสูง ส่วนการจะเป็นนักผสมเหล้าในร้านอาหารกลางคืนไม่เพียงแต่ต้องมีทักษะระดับสูงเท่านั้นนายยังต้องมีผู้เชื่อมโยงติดต่อด้วย ปราศจากสิ่งเหล่านี้ก็คงไม่มีใครเหลียวมองนายเป็นครั้งที่สองหรอก บอกฉันซิว่า แค่มีวิชาฝีมือระดับพื้นฐานจะทำอะไรได้? แม้แต่โรงเรียนระดับแย่ที่สุดก็ยังต้องการผู้มีฝีมือต่อสู้อย่างน้อยก็ต้องระดับขั้นที่สอง”
เสียงซุบซิบลุกลามเหมือนเชื้อไฟในหมู่นักเรียนหนึ่งในพวกเขาทำท่าเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญพูด “วิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานก็เป็นรากฐานของพวกชาวไร่ชาวนานั่นเองนายก็แค่เรียนเอาพอให้รู้เท่านั้น ก่อนที่นายจะเริ่มฝึกฝนวิชาต่อสู้ในระดับสองจะดีกว่า นั่นคือวิธีทำที่ถูกต้อง บรรดาโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นสร้างเด็กอัจฉริยะที่สามารถฝึกฝนวิทยายุทธในระดับสูงตอนที่อายุยังน้อย หากนายอายุสิบสี่และได้เรียนวิทยายุทธระดับ 2 มา อย่างนั้นนายก็สามารถเข้าเรียนได้ในสถาบันทั่วไป อายุสิบสี่ปีและสำเร็จวิทยายุทธระดับสามนายก็ได้เข้าเรียนในสถาบันที่ดีกว่า และถ้าอายุสิบสี่ปี นายเชี่ยวชาญวิทยายุทธระดับสามได้ทั้งหมด นายก็จะได้เข้าเรียนในสถาบันอันทรงเกียรติ”
“ฉันก็ได้ยินเช่นนั้นมาก่อนเหมือนกัน” ใครบางคนพูด
“แต่ปีนี้ฉันอายุสิบสาม ฉันต้องการเข้าเรียนในสถาบันที่ทรงเกียรติ” ใครบางคนพูดอย่างท้อแท้
“ฝันไปเถอะ, ความจริงนายน่าจะพอใจที่ได้เข้าสถาบันที่ดีได้นะ”
พอเห็นคนอื่นๆ เห็นด้วยกับเขา เด็กผู้ชายที่เริ่มเรื่องนินทาก็หยิ่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิม “เฮ้อ, แต่วิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานก็พอใช้งานได้นะ ถ้านายไม่เรียนฝึกฝนให้ดี นายจะไม่มีทางฝึกวิทยายุทธระดับสองได้”
พอเห็นเขาหยิ่งยโสมากยิ่งขึ้น มีนักเรียนคนหนึ่งยืนขึ้นและหัวเราะอย่างเยือกเย็น “นี่, แต่ฉันได้ยินมาว่ารุ่นพี่ของเราไม่ค่อยชอบเด็กผู้ชายนะ เขาไว้วางใจแต่เด็กผู้หญิงพอรู้ว่านายไม่แสดงความนับถือเขาในวันนี้ นายเตรียมตัวไว้ดีกว่า เกรงว่าเขาจะหาเรื่องกับนาย”
หน้าของนักเรียนที่แอบนินทากลายเป็นหมองคล้ำ ขณะที่เขาจำได้ถึงตอนที่ถังเทียนจ้องมองเขา ถึงกับทำให้ใจสั่นสะท้าน
นักเรียนคนอื่นก็ยิ่งสงสัย ถามอีกว่า“เขารู้แค่เพียงวิทยายุทธขั้นพื้นฐานเท่านั้นไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาถึงได้ภูมิใจนักเล่า?”
เด็กนักเรียนอีกคนหัวเราะและพูดอย่างเยือกเย็น “พวกเธอทุกคนก็เพิ่งจะเห็นแล้วนี่กระบี่ของเขาสามารถต่อสู้กับคนสามคนได้อย่างไม่มีปัญหา เขาเคยสู้และแสดงท่าทีโกรธไปด้วยกับใครก็ตามที่ยั่วโมโหเขา แล้วก็โดนกำราบยับเยิน นอกจากอาจารย์เฉินแล้ว เขาไม่เคยเห็นแก่หน้าอาจารย์คนอื่น ต่อให้คนที่แข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียนเราก็ยังไม่อาจรับมือเขาได้เลย”
“นายพูดจริงหรือ? เขาร้ายกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?” นักเรียนไม่กี่คนไม่ยอมเชื่อเขาเลยแม้แต่น้อย
“เขามีรูปร่างที่ดีและเป็นคนเหี้ยมหาญ ขณะที่เรื่องเลือดตกยางออกเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเขาไปแล้วฉันเคยเห็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา แต่ความเหี้ยมหาญของเขากลับมีระดับที่แตกต่างกัน ตอนนี้เขาเอาชนะได้ทุกๆการต่อสู้ที่เขาร่วมด้วย แม้แต่การต่อสู้ที่หนักหนาที่สุด ก็ยังจบลงด้วยการบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายและเขาก็ยังไม่แพ้ด้วย การต่อสู้เช่นนั้นเป็นที่นิยมของพวกรุ่นพี่” หนึ่งในนักเรียนเตือนว่า “ดีที่สุด คือนายอย่าไปยั่วโมโหเขา”
นักเรียนทุกคนถึงกับหดคอ หลายคนทอดสายตาแสดงความรู้สึกสมเพชนักเรียนที่นินทาที่ตอนนี้หน้าซีดขาว
ใบหน้าของเด็กนักเรียนหญิงที่เดิมทีเป็นประกายระยิบระยับ, สายตาที่เปี่ยมแววนิยมชมชอบหายไปจากดวงตาเจ้าหล่อนทันที บางคนถึงกับปรากฏแววเหยียดหยามเล็กน้อยบ้างก็แสดงความเห็นอกเห็นใจ บ้างก็แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายขณะกระซิบคุยกัน
“งั้นเขาก็นับว่าเป็นตัวโง่เง่าจริงๆ เขาเกือบจะหลอกเราได้แล้ว ร่างกายอย่างนั้นต้องมีความอดทนแน่นอน”
“เขาเป็นพวกนักเลง, ขี้หงุดหงิด คนอย่างนั้นก้าวร้าวและหยาบคาย”
“หา.. นี่ก็พูดรุนแรงเกินไป ฝันของนายสลายไปอย่างรวดเร็วเสียแล้วทั้งที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้นเอง
“หึหึ สาวเล็กสาวน้อยรู้สึกจะหลงใหลเขาแล้วนะ...”
นักเรียนใหม่ที่กำลังถูกพูดถึงไม่สามารถทนต่อไปได้และพูดว่า “จำไว้เลย, ไม่ต้องฝันเลย เขาอาจต้องฝึกซ้ำชั้นอีกก็ได้ และเขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับพวกเธอเลยแม้แต่น้อย”
“แล้วไงล่ะ! ฮึ ถ้าเขาไม่มีรูปร่างที่ดีอย่างนั้น ฉันคงไม่เหลียวมองเขาเป็นครั้งที่สองหรอก” เด็กนักเรียนหญิงปากจัดมองเหยียดหยามเขา
นักเรียนใหม่มองดูเด็กสาวด้วยความชิงชังยิ่งขึ้น “อย่างเธอน่ะไม่อาจเทียบได้แม้ปลายเส้นผมคุณหนูเชียนฮุ่ยได้เลย ในสายตาของเขามีแต่คุณหนูเชียนฮุ่ยเท่านั้น แล้วเขาจะสนใจเธอได้อย่างไร?”
คุณหนูเชียนฮุ่ย
นักเรียนหญิงบางส่วนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ปากอ้าตาค้าง ซ่างกวนเชียนฮุ่ยเป็นเหมือนตำนานของเมืองซิงฟงเป็นแบบอย่างของนักเรียนหญิงทุกคน เป็นคนรักในอุดมคติของนักเรียนชายทุกคน ความงามของเธอไม่มีหญิงใดเทียบได้ ขณะที่เธอเป็นคนน่าคบหา นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จทำคะแนนสูงสุดในการทดสอบในสถาบันแอนดรูว์ ได้รับความยอมรับในสถาบันเธอครองตำแหน่งอันดับหนึ่งตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในสถาบันแอน จนสถาบันแอนดรูว์ได้รับการจัดอันดับที่สูง แต่ปีที่แล้วเมื่อเธอออกจากสถาบันแอนดรูว์ไป สถาบันก็มีอันดับตกฮวบทันที
นักเรียนหญิงคนนั้นหยุดพูด ถ้าเธอกล้าพูดไม่ดีถึงคุณหนูเชียนฮุ่ย จะมีผู้ชมอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเข้ามาทำร้ายนาง
“คุณเชียนฮุ่ยชอบคนที่ไม่มีศักยภาพอย่างนี้ได้อย่างไร?” นักเรียนบางคนไม่อาจทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้
เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งมีสีหน้าซับซ้อน ขณะที่เขาส่ายศีรษะและถอนหายใจ“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน! ฉันขอบอกนายเลยนะ เพราะการคุกคามของคุณเชียนฮุ่ยจะไม่มียอดฝีมือแม้แต่คนเดียวกล้าตามพัวพันเขา”
แม้ว่าจะผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่เชียนฮุ่ยไปจากสถาบันนี้ แต่ตำนานของเธอยังคงเหลืออยู่ ไม่เคยจางหายไปจากเมืองชิงฟงเลย
ในห้องทำงาน อาจารย์เฉินยืนอยู่ริมหน้าต่างมองดูภาพทั้งหมดชัดเจน เขาไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกที่จะตรวจพบในดวงตาสีฟ้าของเขาได้ ได้แต่ทอดถอนหายใจเบาๆ
ในโลกนี้ ใช่ว่าจะโชคดีเหมือนกันทุกคน
เขาชื่นชอบถังเทียน และนี่ทำให้เขาห่วงกังวลเกี่ยวกับเขา ถังเทียนอายุสิบเจ็ดปีแล้วก็ยังอยู่รวมกลุ่มกับเด็กวัย 13 - 14 นี่เป็นเหมือนการนับเวลาถอยหลังของเขา
ในวัยของถังเทียนน่าจะจบการศึกษาไปแล้ว ปีถัดไปเขาจะแก่เกินกว่าที่จะอยู่ในโรงเรียน นั่นหมายความว่าถังเทียนจะต้องถูกบังคับให้ใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ สิ่งที่น่ากังวลก็คือ ด้วยศักยภาพของถังเทียนเป็นไปไม่ได้ที่จะหางานเลี้ยงตัวเอง
ไม่มีใครยอมรับคนผู้รู้วิชากระบี่แค่พื้นฐานเข้าทำงาน
ถ้าเขารู้วิทยายุทธระดับ 2 อย่างน้อยเขาก็สามารถรับงานรายได้ขั้นต่ำซึ่งก็ยังนับว่าไม่เลว แม้ว่าวันข้างหน้าจะยากลำบาก แต่อย่างน้อยก็เลี้ยงชีวิตเขาได้
ถ้าเพียงแต่เขามีความสามารถได้อย่างเชียนฮุ่ยสักหนึ่งในสิบ นั่นก็ควรเป็นเรื่องดี