Ep.434 - หนึ่งกระบี่ล่าแสง
1/2
Ep.434 - หนึ่งกระบี่ล่าแสง
สังเวียนเมืองธารทะเลทรายมีขนาดใหญ่มาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงหนึ่งพันเมตร
หลังจากที่ทั้งห้าเข้ามา ก็กระจายตัวไปคนละทางทันที
การต่อสู้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!
จ้าวหมิงพุ่งไปข้างหน้าพร้อมโล่ยักษ์ของเขา หลังจากที่เขาสวมชุดเซ็ทโบราณ เฉพาะค่าคุณสมบัติป้องกัน เขาได้เหนือกว่าฮังอวี่ไปแล้ว สามารถรับมือการโจมตีของฮังอวี่ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะได้รับดาเมจรุนแรง
ฉูเทียนหัวตามมาติดๆพร้อมอาวุธคู่กาย ด้วยสกิลพรสวรรค์ของเขา แม้ด้านความไวจะไม่เท่าฮังอวี่ก็ตาม แต่มันก็ช่วยเสริมพละกำลังให้มากกว่าปกติ
คนที่สามคือเจียงหนาน เธอไม่ได้เปลี่ยนไปใส่ชุดเซ็ทโบราณ แต่สวมอุปกรณ์สีฟ้าสองสามชิ้น มือหนึ่งถือกระบอง มือหนึ่งถือโล่ศึก พลังป้องกันและค่าพลังชีวิตไม่ต่ำต้อย
หากฮังอวี่ต้องการฆ่าเธอในวินาทีเดียว ไม่ใช่เรื่องง่าย
เจียงหนานทยอยบัฟสถานะอย่างรวดเร็ว เพิ่มค่าพลังชีวิตและความว่องไวแก่ทุกคน
จางเสี่ยวเฉียงกับฉินมู่เริ่มร่ายคาถา
ฉินมู่ปลดปล่อยสกิลหมอกขั้น 3 หมอกหนากระจายไปทั่วบริเวณในชั่วพริบตาเดียว มากพอที่จะปกป้องเขาและคนอื่นๆในทีม
ในทางกลับกัน จางเสี่ยวเฉียงร่ายคาถาที่ยาวและซับซ้อน สำหรับนักเวทย์ คาถายิ่งร่ายนาน ก็ยิ่งทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นได้จากความผันผวนของพลังงานทางจิตที่ปั่นป่วนออกมาจากร่างเขาอย่างต่อเนื่อง
เสี่ยวเฉียงรู้ดี แม้เขาจะได้ชื่อว่าเป็นจอมเวทย์ที่ทรงพลัง ยามรับมือกับมอนสเตอร์หรือศัตรูสามารถใช้เวทย์ไฟทำดาเมจได้ไม่ด้อยไปกว่าฉูเทียนหัว แต่เขาก็ไม่ลืมเช่นกัน ว่าลูกพี่ของเขามีไอเท็มสีม่วง ‘หัวใจแห่งไฟ’ อยู่ในมือ!
ซึ่งจางเสี่ยวเฉียงเป็นนักเวทย์ที่ใช้ธาตุไฟเป็นหลัก ดังนั้นหากคิดทำดาเมจ เขาได้แต่เปิดใช้งานคาถาขั้น 4 ที่เพิ่งเรียนรู้มาเท่านั้น
และสกิลขั้น 4 ของนักเวทย์ ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง!
สกิลนี้ไม่ใช่แค่สร้างดาเมจจากธาตุไฟอย่างเดียว หากฮังอวี่โดนมันโจมตี อย่างน้อยก็น่าจะลอกหนังเขาออกได้ชั้นหนึ่ง!
ทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น
ทุกคนแสดงฝีมือและให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
แสงวิบวับของสกิลต่างๆทอประกายต่อเนื่อง อีกทั้งความเร็วในการเคลื่อนที่ ณ ตอนนี้ ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงพลังรบอันแก่กล้าของเหล่าระดับสูงแห่งมังกรคราม!
“ทุกคนเติบโตขึ้นจริงๆ”
ฮังอวี่ทำแค่เพียงเปิดใช้สกิลจู่โจมมุมอับและสกิลเสริมระบำเงาที่อยู่ในเสื้อคลุม พยายามฝ่าการปิดล้อมของฉูและจ้าว แต่ก็ถูกบังคับให้เผยตัวออกมาอีกครั้งโดยแรงระเบิดจากปราณกระบี่หลายสายของฉูเทียนหัว
ก่อนลงสนาม ฉูเทียนหัวได้ดื่มโพชั่นประเภทตรวจจับ บวกกับเอฟเฟกต์ของบัฟที่ได้จากเจียงหนาน ส่งผลให้สกิลเลเวล 1 ที่ติดมากับอุปกรณ์กลายเป็นไร้ประโยชน์
จ้าวหมิงฉวยจังหวะนี้เข้าประชิดฮังอวี่อย่างรวดเร็วพร้อมปลดปล่อยสกิลขั้น 3 ‘ดูดซับเจตนาฆ่า’
ทันทีที่ฮังอวี่ปรากฏตัวขึ้น เขาตกอยู่ในอาการมึนงง เมินสมาชิกทั้งสี่ ตรงเข้าหาจ้าวหมิงอย่างไม่อาจควบคุมตัวเอง ได้รับผลจากเอฟเฟกต์สกิล
ฮังอวี่ถูกบังคับให้โจมตีจ้าวหมิง อย่างไรก็ตาม ค่าเจตจำนงในตอนนี้ของฮังอวี่นั้นสูงมาก แม้จะกำจัดสภาวะถูกควบคุมจิตใจออกไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ยังสามารถคงสติ รีบเปิดใช้งานปลุกเลือดปีศาจทันที
เขาย่ำเท้าลงกับพื้น กระโดดขึ้นไปในอากาศ คิดใช้ประโยชน์จากการบินเพื่อสลัดจากการถูกคุกคาม
ฉูเทียนหัวเหวี่ยงขวานรบด้ามยาว
ทุกครั้งที่คมขวานแหวกอากาศ พลังงานปราณอันแหลมคมจะถูกปลดปล่อยออกมา สกิลปราณกระบี่ไม่มีคูลดาวน์ ฟาดฟันใส่ฮังอวี่กลางอากาศอย่างต่อเนื่อง อาศัยการโจมตีอันทรงพลังหยุดฮังอวี่ไว้ชั่วคราว
“เหล่าจ้าว ล็อคตัวเขาไว้!”
จ้าวหมิงเปิดใช้งานสกิลขั้น 3 ที่เรียกวา ‘ตรวนปราณสงคราม’
โซ่ตรวนปรากฏขึ้นรอบตัวฮังอวี่ในฉับพลัน ก่อนขดเข้าหากัน แล้วลากตัวเขาไปเบื้องหน้าจ้าวหมิง
บลิงค์!
ฮังอวี่หายวับไป และโผล่มาอีกครั้งในตำแหน่งที่ห่างออกไปกว่าสิบเมตร
“ให้ตายเถอะ! ปฏิกิริยาเขาจะเร็วเกินไปแล้ว จับไม่ได้เลย!”
ฮังอวี่หลบตรวนปราณสงครามที่ยังคงแกว่งไปมา ในขณะเดียวกันพยายามต้านปราณสงครามที่ถาโถม สายตาสาดส่องไปในหมอกหนา มองหาร่างของฉินมู่และจางเสี่ยวเฉียง
แท้จริงแล้วในบรรดาทั้งห้าคน ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือฉินมู่ มนตร์วาจาต้องห้ามนั้นยุ่งยากมาก หากโดนแล้ว ยากที่จะทำลาย
และที่เลวร้ายที่สุดก็คือ เวลาคูลดาวน์ของมนตร์วาจาต้องห้ามมีน้อยมาก ถ้าต้องโดนมันเล่นงานในทุกนาที เมื่อใช้ร่วมกับเทคนิคสายควบคุมขั้น 2 และ 3 แล้ว ศึกนี้เกรงว่าฮังอวี่คงไม่ได้ลงมือสู้อีกต่อไป
เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ทางที่ดีควรจัดการผู้ใช้วิญญาณรายนี้เป็นคนแรก
ฉินมู่ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าเขาเป็นเป้าหมายแรก ดังนั้นทันทีที่ก้าวขึ้นเวที เขารักษาระยะห่างจากฮังอวี่พอสมควร
สกิลบลิงค์สามารถเทเลพอร์ตได้ในพริบตา แต่รัศมีสั้นมาก เป็นไปไม่ได้ที่ฮังอวี่จะจ่ายพลังจิตจำนวนมหาศาล เพื่อเทเลพอร์ตนับร้อยเมตรในคราเดียว
หากพูดโดยละเอียดใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ต้องบอกว่าถ้าทำ ค่าพลังจิตจะหมดเอาก่อนจบการต่อสู้ แล้วหลังจากนั้นอย่าคิดหวังว่าจะชนะศึกนี้อีก
“พี่มหาเทพสนใจฉันบ้างสิ!”
ฮังอวี่ยังไม่ทันได้พบร่างใดท่ามกลางหมอกหนา จู่ๆก็มีสายฟ้าสีทองฟาดลงมา กระแทกเข้าเต็มอกเขา บังคับถอยหลังไปครึ่งเมตร
เจียงหนานชูกระบองนักบวชขึ้น ใช้สกิลสายโจมตีขัดจังหวะฮังอวี่ ทำให้ไม่สามารถล็อคตำแหน่งฉินมู่ได้ชั่วคราว
ฮังอวี่เบนความสนใจมาทางเธอ พลังงานในร่างเขาพรั่งพรูอย่างรวดเร็ว มันไหลเวียนออกมาอย่างไม่อาจควบคุม แผ่แร่งกดดันอันน่าเหลือเชื่อ แม้อยู่ห่างกันนับสิบเมตร แต่ก็ยังทำให้เจียงหนานขนลุก
จ้าวหมิงแตกตื่น “รีบหลบเร็ว!”
นั่นคือสกิลขั้น 4 กลบฝังปีศาจคลั่ง!
ลักษณะอันโดดเด่นของสกิลนี้คือการรวบรวมพลังงานมหาศาลแล้วโจมตีไปยังเป้าหมายอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดแรงระเบิดเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบธาตุไฟ กระจายความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่เป้าหมายในรัศมี 10 เมตร
ถ้าที่ฮังอวี่เปิดใช้งานคือสังหารลมกรด แม้จะทำดาเมจอันน่าทึ่ง แต่สุดท้ายต้องโจมตีถึงหกครั้ง ด้วยสกิลรักษาของเจียงหนาน บวกกับบัฟป้องกันต่างๆ ก็ยังพอสามารถรับมือได้โดยไม่ถูกฆ่าตายในทันที
ขณะที่กลบฝังปีศาจคลั่งนั้นไม่เหมือนกัน การโจมตีและดาเมจของสกิลนี้จะระเบิดในคราเดียว อีกทั้งยังก่อให้เกิดเอฟเฟกต์มึนงงอย่างรุนแรง ต่อให้นักบวชมีค่าเจตจำนงมากขนาดไหน ก็ไม่สามารถต้านทานมันได้ หากโดนจังๆอาจตายในทีเดียว
เจียงหนานมองไปยังฮังอวี่ซึ่งยิ่งมายิ่งแผ่แรงกดดันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เธอคิดกับตัวเองว่า : ถ้าถูกมหาเทพที่เลื่อมใสฆ่าตาย ยังไงก็ถือเป็นโชคดีและเกียรติยศ เอาไปโม้ให้ใครฟังต่อก็ได้
ณ เวลานี้ แรงกดดันของฮังอวี่ได้สะสมถึงขีดสุดแล้ว แต่ในตอนนั้นเอง ภายในขอบเขตของสกิล ‘รับรู้พื้นที่’ ร่างๆหนึ่งค่อยๆโผล่ออกมาจากละอองหมอก
ชายผู้นี้บางเบาจนแทบไม่อาจสังเกตเห็น ในมือถือคทาไม้ ชี้ไปยังฮังอวี่ซึ่งอยู่กลางอากาศ
เป็นฉินมู่!
อีกฝ่ายกำลังรอโอกาสนี้อยู่นานแล้ว!
อย่างแรกเขาเปิดใช้งานสกิลหมอก แล้วซ่อนตัวด้วยเทคนิคล่องหน
รอจังหวะที่ฮังอวี่คิดเปิดใช้งานสกิลครั้งใหญ่ ขยับใกล้เข้ามาและโจมตีทันที ขัดขวางเขาด้วยมนตร์วาจาต้องห้าม
นี่ไม่เพียงทำลายจังหวะการโจมตีของฮังอวี่เท่านั้น แต่ยังเป็นการบังคับให้สกิลใหญ่ของเขาเข้าสู่ระยะเวลาคูลดาวน์
การคำนวณของฉินมู่นั้นดีมาก ตอนนี้ระยะห่างระหว่างทั้งสองห่างกันกว่า 150 เมตร
นี่คือขอบเขตสูงสุดของมนตร์วาจาต้องห้าม และขณะเดียวกันมันไกลเกินขีดจำกัดระยะโจมตีของฮังอวี่
ดังนั้นแม้ฮังอวี่จะสังเกตเห็นถึงตัวฉินมู่ แต่ก็ไม่มีทางหยุดหรือโจมตีเขาได้ เพราะมนตร์วาจาต้องห้ามสามารถใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องร่าย!
ยังไงก็ตาม ขณะที่คทาไม้กำลังชี้มาทางฮังอวี่ ขณะที่เอฟเฟกต์ของสกิลกำลังจะเปิดใช้งาน ตรงมุมปากของฮังอวี่เผยให้เห็นรอยยิ้มชั่วร้าย
เสี่ยวฉินเอ๋ย
นายยังอ่อนหัดเกินไป!
ผู้ชมนอกสังเวียนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ช่วงเวลาที่แรงกดดันของฮังอวี่รวบรวมถึงจุดสูงสุด เขาไม่ได้ตรงเข้าหาเจียงหนานซึ่งอยู่ในระยะไม่กี่สิบเมตร แต่กลับกลายเป็นเส้นแสง พุ่งไปในทิศทางอื่นแทน
ถูกต้อง!
เขากลายเป็นเส้นแสง!
เร็วจนมองเห็นเป็นแค่เส้นแสง!
ข้ามผ่านระยะห่างกว่าร้อยห้าสิบเมตร และกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียง 0.001 วินาทีเท่านั้น!
เร็วกว่าความเร็วเสียงอย่างน้อยหลายสิบเท่า
ไม่ทันตอบสนองอย่างสิ้นเชิง!
และนี่ไม่เหมือนกับการเทเลพอร์ต เพราะสกิลบลิงค์สามารถเคลื่อนที่ได้ในพริบตาก็จริง แต่อย่างน้อยเมื่อปรากฏตัวมันจะมีหยุดชะงักครู่หนึ่ง ขณะที่สกิลนี้สามารถทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อได้ในทันที เป็นผลให้เกิดการโจมตีในเสี้ยวพริบตาอันน่าเหลือเชื่อ!
ใช่!
นี่คือสกิลขั้น 4 ของเซียนกระบี่ล่าแสง --หนึ่งกระบี่ล่าแสง!
อาวุธในมือฮังอวี่แทงทะลุร่างฉินมู่ ความว่องไวของหนึ่งกระบี่ล่าแสง บวกกับพลังทำลายล้างทับซ้อนที่เกิดจากกลบฝังปีศาจคลั่ง ก่อให้เกิดหลุมใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 20 ถึง 30 เมตร ยุบตัวลงใต้พื้นดินในพริบตา พลังงานเปลวไฟ ลาวา และปราณกระบี่กระจายไปทั่ว
-1032!
ดาเมจที่ทำได้ชวนให้ขนหัวลุก!
แม้ฉินมู่จะมีถึงสามชีวิต แต่เขาก็ยังถูกฆ่าตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
รวดเร็วราวกับแสง รุนแรงราวกับดาวตก!
สองสกิลขั้น 4 ถูกเปิดใช้งานในเวลาเดียวกัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใช้วิญญาณที่เปราะบางอย่างฉินมู่จะทานทนได้
ต่อให้เจียงหนานบัฟพลังชีวิตและพลังป้องกันแก่เขา ... มันก็ไร้ประโยชน์!