ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 28 ข้าสงสัยว่าศิษย์คนนี้กำลังยั่วยวนข้า
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 28 ข้าสงสัยว่าศิษย์คนนี้กำลังยั่วยวนข้า
หลังจากผ่านไปไม่รู้เวลา ในที่สุดจ้าวว่านเอ๋อก็ตื่นขึ้น ในเวลานี้ การบ่มเพาะของนางได้มาถึงขอบเขตนิ้วทมิฬขั้นที่ 1 แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นางยังได้หลอมรวมเข้ากับเปลวเพลิงชำระล้างของวานรยักษ์และพัฒนากระดูกศักดิ์สิทธิ์ของตัวนางเองได้สำเร็จ
พลังของกระดูกสมบัติยังไม่ได้ถูกดูดซับไปอย่างสมบูรณ์ ในช่วงที่เหลือ นางเพียงแค่ต้องเปลี่ยนพลังของกระดูกสมบัติให้กลายเป็นพลังของนางเอง และการฝึกฝนของนางจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นี่คือพลังของกระดูกสมบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทายาทเผ่าพันธุ์โบราณที่มีระดับการบ่มเพาะในขอบเขตกักเก็บเทวา[1] พลังที่มีอยู่ในนั้นเพียงพอสำหรับการบรรลุขอบเขตชีวาเร้นลับ เป็นผลให้ในดินแดนรกร้างกระดูกสมบัติเทียบเท่ากับเม็ดยาเซียน หรืออาจมีค่ามากกว่าด้วยซ้ำ
นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดผู้คนจำนวนมากต้องการแย่งชิงกระดูกสมบัติไป
หลังจากนั้นไม่นานจ้าวว่านเอ๋อก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ นางไม่สามารถซ่อนความสุขในใจของนางได้
เมื่อนางลืมตาขึ้นและเห็นเย่ชิวนั่งอยู่ตรงหน้านาง นางรู้สึกตื่นเต้นจนอยากจะโผกอดเขา ทันใดนั้น นางรู้สึกว่ามีลมเย็นพัดมากระทบตัวนาง ทำให้นางตัวสั่น นางมองลงไปและวินาทีต่อมา ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นางรีบคว้าเสื้อคลุมสีแดงบนพื้นแล้วคลุมร่างกายของนางปิดเพื่อนกั้นสายตาที่เร้าอารมณ์ทันที
“อา… น่าอายยิ่งนัก… ข้าสงสัยว่าอาจารย์เห็นอะไรหรือไม่ ช่างน่าอายยิ่งนัก”
จ้าวว่านเอ๋อหวังกลายร่างเป็นตุ่นขุดดินซ่อนตัวทันที
“ท่านอาจารย์” จ้าวว่านเอ๋อตะโกนอย่างเขินอาย
“อืม ข้าไม่เห็นอะไรเลย” เย่ชิวกล่าวเบา ๆ ทว่าใบหน้าของจ้าวว่านเอ๋อกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
จบสิ้นกัน… ในอนาคตข้าจะไปเผชิญหน้ากับใครได้อีก
จ้าวว่านเอ๋อรู้สึกตายทั้งเป็น ในฐานะองค์หญิงแห่งราชวงศ์ นางมีความมั่นคงและสง่างามอยู่เสมอ นี่คืออารมณ์อันสูงส่งที่สลักอยู่ในกระดูกของนาง นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะทำอะไรเช่นนี้ต่อหน้าอาจารย์ของนาง ความประทับใจที่อาจารย์ต้องลดลงจนต่ำสุดแล้วใช่หรือไม่
เนื่องจากเพลิงนรกร้อนเกินไป นางจึงถอดเสื้อผ้าออกโดยไม่รู้ตัว เหลือแต่เสื้อใน นอกจากนี้ นางยังเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและเสื้อผ้าของนางรัดแน่น ทำให้เสื้อผ้าแทบจะไร้ความหมาย
ท่านอาจารย์ของนางต้องได้เห็นทุกสิ่งที่เขาควรจะได้เห็น นางจะเอาหน้าไปพบท่านอาจารย์ของนางได้อย่างไรกัน
เย่ชิวหันกลับมาและแอบชำเลืองมองที่ขาขาวยาวของนางพร้อมกลืนน้ำลาย
“ลูกศิษย์ เจ้าได้ดูดซับกระดูกสมบัติของวานรยักษ์นรกแล้วและหลอมรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างกระดูกศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเอง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็นเซียนอย่างเป็นทางการแล้ว เจ้าเพิ่งเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็นเซียน ดังนั้นเจ้าอาจขาดความรู้ด้านการบ่มเพาะ บังเอิญที่พี่สาวของเจ้ายังไม่กลับมาจากการล่าสัตว์ ดังนั้นข้าจะใช้โอกาสนี้อธิบายให้เจ้าฟัง”
ดวงตาของจ้าวว่านเอ๋อเคลื่อนไหว นางเงยหน้าขึ้นมองเย่ชิวและพบว่าการแสดงออกของเขาไม่มีอะไรผิดปกติ เขายังคงใจเย็นมาก
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกผิดหวัง มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก นางยิ่งอยากรู้อยากเห็น
เกิดอะไรขึ้น อาจารย์ไม่ชอบสตรีหรือ เขาไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่ข้าเพิ่งทำไป หรือว่าความสวยของข้าจะไม่ดึงดูดอาจารย์ อ๋า ข้ากำลังคิดอะไรอยู่ นั่นคือท่านอาจารย์ของข้า!
จ้าวว่านเอ๋อส่ายหัวพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อระงับความคิดชั่วร้ายที่อยู่ภายในใจของนางและในที่สุดก็ฟื้นตัว “เอาล่ะ ท่านอาจารย์โปรดกล่าว ข้าจะรอฟัง”
จ้าวว่านเอ๋อดึงเสื้อคลุมสีแดงของนางอย่างสง่างามและพันไว้รอบร่างกายของนาง อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าขาที่เรียวยาวของนางถูกเปิดเผยออกมาโดยเจตนาหรือไม่
สิ่งนี้ทำให้หัวใจเต๋าของเย่ชิวเริ่มไม่มั่นคงอีกครั้ง ‘สตรีคนนี้มีเจตนาชั่วร้ายและต้องการทำร้ายอาจารย์ของตนเองหรือ’
“เอาล่ะ…” หลังจากหายใจเข้าลึก ๆ เย่ชิวพูดต่อ “ในฐานะผู้ฝึกตน โดยรากฐานแล้วจะเริ่มจากขอบเขตฝึกปราณหมายความว่าเจ้าเพิ่งก้าวเข้าสู่เส้นทางเซียน สำหรับขอบเขตนิ้วทมิฬนั้น มีเพียงการบรรลุขอบเขตนี้เท่านั้นที่สามารถเรียนรู้เคล็ดวิชาเซียนที่ทรงพลังได้
“ขอบเขตปัจจุบันของเจ้าคือขอบเขตนิ้วทมิฬขั้นที่ 1 ขอบเขตนิ้วทมิฬ แบ่งออกเป็น 9 ขอบเขตย่อย ตั้งแต่ขั้นที่ 1 ถึงขั้นที่ 9 หลังจากนั้นจะเป็นขอบเขตสวรรค์
“สวรรค์หรือที่เรียกว่าการตรัสรู้ที่ไม่มีตัวตน เมื่อมาถึงขอบเขตนี้ หมายความว่าเจ้าควบคุมกลิ่นอายของตนเองได้ถึงจุดสมบูรณ์แบบแล้ว เจ้าสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของกลิ่นอายภายในรัศมีหลายลี้ได้อย่างชัดเจน ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเจ้าจะเฉียบคมขึ้นและมองเห็นได้ทุกทิศทาง ขอบเขตนี้ยังแบ่งออกเป็น 9 ขอบเขตย่อย”
จ้าวว่านเอ๋อฟังอย่างตั้งใจแม้ว่านางจะมาจากราชวงศ์ แต่นางก็ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นเครื่องมือในการแต่งงานตั้งแต่ยังเด็กและไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ความรู้นี้ ส่วนที่คนอื่นเล่ากันส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ลงรายละเอียด
“เหนือขอบเขตสวรรค์คือขอบเขตอนันตะมรรคา ตามชื่อเลย แปลว่าไม่มีระยะทาง ในขอบเขตนี้ เจ้าสามารถเป็นเคลื่อนย้ายพริบตาจากระยะไกลหรือการโจมตีพิเศษที่อยู่เหนือมิติและกาลเวลา นี่คือสิ่งที่เรียกว่ากฎ เจ้าจะเข้าใจเมื่อเจ้ามาถึงขอบเขตนี้ ยังเร็วเกินไปยังจะบอกเจ้าทั้งหมดนี้ เช่นเดียวกับสามขอบเขตก่อนหน้านี้ ขอบเขตนี้ยังมีขอบเขตย่อยอีก 9 ขอบเขต”
“ต่อไปคือขอบเขตชีวาเร้นลับ ซึ่งแตกต่างจากขอบเขตก่อนหน้านี้ ขอบเขตนี้มีเพียง 5 ขอบเขตย่อยเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลว่าเหตุใดมันจึงถูกเรียกว่า ชีวาเร้นลับ 5 ขอบเขต หัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไตล้วนมีน้ำพุแห่งชีวิต นั่นคือน้ำพุแห่งชีวิตทั้ง 5 เสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในตัวเรียกว่าชีวาเร้นลับ เมื่อเจ้าบรรลุขอบเขตแห่งชีวาเร้นลับแล้ว เจ้าจะสามารถยับยั้งกลิ่นอายของเจ้าและกลับไปสู่ความธรรมดาสามัญได้ กระบี่อันแหลมคมจะซุกซ่อนอยู่ในหัวใจของเจ้าและไม่เปิดเผยออกมา ชีวาเร้นลับหมายถึงการยับยั้งและหล่อเลี้ยงจิตใจ
“ตอนนี้ข้าอยู่ในขอบเขตนี้”
หลังจากฟังคำอธิบายของเย่ชิวแล้ว จ้าวว่านเอ๋อก็จมดิ่ง นางมองไปยังเย่ชิวโดยไม่กระพริบตา ทำให้เย่ชิวรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาสงสัยอย่างยิ่งว่าศิษย์คนนี้ตั้งใจยั่วยวนเขาด้วยขาที่เรียวยาวของนาง นางมีท่าทางยั่วยวนเป็นอย่างยิ่ง
เขามีความรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ เพราะนี่ย่ำแย่กว่าหลินชิงจู้มาก
หลินชิงจู้มีกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นชา แม้ว่าจมลงสู่เสน่ห์ของนาง บุคคลนั้นก็จะฟื้นสติได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับจ้าวว่านเอ๋อ นางเป็นคนประเภทที่อ่อนโยนราวกับไฟ ราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายในใจของนาง ทำให้รู้สึกกระสับกระส่ายอย่างยิ่ง
“ท่านอาจารย์ แล้วผู้ที่อยู่เหนือขอบเขตทั้งห้าล่ะ” จ้าวว่านเอ๋อเอามือเท้าคางและถามเบา ๆ
เย่ชิวสูดหายใจเข้าลึก ๆ และแสร้งสีหน้าทำเป็นสงบ เขากล่าวว่า “เหนือขอบเขตทั้งห้าคือขอบเขตปรมาจารย์ยุทธหรือที่เรียกว่า งซุนเจ๋อ’ โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่สามารถเข้าถึงขอบเขตนี้ได้คือเจ้าสำนักของตน”
“สำนักเยียวยาสวรรค์ของเรามีปรมาจารย์ยุทธอยู่สองคน คนแรกคือเจ้าสำนักเมิ่งเทียนเจิ้ง สองคือปรมาจารย์แห่งขุนเขากระบี่เร้นลับและยังเป็นผู้อาวุโสด้านวินัยของ สำนักเยียวยาสวรรค์ ฉีอู๋ฮุ่ย
“ในขอบเขตนี้ จะสามารถรับรู้ถึงวิถีเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้แล้ว กระบี่ที่ดูเรียบง่ายกลับแอบแฝงไปด้วยความลึกซึ้งขั้นสุด ข้าเข้าสู่วิถีเต๋าด้วยร่างกายเพื่อก้าวตามเส้นทางการเป็นเทพเจ้า เพื่อสร้างวิถีของข้า ข้าคือเต๋า”
จ้าวว่านเอ๋อถาม “อาจารย์ มีขอบเขตใดที่อยู่เหนือขอบเขตปรมาจารย์ยุทธหรือไม่”
เมื่อเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นของนาง เย่ชิวค่อย ๆ อธิบาย “แน่นอน ยังมีขอบเขตยอดยุทธอยู่เหนือปรมาจารย์ยุทธ นั่นคือขอบเขตยอดยุทธราวกับซึ่งราวกับเป็นเทพในหมู่มนุษย์ พบเจอได้ยากเป็นอย่างมาก! ขอบเขตนี้ถือได้ว่าเป็นสุดยอด”
“แน่นอนว่ายังมีขอบเขตขอบเขตราชันยุทธที่อยู่เหนือขอบเขตยอดยุทธ เหนือขอบเขตระดับราชันยุทธคือขอบเขตจักรพรรดิยุทธ อย่างไรก็ตาม มันหายากมากที่จะพบผู้ที่บรรลุขอบเขตเหล่านี้ อาจกล่าวได้ว่าแทบไม่มีเลย
“เป็นเวลากว่าหนึ่งหมื่นปีแล้วที่จักรพรรดิยุทธปรากฏตัวในเผ่าพันธุ์มนุษย์ ความยากลำบากที่เจ้าต้องข้ามผ่านเพื่อที่จะได้เป็นจักรพรรดิยุทธนั้นเป็นไปไม่ได้สำหรับเจ้า ดังนั้นการบ่มเพาะจึงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด”
“ความยากลำบากทั้งหมดที่ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงประสบพบเจอก่อนที่จะมีชื่อเสียงนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเจ้า”
“ศิษย์เอ๋ย เจ้าต้องจดจำสิ่งนี้ไว้! ไม่ว่าเจ้าจะพบกับความยากลำบากมากแค่ไหนในอนาคต เจ้าทำได้เพียงต้องเตรียมใจไว้และพุ่งไปข้างหน้า แม้ว่าร่างกายเจ้าจะเต็มไปด้วยรูพรุน เจ้าก็ไม่สามารถถอยกลับได้”
“การบ่มเพาะเป็นเรื่องของการท้าทายสวรรค์และการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา หากเจ้าถอยหลังหนึ่งก้าวมันจึงเปรียบเสมือนหุบเหวที่ไร้ก้นบึ้ง”
“เจ้าเข้าใจหรือไม่” เย่ชิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หัวใจของจ้าวว่านเอ๋อสั่นสะท้านและนางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์เข้าใจแล้ว”
[TL: กักเก็บเทวา น่าจะเป็นขอบเขตของสัตว์อสูรครับ คงเทียบเท่าขอบเขตชีวาเร้นลับ อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน ในอนาคตอาจมีเปลี่ยนแปลงจะแจ้งครับ]
ขอบเขตในปัจจุบัน
ฝึกปราณ | ขั้น 1-9 |
นิ้วทมิฬ | ขั้น 1-9 |
สวรรค์ | ขั้น 1-9 |
อนันตะมรรคา | ขั้น 1-9 |
ชีวาเร้นลับ | ขั้น 1-5 |
ปรมาจารย์ยุทธ | ต้น กลาง ปลาย สมบูรณ์ |
ยอดยุทธ | ต้น กลาง ปลาย สมบูรณ์ |
ราชันยุทธ | ต้น กลาง ปลาย สมบูรณ์ |
จักรพรรดิยุทธ | ต้น กลาง ปลาย สมบูรณ์ |
??? | ??? |