874 - อสูรกลืนสวรรค์
874 - อสูรกลืนสวรรค์
“พวกเขามาเพื่อเก้าญาณวิเศษลึกลับ แต่ข้ามาเพื่อองค์หญิงเยว่หลิงเท่านั้น?” ฉินเยว่ศิษย์แห่งเขาตะวันออกกล่าวกับตัวเอง
นี่เป็นข่าวเดียวที่เย่ฟ่านสังเกตเห็นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
“หญิงงามลำดับที่สองของจงโจว องค์หญิงเยว่หลิงแห่งราชวงศ์จิ่วหลีก็อยู่ในนิกายตระกูลฉินด้วยหรือ?”
เย่ฟ่านค่อนข้างแปลกใจในสถานที่เล็กๆ แห่งนี้มีคนไม่กี่ร้อยเท่านั้นแต่ทุกคนล้วนเป็นศิษย์ของมหาอำนาจจากทั่วทั้งโลก
“ในภูเขาตะวันออก ตะวันตก ใต้ และเหนือ มีกี่คนที่ชมชอบองค์หญิงเยว่หลิง?” เย่ฟ่านงุนงงเห็นได้ชัดว่าบางคนมาที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีหรือสองปีหรือก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ
สองวันต่อมาเจ้าหุบเขาตะวันออกประกาศข่าวอีกครั้ง ถ้าใครสามารถช่วยเหลือนิกายตระกูลฉินและสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ได้ คนนั้นก็จะสามารถเข้าสู่ยอดเขาหลักและจะมีโอกาสฝึกฝนคัมภีร์ลับสูงสุด
“อะไรนับเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่” เหล่าศิษย์ถาม
“หาไขกระดูกมังกรชั้นเลิศเพื่อยืดอายุผู้อาวุโส หรือนำเสนอสมบัติที่สามารถใช้ปรับแต่งอาวุธวิเศษของจักรพรรดิ...”
ทุกคนตะลึง สมบัติทุกชนิดเป็นสมบัติล้ำค่าที่เทียบได้กับต้นกำเนิดบริสุทธิ์นับล้านจิน สิ่งนี้เป็น "ผลงานที่ยอดเยี่ยม" จริงๆ!
เย่ฟ่านรู้สึกว่านิกายตระกูลฉินต้องเข้าใจจุดประสงค์ของศิษย์เหล่านี้แล้ว และตอนนี้พวกเขาต้องการตักตวงผลประโยชน์เข้าใส่ตัวเองอย่างเต็มที่
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านวางแผนที่จะเข้าไปในยอดเขาหลักหรือไม่?” หลังจากที่ฝูงชนแยกย้ายกันไป เย่ฟ่านถามชายชรา
“ไม่เข้าไปจะดีกว่า” ชายชราส่ายหัว
“ทำไม?” เย่ฟ่านสงสัย
“มีคนที่น่าทึ่งเคยเข้ามาที่นี่เช่นกัน อย่างไรก็ตามเขากลับไม่เคยย่างก้าวออกจากที่นี่แม้แต่ครั้งเดียว” ชายชรากล่าว
“ใคร?” เย่ฟ่านถามอย่างสนใจ
“ราชาปี้หลัว”
“อะไรนะ!?”
เย่ฟ่านตกใจและทันใดนั้นเขาก็นึกถึงระฆังจิ่วเทียนปี้หลัวซึ่งเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ราชาโบราณคนนั้นทิ้งไว้เมื่อสองหมื่นปีก่อน
แน่นอนว่าราชาปี้หลัวที่ว่านี้ไม่แน่ว่าจะเป็นเป็นคนเมื่อสองหมื่นปีก่อน ชายชราเต็มไปด้วยความลึกลับและกล่าวว่า
เมื่อสามสิบปีที่แล้วมีคนพบเขาที่นี่ ในขณะนั้นราชาปี้หลัวยังคงอยู่ในช่วงวัยบานสะพรั่งและเข้าสู่ยอดเขาหลักภายในหนึ่งปี อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยก้าวเท้าออกจากยอดเขาหลักเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจากไป แต่...” ชายชราส่ายหัว
“มีความลับอะไรไหม?” เย่ฟ่านถาม
“แน่นอน” ชายชราบอกความลับที่น่าประหลาดใจ
“จุดสูงสุดของนิกายตระกูลฉินซ่อนบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกซึ่งไม่ได้อ่อนแอกว่าผู้อาวุโสในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพวกเขามีทักษะที่เรียกว่าศิลปะลึกลับอยู่กับตัวเอง”
“ทักษะนี้เพียงปรากฏออกมาชิ้นเดียวก็กลายเป็นสมบัติอันยิ่งใหญ่แล้ว ว่ากันว่าแม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงของนิกายพุทธก็ยังถูกกักขังไว้ที่นี่ด้วย”
“คนเหล่านั้นกลายเป็นผู้พิทักษ์ในหุบเขาโดยไม่สามารถออกจากยอดเขาหลักได้ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เห็นได้ชัดว่ายอดเขานี้มีความลึกลับจริงๆ”
“สุดท้ายสามสิบปีผ่านไป แม้แต่ราชาปี้หลัวก็ยังหลอมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับที่นี่และกลายเป็นหนึ่งในผู้คนของตระกูลฉินอย่างเป็นทางการ”
“แม้ว่าจะมีทายาทที่แท้จริงของตระกูลฉินเพียงไม่กี่คนแต่สุดท้ายนิกายตระกูลฉินก็ไม่เคยขาดแคลนยอดฝีมือแม้แต่น้อย และราชาปี้หลัวก็เป็นหนึ่งในนั้น สามสิบปีผ่านไปอย่างน้อยความแข็งแกร่งของเขาจะต้องเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า”
“สุดหยั่งถึง…” เย่ฟ่านตกใจ
“ที่นี่น่ากลัวกว่าที่เจ้าคิด มันมีทักษะลึกลับมากมายที่พร้อมจะผูกมัดผู้คนไว้ ยกตัวอย่างเช่นจักรพรรดิหนานหลิงซึ่งเป็นหนึ่งในจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ทักษะศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ถูกเก็บไว้ภายในนิกายตระกูลฉินเช่นกัน!”
ตามคำบอกเล่าของชายชรา ผู้คนอาศัยอยู่บนยอดเขาหลักไม่เพียงแต่กลายเป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่อย่างราชาปี้หลัวเท่านั้น ยังมียอดฝีมือระดับครึ่งเซียนอีกหลายสิบคนอาศัยอยู่ที่นั่นด้วย
อันที่จริงแล้ว ผู้ที่มาสถานที่แห่งนี้ล้วนมาเพื่อค้นหาเก้าญาณวิเศษลึกลับ และพวกเขาทุกคนล้วนเป็นมังกรและหงส์จากคนรุ่นเดียวกันทั้งสิ้น
เย่ฟ่านแยกแยะคำพูดของชายชราในใจ นิกายตระกูลฉินแปลกมากและไม่ควรประมาทอย่างเด็ดขาด ในเวลาเดียวกันก็มีร่องรอยของความไม่สบายใจอยู่ในใจของเขา
จักรพรรดิแห่งหนานหลิงว่ากันว่าเป็นคนคนเดียวกันกับจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม ซึ่งทักษะที่ถูกทิ้งไว้ที่นี่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่าจะเป็นอสูรกลืนสวรรค์
ฮั่วอวิ๋นเฟยน่าจะเป็นศิษย์ของนิกายตระกูลฉินตั้งแต่ก่อนที่จะเป็นศิษย์ของนิกายไท่ซวนด้วยซ้ำ บางทีเขาอาจเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของนิกายตระกูลฉินอีกด้วย
“ข้ายังต้องเข้าไปที่นั่น ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถรับเก้าญาณวิเศษลึกลับได้ แต่ต้องเตรียมพร้อมที่รับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในนั้นให้ดี” เย่ฟ่านคิดหามาตรการรับมือบางอย่างในใจ
“ตอนนี้ เรายังต้องหาทางที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองก่อน และมันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าสู่ยอดเขาหลัก ในขณะเดียวกันข้าก็ควรค้นหาไขกระดูกมังกรไปพร้อมกัน” เขาตัดสินใจ
ลมกลางคืนพัดมา เงาของหุบเขาพร่ามัวภายใต้ดวงดาว ต้นไม้เอนตามแรงลม และเสียงคำรามของสัตว์ป่าก็มาจากส่วนลึกของภูเขา
พระจันทร์เสี้ยวเป็นเส้นโค้ง แสงจันทร์มีจำกัด เย่ฟ่านเดินคนเดียว ดูภูมิประเทศของหุบเขาในเวลาเที่ยงคืนและมองหาสถานที่ที่ควรจะมีไขกระดูกมังกรซุกซ่อนอยู่
ไกลออกไป ป่าสนที่เงียบสงบมีน้ำพุใสไหลออกมา นกกลางคืนส่งเสียงเล็กๆ กลิ่นหอมของหญ้าและต้นไม้ก็อบอวล
ทันใดนั้นเขามองไปยังทิศทางหนึ่งด้วยความตกตะลึง
ในส่วนลึกของป่ามีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งสมาธิบนแผ่นหินสีฟ้า แสงสว่างห้าดวงซึ่งเกิดจากเทพในตำนานเต๋าของนางล่องลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และพวกมันถูกโอบล้อมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง
ในตอนนี้นางกำลังดึงดูดแสงดาวและแสงจันทร์ที่อยู่บนฟ้าเข้าสู่ร่างกายของตัวเองอย่างต่อเนื่อง แสงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มีส่วนทำให้ผิวพรรณของนางงดงามมากขึ้นกว่าเดิมในทุกครั้งที่พบกัน
“หลี่เสี่ยวม่าน…” เย่ฟ่านประหลาดใจ
ทักษะที่นางฝึกฝนนั้นเป็นทักษะศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่บางอย่าง โดยเฉพาะแสงสีทองที่เปลี่ยนตัวเองเป็นเกลียวน้ำวนสามร้อยหกสิบห้าเส้นนั้นจะต้องไม่ใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน
“เจิ้นเถียน ซิงผาน... ร่างกายสอดคล้องกับดวงดาวหลักสามร้อยหกสิบห้าดวงหรือไม่?” เย่ฟานประหลาดใจ ทักษะลึกลับแบบนี้ไม่เคยได้ยินหรือเห็นมาก่อน
เขาใช้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองจ้องมองอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน ในกระแสน้ำวนของเกลียวสีทองสามร้อยหกสิบห้าเส้นนั้นมีสิ่งที่คล้ายกับวิญญาณของเทพกำลังดูซับแสงดาวและแสงจันทร์อยู่
เย่ฟ่านต้องการที่จะมองเข้าไปใกล้ๆ แต่ร่างในกระแสน้ำวนสีทองนั้นพร่ามัวเกินไป เขารู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ของมันเท่านั้น
“ช่างเป็นปาฏิหาริย์อันทรงพลังเสียจริง ร่างกายมนุษย์เองก็สอดคล้องกับดวงดาวหลักของเหล่าทวยเทพ นั่นเป็นเหตุผลให้ใครบางคนคิดค้นทักษะชนิดนี้ขึ้น ข้าอยากรู้จริงๆว่าหลังจากฝึกฝนทักษะนี้จนถึงระดับสูงสุดเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน?”
เย่ฟ่านคิดอย่างแปลกใจเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็พบว่าร่างทองคำสามร้อยหกสิบห้าตนจริงๆ แล้วเป็นเทพที่อยู่ในตำหนักเต๋านั่นเอง
“คนอื่นๆสร้างเทพได้เพียงห้าคนเท่านั้นแต่ทักษะชนิดนี้กลับทำให้นางสร้างเทพในตำหนักเต๋าได้ถึงสามร้อยหกสิบห้าคนเชียวหรือ?”
ในตอนนี้เย่ฟ่านเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ที่ด้านหลังหลี่เสี่ยวม่านมีภาพธรรมของเทพผู้ยิ่งใหญ่สีทองปรากฏขึ้น เทพตนนี้เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และสวมชุดเกราะสีแดงทั้งร่างกาย
ในขณะเดียวกันได้มีสนามรบโบราณปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของเขา ซากศพจำนวนมากล้มลงอย่างต่อเนื่อง และซากศพเหล่านี้ไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ธรรมดาอย่างแน่นอน
เย่ฟ่านตกตะลึง ท่ามกลางซากศพมีแม้กระทั่งพระอรหันต์ที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นสีทองโดยสมบูรณ์ หลังจากสังเกตดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วในซากศพเหล่านั้นมีแม้กระทั่งผู้ที่สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ด้วยซ้ำ
“ช่างเป็นเทพที่ทรงอานุภาพอย่างยิ่ง เขาเดินบนโลหิตของพระโพธิสัตว์และพระอรหันต์มากมาย”
ภูเขาสั่นสะเทือนเล็กน้อยทั่วภูเขาและที่ราบ ปราณสีทองที่มีอยู่ในเส้นเลือดที่ไม่มีที่สิ้นสุดปะทุก่อนจะรวมตัวกันเข้าหาร่างของหลี่เสี่ยวม่านและทำให้ร่างเทพของนางมีความสว่างสดใสมากยิ่งขึ้น
“นางไปเรียนมาจากไหน?” เย่ฟ่านเกิดความสงสัย
ทันใดนั้น ร่างของหลี่เสี่ยวม่านก็ขยับ ผมของนางปลิวไสว จากนั้นภาพนิมิตของขวดสมบัติสีดำก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของนาง ในตอนแรกมันไม่ชัดเจน และจากนั้นมันก็กลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆ
“นี่คือ…” ดวงตาของเย่ฟ่านก็หนรี่ลงในทันใด
ลำแสงสีดำล้นจากขวดสีดำและไหลซึมเข้าสู่ศีรษะของหลี่เสี่ยวม่านอย่างต่อเนื่อง ขวดสีดำนี้ดูเรียบง่ายและไม่มีอะไรแปลกประหลาด อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านกลับมีความคุ้นเคยกับมันอย่างถึงที่สุด
นี่เป็นขวดที่มีลักษณะเดียวกันกับหม้ออสูรกลืนสวรรค์ที่เขาเคยเห็น หลี่เสี่ยวม่านได้รับบางสิ่งบางอย่างจากนิมิตของหม้อใบนี้ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันเป็นทักษะอสูรกลืนสวรรค์นั่นเอง
“แม้แต่นางก็ยังมีโอกาสได้ฝึกทักษะอสูรกลืนสวรรค์” ดวงตาของเย่ฟ่านเฉียบคม แต่เขาไม่ได้ขยับตัวไปไหน