ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 24 เพียงหนึ่งกระบี่, แย่งชิงกระดูกวานรยักษ์
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 24 เพียงหนึ่งกระบี่, แย่งชิงกระดูกวานรยักษ์
“ปรมาจารย์แห่งขุนเขาเมฆาม่วง” เซียวอี้อ้าปากค้างและแอบดีใจ โชคดีที่เป็นหลินเฟิงไม่ใช่ตน
“ฮิฮิ หลินเฟิง เจ้าตายอย่างแน่นอน! ใครบอกให้เจ้าทำตัวสูงส่งและยิ่งใหญ่ต่อหน้าข้า ปรมาจารย์แห่งขุนเขาทั้งเจ็ดซึ่งเป็นที่เคารพนับถือมากที่สุดในสำนักเยียวยาสวรรค์นั้นทรงอำนาจมากสุดรองจากเจ้าสำนัก การยั่วยุเขาก็เหมือนกับการยั่วยุสำนักเยียวยาสวรรค์ทั้งหมด เจ้าเป็นเพียงกระตูลหลินตัวเล็ก ๆ เจ้าไม่มีค่าในสายตาพวกเขาด้วยซ้ำ”
แม้ว่าเขาจะแอบดีใจ แต่เซียวอี้ก็รู้สึกแย่มากเช่นกัน ยิ่งภูมิหลังของอีกฝ่ายน่ากลัวมากเท่าไหร่ภาพลักษณ์ของเขาในฐานะลูกชายคนโตก็จะยิ่งมั่นคงมากขึ้นเท่านั้น เขาต้องเป็นคนซื่อสัตย์ แม้ว่าเย่ชิวจะมาเยือนที่ตระกูลเซียวเพื่อตรวจสอบเขาก็จะปฏิบัติเป็นลูกกตัญญู แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่ลืมสิ่งที่เย่ชิวพูดกับเขาในตอนนั้น สิ่งนี้ทำให้เขากลัวแทบตาย
“นายน้อย!” เมื่อได้ยินว่าเย่ชิวเป็นปรมาจารย์แห่งเจ็ดขุนเขาของสำนักเยียวยาสวรรค์ผู้อาวุโสสองคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเฟิงก็เดินออกมาทันทีและดึงหลินเฟิงกลับมา
ชายชราคนหนึ่งกล่าวขอโทษด้วยสีหน้าเศร้าโศกว่า “สหายเต๋า นายน้อยของข้ายังเด็ก อาจหลงลืมตัว เนื่องจากเขาทำให้เจ้าขุ่นเคือง ข้าหวังว่าเจ้าจะให้อภัยเขาสําหรับความผิดพลาดนี้”
“อืม” เย่ชิวหยอกล้อว่า “นั่นไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าข้าต้องกล่าวว่า ข้าจะต้องทำอย่างไรนายน้อยหลินจึงจะยกโทษให้ข้าไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนนี้ถึงเป็นอีกอย่างได้”
ใบหน้าของชายชรามืดมนกว่าเดิม เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเย่ชิวหมายถึงอะไร
ในเวลานี้ชายชราอีกคนข้าง ๆ กล่าวด้วยความโมโห “เจ้าอย่าลากตัวเองลงหลุม! เราได้ขอโทษไปแล้ว ตระกูลหลินของเราก็มีอารมณ์โมโหได้เช่นกัน”
เย่ชิวรู้สึกขบขัน เขากางมือออกและทําท่าทางให้หลินชิงจู้ล่าถอย “ไม่มีที่ว่างสําหรับการสนทนางั้นหรือ ดียิ่ง! หากเจ้ามีอารมณ์ ข้าก็ชอบมันเช่นกัน...” ทันทีที่เขากล่าวจบกลิ่นอายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและกลิ่นอายขอบเขตชีวาเร้นลับก็ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์
การแสดงออกของชายชราสองคนเปลี่ยนไปและพวกเขาก็ผลักหลินเฟิงกลับทันที ทั้งสองคนต่างตั้งท่าป้องกันเขาในเวลาเดียวกัน
การต่อสู้กําลังจะเริ่มขึ้น เย่ชิวยืนอยู่คนเดียวในอากาศ เขาชี้ไปด้วยมือขวาเบา ๆ ต้นไม้โดยรอบทั้งหมดก็เริ่มเคลื่อนไหวราวกับโดนลมพัด
“ฟู่ววว...”
“เป็นปราณกระบี่ที่น่าตกใจอะไรเช่นนี้!”
หมิงเยว่แอบตกใจ แม้ว่านางจะคาดเดาได้แล้วว่าความแข็งแกร่งของเย่ชิวนั้นไม่ได้ธรรมดา แต่นางก็ไม่ได้คาดหวังว่าฝีมือกระบี่ของเขาจะมาถึงขอบเขตดังกล่าวแล้ว
หมิงเยว่ตกใจมากขึ้นเมื่อนางรู้สึกถึงปราณกระบี่อันแหลมคมที่ไหลเวียนอยู่รอบตัวนาง
เมื่อกลิ่นอายถูกเปิดเผยออกมา ทุกคนโดยรอบก็ถูกดึงดูดทันีท ต่างคนต่างงงงวยและพูดคุยกันสนุกปาก
“ใครกําลังต่อสู้กันหรือ”
“ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสสองคนจากตระกูลหลินกําลังต่อสู้กับชายหนุ่มคนหนึ่ง”
“ใครกัน”
ทุกคนต่างงงงวย แต่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าปราณกระบี่ของชายหนุ่มคนนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
พืชพรรณโดยรอบต่างเคลื่อนไหวไปพร้อมกับปราณกระบี่ของเขา มีความแหลมคมอย่างหาที่เปรียบมิได้ ท่ามกลางลมที่รุนแรงนี้ ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บจากพืชพรรณเหล่านี้ได้เช่นกัน
เมื่อปราณกระบี่ถูกเปิดเผยออกมา วานรยักษ์ด้านล่างก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายทันที
“โฮก...” ด้วยเสียงคํารามที่โกรธเกรี้ยว วานรยักษ์เริ่มการสังหารผู้คนโดยรอบ
ท่ามกลางท้องฟ้าเย่ชิวได้เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของวานรยักษ์ตลอดเวลา เขาเห็นว่าวานรยักษ์ต้องการหลบหนีออกไปจากวงล้อมและเขาไม่ต้องการยุ่งกับชายชราสองคนนั้นอีกต่อไป
“เวลาของข้ามีจํากัด! มาลองดูว่าข้าสามารถจบเรื่องนี้ด้วยกระบี่เพียงเล่มเดียวได้หรือไม่ หากข้าทำไม่ได้ ก็ลืมมันไปเถอะ...” หลังจากกล่าวเช่นนั้นเย่ชิวก็ชี้นิ้วของเขาและเงามืดกระบี่ขนาดมหึมาก็ฟาดลงมาจากด้านบนทันที
พืชพรรณในดินแดนรกร้างสามร้อยลี้ต่างพริ้วไหวราวกับเจอพายุ
ชายชราสองคนดูราวกับว่าพวกเขากําลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ใบหน้าของพวกเขาต่างซีดเซียว แต่พวกเขาไม่กล้าล่าถอย หากถอยหลินเฟิงก็จะตาย
“ไป!” ทั้งสองคนมองหน้ากันและตัดสินใจต้านกระบี่เล่มนี้ด้วยกัน อีกฝ่ายยังคงกล่าวด้วยว่าหากพวกเขาหยุดกระบี่ได้ พวกเขาก็จะรอด
ในชั่วพริบตากลิ่นอายทรงพลังทั้งสองก็ได้ปะทุขึ้น ชายชราสองคนยืนหยัดต้านกระบี่ยักษ์และดึงอาวุธอันล้ำค่าทั้งหมดออกมา จากนั้นก็ส่งสิ่งของขึ้นไป
ปัง
ราวกับว่ามีฝนกระบี่อยู่ทั่วท้องฟ้า ภายใต้ผลกระทบอันทรงพลังนี้ยอดฝีมือขอบเขตชีวาเร้นลับทั้งสองคนถูกส่งกระเด็นออกไปทันที
“อั่ก...” ทั้งคู่พ่นเลือดออกมาเต็มปาก พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“นี่... เป็นไปได้อย่างไร พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่การโจมตีเดียวหรือ” หัวใจของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและใบหน้าของเขาเริ่มซีดเซียว เมื่อครู่นี้เขาเกือบเสียชีวิตไปแล้ว
“อืม ดูเหมือนว่าข้ายังไม่คุ้นเคยมากนัก!” เมื่อเห็นว่าศัตรูยังไม่ตายเย่ชิวก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความผิดหวังและไม่ลงมือต่อ
ปัจจุบันเขาได้ใช้เพียงกระบวนท่าเดียวนั่นคือ พร่างพรายในพงหญ้า และทำให้ยอดฝีมือขอบเขตชีวาเร้นลับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะไม่ได้สังหารคู่ต่อสู้ แต่เย่ชิวก็ยังคงพอใจกับผลของการโจมตีครั้งนี้มาก ท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็ได้ใช้อาวุธล้ำค่าตอบโต้เช่นกัน มิฉะนั้นพวกเขาคงตายไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้ใช้กระบี่เซียนเมฆาด้วยซ้ำ
เมื่อพวกเขาเห็นเย่ชิวแสดงความสามารถ หลินชิงจู้ หมิงเยว่ และศิษย์ขุนเขาวารีนภาต่างก็ตกใจ
“อาจารย์ลุงเย่น่ากลัวเพียงนี้ลยหรือ” เสียงของหลิวรู่หยานสั่นสะท้านเมื่อนางพูด พวกเขาไม่คิดว่าอาจารย์ลุงเย่ที่อ่อนโยนคนนี้มีด้านที่ทรงอำนาจเช่นนี้ น่าทึ่งยิ่งนัก
“ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นเท็จ อาจารย์ลุงเย่ของเราไม่ใช่ขยะอย่างที่ข่าวลือบอก แต่เขาเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง”
“น่าทึ่งเกินไป! ช่างเป็นเคล็ดวิชากระบี่ที่ทรงพลังเหลือเกิน”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ขุนเขาเมฆาม่วงมีเคล็ดวิชากระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น คิ้วของหมิงเยว่ย่นเข้าหากันแน่น นางมีข้อสงสัยมากมายอยู่ภายในใจ อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ วานรยักษ์ด้านล่างกําลังจะหลุดพ้นจากวงล้อมของผู้คนไปแล้ว
หมิงเยว่ไม่ลังเลอีกต่อไปและลงมาจากด้านบนทันที “เจ้าจะหนีไปไหนได้...”
กลิ่นอายขอบเขตชีวาเร้นลับของนางปะทุขึ้นทันที ทันใดนั้นผู้คนโดยรอบก็ตกตะลึงอีกครั้ง ใครจะไปคิดว่าสตรีที่ยั่วยวนคนนี้เป็นยอดฝีมือขอบเขตชีวาเร้นลับเช่นกัน
“ท่านอาจารย์...”
สิ่งนี้ทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในความโกลาหลทันที ท่ามกลางความโกลาหลผู้อาวุโสสองคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเย่ชิวได้ใช้ประโยชน์จากความโกลาหลเพื่อนําหลินเฟิงออกไป
เย่ชิวไม่ได้ไล่ตามพวกเขาไป เขาหันไปมองหลินชิงจู้และกล่าวว่า “รออยู่ที่นี่และอย่าหนีไปไหน ประเดี๋ยวข้าจะกลับมา”
“เจ้าค่ะ...” หลินชิงจู้ไม่กล้าขยับตัวและเดินตามหลังหลิวรู่หยานเท่านั้น เหตุการณ์ตอนนี้วุ่นวายเกินไป หากพวกเขาประมาทพวกเขาอาจจะถูกโจมตี ในฐานะผู้ฝึกตนที่อ่อนแอพวกเขาทำได้เพียงเกาะกลุ่มกันไว้เท่านั้น
เมื่อเห็นเป้าหมาย เย่ชิวก็มุ่งตรงไปยังวานรยักษ์
“โฮก...” วานรยักษ์เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวหลังจากถูกล้อมรอบ เสียงคำรามของมันทำให้อักขระบนกระดูกของมันปรากฏขึ้นมาก
“ฮ่าฮ่า กระดูกล้ำค่าชิ้นนี้เป็นของข้า...” ชายชราคนหนึ่งในชุดคลุมเต๋าสีเทาหัวเราะเสียงดังขณะที่เขาดึงกระบี่สีเลือดและฟาดไปยังวานรยักษ์
บุคคลนี้เป็นผู้อาวุโสจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาเซียน ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในขอบเขตชีวาเร้นลับและยังรู้จักหมิงเยว่อีกด้วย
หมิงเยว่ก็ชักฝ่ามือกลับโดยไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก พลังป้องกันของวานรยักษ์นั้นน่าอัศจรรย์ใจเกินไป
“บัดซบ! เราไม่สามารถปล่อยให้ชายชราคนนี้เอากระดูกไปได้!” หมิงเยว่รู้สึกกังวล นางหันหลังกลับและเห็นว่าเย่ชิวได้มาถึงแล้ว
ขณะที่นางกําลังจะพูดอะไรบางอย่าง เย่ชิวก็เดินขึ้นไป
“ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีความสามารถพอที่จะเอากระดูกอันล้ำค่านี้ไปได้!” เย่ชิวเยาะเย้ยและขยับมือขวาเล็กน้อย ปราณกระบี่ได้ควบแน่นขึ้นในมือของเขาและเฉือนไปยังวานรยักษ์
“ไม่ดีแล้ว! หยุดเขาไว้...”
หลี่ชางกงตกใจและตะโกนทันทีเมื่อเขาเห็นว่าเย่ชิวกำลังใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อโจมตีเมื่อวานรยักษ์และกำลังพยายามแย่งชิงกระดูกสมบัติในตัววานรออกไป
ทันใดนั้นก็มีคนโจมตีเขาจากด้านข้าง แต่เย่ชิวสามารถหลบการโจมตีได้ ทำให้กระบี่ของเขากระแทกวานรยักษ์อย่างแม่นยํา
“โฮก...” วานรยักษ์ปล่อยเสียงคํารามที่โกรธเกรี้ยวภายใต้ความเจ็บปวด ความแข็งแกร่งของมันลดลงอย่างต่อเนื่องและเลือดก็ได้พุ่งออกมาราวกับน้ำพุ
เมื่อเห็นว่าวานรยักษ์ได้รับบาดเจ็บสาหัสทุกคนไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ต่างลงมือทันที หวังแย่งชิงกระดูกอันล้ำค่าไป ทว่าไม่คาดคิดว่าเย่ชิวได้แทงกระบี่ของเขาเข้าไปในร่างของวานรยักษ์อย่างเงียบ ๆ และดึงกระดูกสมบัติกลับมา
“บัดซบ...” หลี่ชางกงสาปแช่งและสายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาต้องการแอบโจมตีเย่ชิวในทีเผลอ ทว่าหมิงเยว่ได้สกัดเขาไว้ก่อนแล้ว
“สองคนนี้...” หลี่ชางกงเข้าใจทันทีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำการโจมตีทีเผลออีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นจากกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่เย่ชิวเพิ่งปลดปล่อยออกมา ความแข็งแกร่งของเย่ชิวอยู่เหนือตัวเขาเอง หากเกิดการต่อสู้ เขาจะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมแพ้