บทที่ 55 พบอันซินฮุ่ยครั้งแรก
เสียงของใครบางคนที่พูดขึ้นมากะทันหันทำให้ซุนม่อและอีกสองคนหันไปมอง
ภายใต้แสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังอัสดงค์อันซินฮุ่ยยืนอยู่ในป่า ลมกลางคืนพัดมาจากทะเลสาบทำให้มุมเสื้อคลุมของนางพลิ้วไหว
เนื่องจากความเหนื่อยล้ามากเกินไปผิวของอันซินฮุ่ยจึงซีดและรูปร่างของนางก็ผอมลงเล็กน้อยอย่างไรก็ตามสายตาของนางเฉียบคมเหมือนเคย
ซุนม่อยิ้มนี่คือรูปลักษณ์ของสตรีที่ประสบความสำเร็จในอาชีพ
ประกายคมชัดในดวงตาของอันซินฮุ่ยวูบวาบและหายไปหลังจากนั้นนัยน์ตากลมโตของนางที่มีเฉดสีขาวและดำก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน นางแสดงความสามารถในการเข้าถึงโดยอัตโนมัติทำให้คนที่มองนางรู้สึกประทับใจในตัวนางอย่างมาก
ปฏิกิริยาแรกของลู่จื่อรั่วเมื่อนางเห็นเยี่ยหลงป๋อคือความกลัวและความเคารพ และตอนนี้เมื่อนางเห็นอันซินฮุ่ยก็เป็นหนึ่งในความเป็นมิตรนางรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนบ้านที่แก่กว่าซึ่งกำลังยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน และถามนางว่าอยากกินขนมสับปะรดด้วยกันไหม!
“มีระดับจริงๆ!”
ซุนม่ออดยกย่องไม่ได้
อันซินฮุ่ยเป็นคนงดงามและนางไม่จำเป็นต้องมีทักษะการแสดงเพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง ตราบใดที่เธอเป็นแจกันดอกไม้ผู้ชายหลายคนก็เต็มใจที่จะจ่ายค่าตั๋วและไปดูหนังที่โรงหนังและพวกเขาก็ลังเลที่จะออกจากโรงเพราะกลัวพลาดฉากใดฉากหนึ่งไปอย่างรวดเร็ว
ท่าทางของนางยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีกท่าทางแบบนั้นจะทำให้ทุกคนมองข้ามความงามของนางและสังเกตอารมณ์ของนางแทน
พูดง่ายๆ รัศมีของอันซินฮุ่ยนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก
ต้องรู้ว่าเยี่ยหลงป๋อเป็นมหาคุรุ4 ดาวและรัศมีของเขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน แต่เมื่ออันซินฮุ่ยปรากฏตัวมันก็เหมือนกับเสียงของแขกที่ครอบงำเสียงของเจ้าบ้าน มันทำให้ทุกคนสนใจนางเพียงคนเดียวโดยไม่ได้ตั้งใจ
อันซินฮุ่ยไม่ได้พูดอีกต่อไปนางมองไปที่ซุนม่อ สำรวจคนรักในวัยเยาว์ของนางซึ่งนางไม่ได้พบเจอมาหลายปีแล้ว
เขาสูงกว่ามากอาจเป็นเพราะเขาเพิ่งเรียนจบ แต่นางก็ยังเห็นใบหน้าที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวอยู่นิ้วของเขาเรียวและเล็บก็สะอาด เขาสวมชุดคลุมสีฟ้าอ่อนสำหรับครูฝึกสอนและไม่มีรอยยับใดๆ มองดูก็รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ใส่ใจในรายละเอียด
“อาจารย์ใหญ่อัน!”
ซุนม่อพูดริมฝีปากของเขาขดอย่างแผ่วเบาราวกับแสงรัศมีที่สดใสราวกับแสงแดดเปล่งประกายออกมาในทันที
“อาเขาต้องฝึกยิ้มนี้มา 6 เดือนหรือมากกว่านั้นแน่!”
อันซินฮุ่ยเดา นางควบคุมมันไม่ได้และรู้สึกเหมือนกำลังหัวเราะแต่สีหน้าของนางไม่เปลี่ยน
เยี่ยหลงป๋อคุ้นเคยกับอันซินฮุ่ยเป็นธรรมดาดังนั้นคิ้วของเขาจึงเริ่มขมวด
ไม่มีวิธีแก้ปัญหานี้เมื่อพูดถึงการแย่งชิงคนที่มีความสามารถ มหาคุรุผู้งดงามย่อมได้เปรียบโดยธรรมชาตินอกจากนี้ อันซินฮุ่ยยังมีชื่อเสียงอย่างมากและมีรัศมีแห่งความรุ่งโรจน์หลายประการ
นอกจากระดับมหาคุรุของนางที่ด้อยกว่าเขาและสถาบันจงโจวได้ตกต่ำและมีคุณสมบัติไม่เพียงพออันซินฮุ่ยไม่มีข้อบกพร่องอื่นๆ
“ข้าหวังว่าซุนม่อจะไม่ใช่คนผิวเผินที่ไม่ยอมจากไปเพียงเพราะหญิงงาม”
เยี่ยหลงป๋อพึมพำกับตัวเองหลังจากนั้นเขาก็ก้าวออกไปและเริ่มโจมตี “อาจารย์ใหญ่อันเกียจคร้านมาก ทำไมเจ้าไม่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ร่วมกับพวกเราล่ะ”
คำพูดของเยี่ยหลงป๋อฟังดูผ่อนคลายแต่ถ้าคำตอบของอันซินฮุ่ยนั้นไม่ระมัดระวัง นางคงแสดงภาพลักษณ์เชิงลบที่นางไม่จริงจังกับงานของนางต้องรู้ว่าวันนี้ยังคงเป็นงานพบปะนักศึกษา คนที่ยุ่งที่สุดควรเป็นอาจารย์ใหญ่
“ครูของข้ากำลังจะถูกไล่ล่าดึงตัวข้าต้องมาหยุดยั้งเป็นธรรมดา!”
ถึงกระนั้นอันซินฮุ่ยคร้านเกินกว่าจะเผชิญหน้ากันด้วยคำพูด และนางตรงเข้าประเด็นทันที
เยี่ยหลงป๋อขมวดคิ้วอันซินฮุ่ยเป็นเหมือนข่าวลือจริงๆ นางไม่ง่ายเลยที่จะรับมือไม่น่าแปลกใจที่อาจารย์ใหญ่เฉาแห่งสถาบันว่านเต้าถึงกับต้องจ้างเขา
ตามที่อาจารย์ใหญ่เฉากล่าวไว้ถ้าไม่ใช่เพราะอันซินฮุ่ยเข้ารับตำแหน่งสถาบันจงโจว สถาบันแห่งนี้คงถูกถอดออกจากรายชื่อไปนานแล้วเนื่องจากการข่มของเขาและต้องหายสาบสูญไปในประวัติศาสตร์
“ฮ่าฮ่าสถาบันจงโจวตกต่ำไปแล้ว พวกเจ้าอยู่ในอันดับท้ายๆ ของกลุ่มสถาบันชั้น 4 หลังจบการแข่งขันลีกปีนี้ ถ้าพวกเจ้ายังอยู่อันดับท้ายๆสถาบันของเจ้าจะถูกลบออกจากรายการโดยตรงแทนที่จะปล่อยให้อาจารย์ซุนเสียความสามารถที่นี่ ทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้เขาตามข้าไปที่สถาบันว่านเต้าสร้างสวรรค์และโลกใหม่ที่นั่นล่ะ”
เยี่ยหลงป๋อ ตอบโต้ในเวลาเดียวกัน เขาก็เหลือบมองซุนม่อ
คำพูดของอันซินฮุ่ยไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่ก็ตามได้แสดงความให้เกียรติอย่างสูงต่อซุนม่อและการยอมรับที่นางมีต่อเขา ถ้าเป็นบุรุษคนอื่นที่นี่แทนที่จะเป็นซุนม่อคนๆ นั้นจะรู้สึกภูมิใจและพอใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดเขาได้รับความนับถืออย่างสูงจากอาจารย์ใหญ่คนสวย
อย่างไรก็ตาม เยี่ยหลงป๋อค้นพบว่าสีหน้าของซุนม่อนั้นสงบมากจนราวกับว่าพวกเขาเป็นยัยป้าในโรงอาหารที่ถามเขาว่าเขาต้องการอะไรเป็นอาหารเช้าไม่มีความแปรปรวนเลย
ริมฝีปากของซุนม่อกระตุกคำพูดของเยี่ยหลงป๋อเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างแท้จริง
“อันดับล่างสุด?ถูกลบออกจากรายการ? ท่านในฐานะมหาคุรุ 4ดาวและเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแวดวงมหาคุรุ ท่านไม่ต้องการไปสถาบันชั้น'1' หรือหนึ่งในเก้าสถาบันยอดเยี่ยมใช่ไหม?ท่านถูกอาจารย์ใหญ่เฉาดึงตัวมาเพื่อจัดการกับสถาบันจงโจวของข้าไม่ใช่หรือ?”
อันซินฮุ่ยโต้กลับประชดประชัน
“ฮ่าฮ่า อาจารย์ใหญ่อัน เจ้าประเมินสถาบันจงโจวของเจ้าสูงเกินไปแล้ว”
เยี่ยหลงป๋อหัวเราะลั่นแม้ว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมรับ
“เมื่อพูดถึงการสร้างสวรรค์และโลกใหม่ข้าจำได้ว่าความปรารถนาสูงสุดของอาจารย์ใหญ่เฉา คือการยกระดับสถาบันว่านเต้า เพิ่มไปเป็นระดับ'1' ส่วนสถาบันจงโจวของข้า ความปรารถนาสูงสุดของเราคือกลับไปสู่ระดับเก้าสถาบันยิ่งใหญ่”
อันซินฮุ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยความมั่นใจ“มีอะไรเป็นตำนานมากไปกว่าการเป็นผู้นำสถาบันที่ตกต่ำการกลับเข้าสู่อันดับเก้าสถาบันยิ่งใหญ่?”
“น่าทึ่งจริงๆ!”
เยี่ยหลงป๋อยกย่องอย่างเงียบๆทักษะการโต้วาทีของอันซินฮุ่ยนั้นยอดเยี่ยมมาก นอกจากนี้เมื่อนางพูด ประเด็นของนางก็ชัดเจนและจัดวางอย่างเหมาะสมนางเปลี่ยนหัวข้ออย่างเป็นธรรมชาติไปยังพื้นที่ที่เป็นประโยชน์สำหรับนาง
“ถ้าซุนม่อสามารถบรรลุจุดนี้ได้เขาจะทิ้งร่องรอยไว้ในประวัติศาสตร์ของวงการมหาคุรุอย่างที่ยากจะลบเลือนแน่นอนรูปปั้นของเขาจะถูกตั้งตระหง่านในโรงเรียนและเขาจะเป็นที่เคารพนับถือของนักเรียนจากรุ่นสู่รุ่นนับไม่ถ้วน
อันซินฮุ่ยกล่าว
“เป็นความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่มากแต่ข้อกำหนดเบื้องต้นคือต้องทำให้สำเร็จให้ได้!”
เยี่ยหลงป๋อเยาะเย้ยเขาไม่กล้าคิดเรื่องแบบนี้
"โอ้? ท่านกำลังพูดว่าท่านไม่เชื่อในซุนม่อ?”
อันซินฮุ่ยพบช่องโหว่ทันทีและเริ่มโจมตี
“เอ๊ะ!”
เยี่ยหลงป๋อเริ่มคิดเงียบๆว่าสิ่งต่างๆ ดูไม่ดี อย่างไรก็ตาม ไม่ง่ายเลยที่เขาจะรับมือ เขาเปลี่ยนหัวข้อ“อาจารย์ซุน ตราบใดที่เจ้าเต็มใจเข้าร่วมกลุ่มของข้า เจ้าจะได้รับทรัพยากรจำนวนมากก่อนอื่นมาพูดถึงเงินเดือนกันก่อน ไม่ว่าอาจารย์ใหญ่อันจะเสนอให้เท่าไรข้าจะให้เป็นสามเท่า”
หลังจากคำพูดของเขาดังขึ้นอันซินฮุ่ยก็รู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นแรง
นับประสาอะไรกับมหาคุรุสำหรับคนธรรมดาที่ทำงาน เป็นเพราะเหตุผลสองประการ อย่างแรกเกิดจากความฝันและความทะเยอทะยานอย่างที่สองคือการหารายได้มหาศาล
ตอนนี้เยี่ยหลงป๋อไม่ได้แค่พูดถึงความทะเยอทะยานแต่เขาเต็มใจที่จะจ่ายเงินจำนวนมากเช่นกัน มันยากมากสำหรับอันซินฮุ่ยที่จะจัดการกับสิ่งนี้!
“สามเท่าของเงินเดือน?ท่านเห็นค่าเขาจริงๆเหรอ?”
อันซินฮุ่ยไม่มีทางเทียบราคาได้นางยากจนมาก
“ฮ่าฮ่านั่นเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับคนที่ข้าเยี่ยหลงป๋อนับถืออย่างสูงเขามีค่าจำนวนนี้อย่างแน่นอนทำไมอาจารย์ใหญ่อันไม่ทำตามบ้างเล่า?”
เยี่ยหลงป๋อ ยังคงผลักดัน
นี่คือความมั่นใจของเขาแม้ว่าอันซินฮุ่ยจะเป็นอาจารย์ใหญ่ แม้ว่าสถาบันจงโจวจะไม่มีการต่อสู้และนางเป็นคนเดียวที่รับผิดชอบแต่นางก็ไม่กล้าที่จะเพิ่มเงินเดือนของซุนม่ออย่างเลินเล่อ ถ้าไม่อย่างนั้นครูท่านอื่นจะคิดอย่างไร?
เพิ่มเงินเดือน?
ถ้าท่านไม่เพิ่มเงินข้าจะไป สำหรับครูเงินเดือนไม่ใช่แค่เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวเท่านั้นแต่ยังเป็นการยกย่องและให้เกียรติอีกด้วย
“อาจารย์เยี่ย! ท่านได้พูดไปแล้วว่าตำแหน่งปัจจุบันของท่านคือหัวหน้าอำนวยการเป็นไปได้อย่างไรที่ท่านมีอำนาจยิ่งใหญ่เช่นนี้?”
อันซินฮุ่ยสงสัย
“ฮ่าฮ่า เจ้าเป็นอาจารย์ใหญ่เจ้าควรรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่สถาบันจะมีความยืดหยุ่น อย่างไรก็ตามอาจารย์ใหญ่เฉาได้จัดการผู้ไม่เห็นด้วยแล้ว ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ข้าจะกลายเป็นรองอาจารย์ใหญ่และมีเงินทุนส่วนหนึ่งที่สามารถจัดสรรได้ตามความประสงค์ของข้า”
เยี่ยหลงป๋อมองไปที่อันซินฮุ่ยขณะที่คิดว่านางยังเด็กเกินไป
อันซินฮุ่ยตกอยู่ในความเงียบนางรู้สึกกดดันอย่างมาก ถูกแล้ว ถ้าอาจารย์ใหญ่เฉาต้องการที่จะตามดึงมหาคุรุ 4 ดาวเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลอย่างแน่นอน ถ้าไม่งั้น ทำไมเยี่ยหลงป๋อ – คนที่มีทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับเขา – เข้าร่วมสถาบันว่านเต้า?
“ว้าว นี่อะไรกัน?พวกเขากำลังแย่งชิงอาจารย์?”
ลู่จื่อรั่วที่กำลังเฝ้าดูอยู่ด้านข้างรู้สึกประหม่ามากจนมือน้อยๆของนางดึงเสื้อของนาง ฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ คนหนึ่งเป็นมหาคุรุ 4 ดาวอีกคนเป็นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันจงโจว บุคคลหลักสองคนนี้กำลังแย่งชิงอาจารย์ซุนอยู่เหรอ?”
ลู่จื่อรั่วจ้องไปที่ซุนม่อด้วยดวงตาที่เทิดทูนบูชา
อาจารย์ซุน ท่านยอดเยี่ยมมาก!
ติง!
คะแนนความประทับใจจากลู่จื่อรั่ว+30
คะแนนเชื่อมสัมพันธ์กับลู่จื่อรั่วมิตรภาพ (173/1,000)
(เฮ้ย อยากเป็นแฟนข้าเหรอ?)
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือนของระบบซุนม่อก็ยื่นมือออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจและลูบที่หัวของลู่จื่อรั่ว
อา!
ลู่จื่อรั่วเอนศีรษะไปด้านข้างทันทีดวงตาของนางหรี่ลงราวกับนางเป็นแมวเชื่องที่กำลังเพลิดเพลินกับการลูบไล้ของซุนม่อ
“อาจารย์ซุนปัจจุบันสถาบันจงโจวถูกปิดล้อมด้วยปัญหาภายในและภายนอก จางฮั่นฟูและหวังซู่ไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมันด้วยความสัมพันธ์ของเจ้าในฐานะคู่หมั้นของ อันซินฮุ่ย พวกเขาจะกดขี่เจ้าอย่างแน่นอนแม้ว่าเจ้าจะเต็มไปด้วยพรสวรรค์ อย่าคิดแม้แต่จะแสดงมันออกมาทำไมไม่เข้าร่วมกลุ่มของข้า? มาสร้างกลุ่มมหาคุรุอันดับหนึ่งภายใต้หล้าด้วยกันเถอ”
เยี่ยหลงป๋อเหยียดมือขวาออกเขามองซุนม่อด้วยสายตาที่จริงใจ
อันซินฮุ่ยทำได้เพียงเงียบคำพูดของเยี่ยหลงป๋อเป็นความจริงทั้งหมด เขายังพิจารณาแง่มุมของ 'ความทะเยอทะยาน' และ 'เงินเดือน'ของซุนม่อด้วย นี่เป็นข้อเสนอที่จริงใจอย่างยิ่ง
ถ้าเป็นครูคนอื่นๆพวกเขาอาจจะรู้สึกขอบคุณมากจนกระทั่งขอบคุณเขาทั้งน้ำตา พูดคำขอบคุณมากมายราวกับต้องการสละชีวิตให้ก็ยังได้
อย่างไรก็ตามอันซินฮุ่ยเป็นคนที่มีจิตใจสะอาดและบริสุทธิ์นางจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้อย่างไร? นางไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาของนางมองไปทางซุนม่อ
มีความหวังความกังวลใจ และร่องรอยของความสงสารอยู่ในนั้นการจ้องมองนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นความปรารถนาที่จะให้บุรุษทุกคนปกป้อง
“โอ้! อันซินฮุ่ยเจ้าใช้ท่านี้จริงๆ!”
เยี่ยหลงป๋อโกรธมากจนแทบจะกระอักเลือดออกมาอย่างไรก็ตาม เขายังคงไว้ซึ่งความสง่างามของมหาคุรุ เขาไม่อาจโต้เถียงกับผู้หญิงเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ใช่ไหม?ไม่ว่าในกรณีใด แม้ว่าเขาต้องการจะโต้แย้ง แต่เขาก็ไม่มีทางแก้ไขได้เขาไม่สามารถใช้การจ้องมองแบบเดียวกันมองซุนม่อได้
เฮ้ เขาโกรธมากจริงๆถ้าเขารู้ว่าเขาจะวิ่งไปเข้าทางอันซินฮุ่ย วันนี้เขาจะดึงครูที่งดงามสองสามคนมาช่วยเขาด้วยมีครูที่เป็นหญิงงามมากมาย เขาไม่เชื่อว่าชายหนุ่มที่แข็งแรงอย่างซุนม่อจะทนต่อข้อเสนอเย้ายวนของเขาได้
ลู่จื่อรั่วรู้สึกประหม่ามากขึ้นไม่ว่าอาจารย์ของนางจะไปไหน นางก็จะตามเขาไปตลอดทางอย่างแน่นอน
ซุนม่อเหลือบมองที่มือของเยี่ยหลงป๋อหลังจากนั้นเขาเหวี่ยงมือแล้วกระแทกพื้นก่อนจะเริ่มปรบมือ
“พี่เยี่ย! ข้าขอขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน อย่างไรก็ตาม ข้ามีข้อบกพร่องเมื่อใดก็ตามที่ข้าประสบความสูญเสีย ข้าต้องได้รับทุนคืนจากที่นั่นอย่างแน่นอนมีคนมากมายที่นี่ที่เรียกข้าว่าไอ้หนุ่มข้าวนุ่ม ถ้าท่านเป็นข้า ท่านจะจัดการกับมันอย่างไร”
ซุนม่อยิ้มขณะที่เขาถาม
“เจ้าจะจัดการกับมันอย่างไร?”
เยี่ยหลงป๋อถามกลับ
“ข้าจะยึดชามข้าวของพวกเขาทั้งหมดอย่างแน่นอนและทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่มีข้าวกิน!” ซุนม่อยิ้มสายตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจขณะที่เขามองไปที่ เยี่ยหลงป๋อ “ข้ารู้สึกเสียใจต่อพี่เยี่ยที่ชื่นชมและเมตตาข้า”
ซุนม่อขอโทษอย่างจริงใจนี่เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงความให้เกียรติอย่างสูงที่ เยี่ยหลงป๋อมีต่อเขา ทำให้เขานึกถึงครูใหญ่คนเก่าของเขาในโลกที่แล้วซึ่งเห็นคุณค่าของตัวเขาเองและเลือกจ้างเขาช่วยปัดเป่าความกดดัน ปล่อยให้เขาเป็นครูผู้ดูแล และปล่อยให้เขาแสดงสติปัญญาเต็มที่
“อย่าว่าแต่นี่เป็นเพียงโอกาสสำหรับบางคนพวกเขาคงไม่มีโอกาสเช่นนั้นไปตลอดชีวิต”
บันทึก:
การเป็นแจกัน =แค่ต้องสวยไม่ต้องทำอะไร