872 - นิกายตระกูลฉิน
872 - นิกายตระกูลฉิน
เย่ฟ่านระมัดระวังตัวมากและเฝ้าสังเกตอยู่หลายวัน ยกเว้นสาขาทางใต้ที่หลี่เสี่ยวม่านอยู่ อีกฝั่งตะวันออก ตะวันตก และทิศเหนือก็มียอดฝีมือระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
ประมุขของยอดเขาและแต่ละคนจะมีศิษย์หนึ่งหรือสองคนซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่ขอบเขตแปลงมังกรทั้งสิ้น
นี่มันเกินสามัญสำนึกทั่วไปแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ด้วยทรัพยากรที่จำกัดจำเขี่ยพวกเขาจะฝึกฝนศิษย์ให้อยู่ในอาณาจักรแปลงมังกรได้อย่างไร?
ในที่สุด เขาก็เข้าใกล้ยอดหลักที่อยู่ตรงกลางอย่างเงียบๆ เพื่อต้องการเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนิกาย
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะถูกเรียกว่ายอดเขาหลัก แต่จริงๆ แล้วมันมีความสูงเพียงไม่กี่วา มันสูงกว่าภูเขาเตี้ยๆ ที่อยู่รายรอบราวสองหรือสามร้อยวาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเพียงกวาดตามองไม่กี่ครั้งเย่ฟ่านก็สามารถเห็นถึงความร่มรื่นและเป็นธรรมชาติที่สุดของสถานที่แห่งนี้ได้
ไม่นานหลังจากนั้น หัวใจของเย่ฟ่านก็เต้นแรง เขาพบปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์นั่งสมาธิอยู่หน้าภูเขาโดยไม่ขยับเขยื้อนและเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อสำรวจยอดเขาแห่งนี้
“นี่เป็นนิกายที่เสื่อมโทรมจริงๆ หรือ? ทันทีที่ขึ้นมาบนภูเขาข้าก็ได้พบปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว!” เขาประหลาดใจ
เย่ฟ่านไม่ได้เข้าไปใกล้กว่านี้ ตัวตนหล่านี้มีความรู้สึกพิเศษทางจิตวิญญาณ และหากเขาไม่ระวังอาจถูกตรวจพบได้ทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะทะเลสาบสีทองระหว่างคิ้วของเขาที่ได้รับการชำระวิญญาณจากสายฟ้าแห่งสวรรค์และทำให้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่เป็นรองผู้สูงสุดเขาก็อาจจะถูกพบตัวตั้งแต่แรก
“นี่คือนิกายลับที่ซ่อนตัวจากโลก!”
ตอนนี้เขาสามารถยืนยันได้ว่านิกายที่ดูเหมือนจะเสื่อมโทรมนี้มีความพิเศษมากและมีความลึกลับน่าค้นหาอย่างแท้จริง แม้ว่าจะไม่ใช่ของตระกูลไช่แต่ก็ควรจะมีบางสิ่งบางอย่างซุกซ่อนอยู่แน่นอน
ในอีกไม่กี่วันต่อมาเย่ฟ่านได้ตรวจสอบบันทึกของมณฑลและแคว้นในพื้นที่นี้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น และพบว่าในอดีตตระกูลไช่เคยปกครองพื้นที่แห่งนี้จริงๆ
อย่างไรก็ตามคนตระกูลนี้ได้อพยพไปจากที่นี่นับหมื่นปีแล้วโดยไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาย้ายไปที่ไหน
“นี่คือบ้านเดิมของตระกูลไช่…”
ในสมัยโบราณมีตระกูลใหญ่เพียงแซ่เดียวนั่นคือตระกูลไช่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างตระกูลนี้จึงย้ายออกไปเมื่อสามหมื่นปีก่อนและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“สามหมื่นปีที่แล้ว มันเป็นยุคเดียวกันกับตอนที่จักรพรรดิชิงสำเร็จเต๋าและกลายเป็นจักรพรรดิโบราณหรือไม่?”
“คนตระกูลฉินก็คือคนตระกูลไช่ พวกเขากลับมาที่บ้านเกิดและเปลี่ยนชื่อแซ่ของตัวเอง อย่างไรก็ตามจักรพรรดิชิงสิ้นพระชนม์เมื่อหมื่นปีก่อน แล้วเหตุใดพวกเขาจึงไม่กลับไปใช้แซ่ไช่ พวกเขากลัวอะไร?”
“บางทีอาจจะเป็นเพราะสมบัติลับที่พวกเขาครอบครองอยู่ซึ่งอาจจะทำให้ผู้คนมากมายเกิดความโลภ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่คิดจะกลับไปใช้แซ่เดิมอีกต่อไป”
เย่ฟ่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าร่วมนิกายตระกูลฉินและค่อยๆ ค้นหาเก้าญาณวิเศษลึกลับ มิฉะนั้นญาณวิเศษลึกลับนี้จะต้องตกเป็นของฮั่วอวิ๋นเฟยเพียงผู้เดียว
ส่วนภูเขาทางใต้ที่หลี่เสี่ยวม่านอยู่ควรหลีกเลี่ยงซักพัก มิฉะนั้น หากนางพบเบาะแสใดๆ ผลที่ตามมาจะเลวร้ายมาก
หลายสาขาของนิกายห่างกันเพียงไม่กี่สิบลี้และต้องมีเวลามาพบกันสักวัน แต่ตราบใดที่เขาไม่แสดงใบหน้าเดิมออกไปก็ยากที่จะจะมีใครมองผ่านความเป็นจริงได้
เย่ฟ่านเลือกภูเขาแห่งหนึ่งในทิศตะวันออกของนิกายตระกูลฉิน และพบว่าบนภูเขาแห่งนี้ศิษย์ของสำนักต่างก็เลี้ยงดูเป็ดและห่านหลายร้อยตัว
เย่ฟ่านอดหัวเราะไม่ได้ ที่นี่มียอดฝีมือระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเขากลับเลี้ยงสัตว์ปีกหลายร้อยตัวเช่นเดียวกับผู้คนทั่วไป
เหตุผลที่เขาเลือกที่นี่ก็เพราะว่าภูเขาตะวันออกกำลังจะเปิดรับศิษย์กลุ่มใหม่ เมื่อมีโอกาสดีเช่นนี้เย่ฟ่านก็ไม่ลังเลที่จะจับปลาในน้ำขุ่น
“โกหว่าจื่อ เจ้าต้องฝึกฝนให้ดีหลังจากขึ้นไปบนภูเขาอย่าขโมยไข่อีก ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์มีอาจารย์แล้วเจ้าไม่สามารถทำให้อาจารย์ขายหน้าได้” นายพรานคนหนึ่งจ้องไปที่ลูกชายของเขา
เย่ฟ่านพูดไม่ออก มีเด็กขี้มูกโป่งสี่คนที่ขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับเขาล้วนเป็นเด็กน้อยจากหมู่บ้านที่อยู่ด้านล่างทั้งสิ้น
“นิกายลับนี้ไม่มีเหตุผลจริงๆ …” เขาได้แต่พึมพำกับตัวเอง
ในขณะเดียวกันเด็กขี้มูกโป่งอายุเพียงหกหรือเจ็ดขวบก็มองมาที่เขาอย่างสงสัยเช่นกัน เย่ฟ่านรู้สึกอึดอัดจริงๆ เขาและกลุ่มคนงี่เง่านี้กำลังจะเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันในอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้า
นอกจากเด็กน้อยขี้มูกโป่งสี่คนนี้แล้วยังมีบุคคลภายนอกอีกสองคนมาสมัครเป็นศิษย์ของสำนักนี้ด้วย
คนแรกเป็นเด็กอายุสิบขวบหน้าตาหล่อเหลาและท่าทางสง่างาม สีหน้าของเขามีความเย่อหยิ่งและเจ้าอารมณ์เล็กน้อย
อีกคนเป็นชายชราอายุมากกว่าห้าสิบปี มีผมบาง กระดูกเล็กเหมือนคนป่วย เคราของเขาเป็นสีขาว
แม้กระทั่งคนแก่เช่นนี้ก็คิดจะขึ้นเขาไปฝากตัวเป็นศิษย์ของสำนักเซียน?
นิกายตระกูลฉินไม่ได้ปฏิเสธลูกศิษย์และรับพวกเขาทุกคน เด็กน้อยขี้มูกโป่งสี่คน เย่ฟ่าน และสองคนที่พูดถึงก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันอย่างสมบูรณ์แล้ว
อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้เย่ฟ่านรู้สึกว่าชายชราที่เจ็บป่วยไม่แน่ว่าจะเป็นอย่างที่เห็นภายนอก เพราะแม้แต่ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ไม่สามารถมองทะลุคนคนนี้ได้
“นิกายที่ซ่อนเร้นนี้ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการถูกผู้คนค้นหาความลับอยู่เป็นประจำ พวกเขาตอบรับทุกคนที่ขึ้นเขามาเป็นศิษย์ นั่นแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างถึงที่สุดแล้ว”
นี่คือความรู้สึกที่แท้จริงของการอยู่บนภูเขาสองสามวัน
อันที่จริงชายชราคนนี้มีความแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เย่ฟ่านได้เห็นใครบางคนที่สามารถฝึกฝนอาณาจักรลับเพียงแห่งเดียวให้มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรแปลงมังกร!
นี่เป็นทักษะโบราณที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ในอดีตเมื่อครั้งที่สวรรค์และพิภพยังเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนที่เลือกเส้นทางนี้ล้วนมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เมื่อเข้ามาอยู่ในสำนักจริงๆ เย่ฟ่านก็ยิ่งตกตะลึงมากกว่าเดิม เพราะแม้ว่ายอดเขาแห่งนี้จะมีลูกศิษย์เพียงยี่สิบกว่าคน แต่ผู้คนเกือบทั้งหมดก็มีขอบเขตการฝึกฝนอยู่ในอาณาจักรสี่สุดขั้ว และสองในนั้นยังเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรแปลงมังกรอีกด้วย!
“นี่เป็นเรื่องที่ผิดปกติมากเกินไป แม้ว่านิกายแห่งนี้จะมีขนาดเล็กมาก แต่หากพูดกันด้านความแข็งแกร่งพวกเขาดูเหมือนจะไม่เป็นรองมหาอำนาจขนาดกลางของโลกภายนอกเลย”
“เจตนารมณ์ของคนส่วนใหญ่ที่มาฝากตัวเป็นศิษย์ของที่นี่ดูเหมือนจะเป็นเช่นเดียวกันกับข้า พวกเขาทุกคนล้วนมาที่นี่เพื่อเก้าญาณวิเศษลึกลับเท่านั้น”
หลังจากที่เย่ฟ่านเข้าใจอย่างละเอียด เขาก็เริ่มให้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักแห่งนี้ล้วนมาจากมหาอำนาจของโลกทั้งสิ้น
“บูม!”
ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นในระยะไกลพร้อมกับฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า ในเวลาต่อมาเด็กชายกลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับร้องไห้เสียงดัง
“พี่ใหญ่ ช่วยด้วย...”
“เป็นอะไรไปโกวจื่อ?” เย่ฟ่านถามด้วยรอยยิ้ม
“มีบางอย่างตกลงมาบนพื้น มันเป็นโลงศพสีแดงขนาดใหญ่…”
เด็กขี้มูกโป่งทั้งสี่ยังคงเล่นซนเหมือนเดิมแม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นศิษย์ของสำนักเซียนแล้วก็ตาม
ในวันนี้พวกเขานัดหมายกันไปขโมยไข่เป็ดบนเขาและพบเจอกับอะไรบางอย่างที่จะสั่นสะเทือนจิตใจของพวกเขาไปตลอดชีวิต
ผู้คนจำนวนมากบนภูเขาตื่นตระหนกและรีบไปที่นั่น พวกเขาทั้งหมดประหลาดใจอย่างยิ่งที่เห็นปากถ้ำอันใหญ่โตถูกเปิดขึ้นกลางยอดเขา และที่ด้านล่างของมันก็มีโลงศพสีแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่!
เย่ฟ่านอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ฉินหลิงมีสุสานโบราณมากมายไม่ใช่เรื่องแปลก แต่กลิ่นอายที่เขาสัมผัสได้นั้นมันดูลึกลับและเต็มไปด้วยความชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด
“คำนับอาจารย์ลุง..”
ก่อนที่ฝุ่นควันจะจางลงเงาร่างที่งดงามก็ลงมาจากท้องฟ้า ในที่สุดหลี่เสี่ยวม่านก็มาถึงฝั่งตะวันออกของนิกายตระกูลฉินที่เย่ฟ่านซ่อนตัวอยู่
“อาจารย์ของข้ากล่าวว่าถึงเวลาที่ศิษย์ของสำนักเราต้องออกไปฝึกฝนประสบการณ์แล้ว เรื่องนี้ขอให้อาจารย์ลุงเป็นคนจัดการด้วย”
หลี่เสี่ยวม่านทำความเคารพด้วยท่าทางที่งดงาม ชุดสีขาวบริสุทธิ์ของนางพลิ้วไหวตามกระแสลมและสร้างความลุ่มหลงให้กับผู้คนอย่างยิ่ง
“ข้าเข้าใจแล้ว” จ้าวหุบเขาตะวันออกพยักหน้า
ปฏิบัติการของพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับเก้าญาณวิเศษลึกลับหรือไม่หรือไม่? ทุกคนมีความคิดแบบเดียวกัน
เมื่อเร็วๆ นี้เเย่ฟ่านจับตาดูหลี่เสี่ยวม่านเป็นพิเศษ แต่เขาไม่เคยนางเห็นนางติดต่อกับบุคคลใดๆที่น่าสงสัย และเขาไม่สามารถหาที่อยู่ของฮั่วอวิ๋นเฟยได้
เขารู้สึกว่าฮั่วอวิ๋นเฟยต้องอยู่ในนิกายตระกูลฉินแต่เขาก็ไม่สามารถค้นหาร่องรอยของฝ่ายตรงข้ามเจอ ส่วนการจะแกะรอยจากหลี่เสี่ยวม่านก็ดูเหมือนจะไม่มีเบาะแสอะไรเช่นกัน
“กราบลาอาจารย์ลุง”
หลี่เสี่ยวม่านทำความเคารพ เสื้อคลุมของนางสะบัดเบาๆและโบยบินจากไปอย่างรวดเร็ว