871 - พบกันอีกครั้ง
871 - พบกันอีกครั้ง
เย่ฟ่านใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อค้นหาข้อมูลจากนิกายโบราณที่สำคัญสามแห่ง เขาใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลกว่าสองปีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านยังคงไม่ปักใจเชื่อข้อมูลนั้นและใช้เวลาขบคิดอีกเล็กน้อย
สิ่งเหล่านี้ยังห่างไกลจากความจริง โลกกว้างเกินไป และการรวมกันของข้อมูลนี้ไม่เพียงพอที่จะค้นหาว่าฮั่วอวิ๋นเฟยอยู่ที่ไหน
เมื่อเย่ฟ่านอยู่กับจักรพรรดิดำเขามีความเข้าใจโดยละเอียดเกี่ยวกับลักษณะต่างๆ ของทักษะอสูรกลืนสวรรค์ และเขารู้ปัญหาและความยากลำบากต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นระหว่างการฝึกฝน
ทักษะนี้มีเป็นทักษะต้องห้ามและไม่มีความปรองดองกับวิถีฟ้า มันมีมนต์ขลังของพลังแห่งความตายอย่างลึกล้ำ
เมื่อกลืนกินต้นกำเนิดของผู้อื่นจะทำให้สวรรค์เกิดความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด ดังนั้นหากพวกเขาต้องการหลีกเลี่ยงการลงโทษจากสวรรค์จะต้องปฏิบัติตามกฎโบราณหลายข้อ
หากไม่นับจักรพรรดิดำแม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงของราชวงศ์โบราณก็อาจไม่ทราบเกี่ยวกับเงื่อนไขเหล่านี้ รวมถึงยาที่เขาใช้ในการหลีกเลี่ยงหายนะ
เย่ฟ่านรู้ดีว่ายาเซียนทุกอย่างที่ฮั่วอวิ๋นเฟยใช้เพื่อข้ามผ่านหายนะนั้นมีความแปลกประหลาดอย่างยิ่ง หากมีการซื้อขายในระหว่างหลายปีนี้จะต้องมีร่องรอยให้สืบสาวอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นานเย่ฟ่านก็ได้รับข่าวที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ซื้อขายยา และนี่คือข่าวที่สำคัญที่สุดที่เขาได้รับในช่วงสองปีนี้
“เมื่อฝึกฝนวิชาอสูรกลืนสวรรค์เสร็จสิ้น แม้ในขั้นต้นเขาก็สามารถกลืนภูเขาและแม่น้ำขนาดใหญ่เข้าไปในหลุมดำเพื่อทำลายทุกสิ่งได้”
และจากสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากจักรพรรดิดำเย่ฟ่านก็เริ่มตรวจสอบว่าในภาคกลางนี้มีภูเขาหรือแม่น้ำใดหายสาบสูญไปหรือไม่
อย่างไรก็ตามแค่เพียงข่าวของเรื่องนี้เย่ฟ่านก็ได้ใช้ต้นกำเนิดสวรรค์ในการแลกเปลี่ยนเป็นจำนวนมาก และในที่สุดเขาก็ได้รับรูปภาพสิบแปดใบโดยอิงจากข้อมูลสิบแปดชุด
จากนั้นเขาก็เริ่มสรุป สังเคราะห์ และรวมสิบแปดแผนที่พร้อมทั้งคาดเดาว่าฮั่วอวิ๋นเฟยจะเดินทางไปที่ไหน
กลางดึกเย่ฟ่านนั่งที่โต๊ะของเขาและมองดูแผนที่โดยไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยความมั่นใจ
“ฮั่วอวิ๋นเฟย ข้ามาแล้ว!”
วันที่สอง เย่ฟ่านออกเดินสำรวจพื้นที่ทั้งห้าแห่งในภาพที่คิดว่าฮั่วอวิ๋นเฟยจะต้องอยู่ที่นั่นและเขาก็เริ่มไปเยือนสถานที่แต่ละแห่งทันที
นี่เป็นกระบวนการที่น่าเบื่อ เขาใช้เวลาหนึ่งเดือนและในที่สุดก็มาถึงทางตะวันตกของแคว้นภาคกลาง แต่ไม่ใช่นิกายนกสีชาดมันเป็นสถานที่ที่เรียกว่าภูเขาฉินหลิง
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เขาก็ค้นพบเบาะแสบางอย่างแต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งสุดท้ายได้
เทือกเขาฉินหลิงเป็นสถานที่ลึกลับ มีนิกายโบราณมากมาย ทุกนิกายมีพลังมหาศาล แต่พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลไช่และส่วนใหญ่ดำรงอยู่มาหลายพันปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม เย่ฟ่านพบร่องรอยของฮั่วอวิ๋นเฟยในบริเวณนี้ ซึ่งตรงกับภาพวาดสิบแปดแบบที่เขาได้รับมา
“ข้าเชื่อว่าเจ้าอยู่ในพื้นที่นี้ แต่เทือกเขาฉินหลิงนั้นกว้างใหญ่เกินไป ข้าทำได้แค่ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และจะสามารถหาเจ้าเจอได้อย่างแน่นอน”
ครึ่งเดือนต่อมาเย่ฟ่านผ่านสำนักฝึกตนเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในนั้นไม่มีเหมืองโบราณที่รวมรากจิตวิญญาณของบรรพบุรุษ แต่มีภูเขาเล็กๆ เพียงไม่กี่แห่งที่ไม่มีความงามเอาเสียเลย
ทันใดนั้น เขาเห็นร่างที่คุ้นเคยบนภูเขาเตี้ยๆ เดินมาพร้อมกับศิษย์หลายคนของนิกายที่เสื่อมโทรมนี้
“หลี่เสี่ยวม่าน…”
เพื่อนเก่าที่มาจากอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว พวกเขาไม่ได้เจอกันเกือบสามปี ในขณะนี้ความงามของนางสูงส่งมากกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ เสื้อผ้าสีขาวของนางสะบัดตามลมยามก้าวเดิน
เย่ฟ่านคิดว่าฮั่วอวิ๋นเฟยต้องอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน เขาพบที่ที่ถูกต้องแล้ว
“น่าจะมีเก้าญาณวิเศษลึกลับอยู่ที่นี่ด้วย ฮั่วอวิ๋นเฟยใช้เวลาเพียงสองปีกว่าเพื่อค้นหาเก้าญาณวิเศษลึกลับที่คนอื่นค้นหามาแปดพันปี คนผู้นี้มีความสามารถจริงๆ”
เก้าญาณวิเศษลึกลับอยู่ที่นี่จริงหรือ? เย่ฟ่านยืนอยู่ในระยะไกล มองไปที่หลี่เสี่ยวม่าน และคิดอย่างเงียบๆ
“นางได้กลายเป็นศิษย์ของที่นี่ด้วยความจงใจ บางทีนิกายที่มีสภาพทรุดโทรมแห่งนี้อาจจะไม่เป็นอย่างที่เห็นภายนอก...”
ภูเขาฉินหลิงมีรัศมีไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านลี้สามารถเรียกได้ว่ากว้างใหญ่และไร้ขอบเขต แต่เมื่อพูดกันแล้วมันเป็นเพียงมุมหนึ่งของส่วนตะวันตกของจงโจว
ที่นี่คือดินแดนโบราณลึกลับ ยากที่โลกภายนอกจะเข้าใจ มีหลายตำนานปรากฏขึ้นที่นี่ แต่ไม่ค่อยเป็นที่เปิดเผยของโลกภายนอก
บางคนบอกว่าครั้งหนึ่งเคยมีปราชญ์โบราณผู้อยู่ยงคงกระพันได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก แต่เมื่อเขามาถึงฉินหลิงเขากลับประสบความพ่ายแพ้ให้กับชายชราคนหนึ่ง
สิ่งที่คล้ายกันเกิดขึ้นเมื่อสองหมื่นปีที่แล้ว ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่แปดคนมาที่ฉินหลิงเพื่อค้นหาสิ่งลึกลับบางอย่าง และพวกเขาทั้งหมดล้วนถูกชาวประมงและชาวนาโยนลงไปในทะเลสาบโดยไม่สามารถปกป้องตัวเองได้
ดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนโบราณที่มีมรดกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นเรื่องลึกลับสำหรับบุคคลภายนอก มันปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกยากจะมองได้ชัดเจน
เทือกเขาฉินหลิงอยู่ห่างออกไปเป็นล้านลี้ มีภูเขาสูงต่ำปะปนกันอยู่ทุกหนทุกแห่งและมีสุสานโบราณอยู่ใต้ดินมากมาย มีคนเคยค้นพบหลุมฝังศพของผู้ยิ่งใหญ่โบราณสิบสองแห่งภายในเวลาไม่กี่ปี
บางคนบอกว่าที่แห่งนี้เป็นดินแดนอมตะที่มีใครบางคนสามารถสำเร็จเป็นเซียนได้
บางคนบอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เข้าใจยาก มีสุสานใต้ดินมากมาย และเชื่อว่ามีใครบางคนกำลังฝึกฝนตนเองเพื่อพิสูจน์เต๋าโดยตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์
มีเรื่องราวลึกลับมากเกินไปเกี่ยวกับภูเขาฉินหลิงและบางคนถึงกับบอกว่าแม้แต่จักรพรรดิชิงจากดินแดนรกร้างตะวันออกก็ยังเคยมาเยือนที่นี่ด้วยตัวเอง
“ฉินหลิง มีปรมาจารย์ที่ซ่อนอยู่มากมาย มีสุสานโบราณใต้ดินหลายแห่ง…”
นี่คือบทสรุปที่เย่ฟ่านมาถึงหลังจากที่เขามาที่นี่ชั่วขณะหนึ่ง และเขาก็ถอนหายใจเล็กน้อย
แม้ว่าเขาเห็นหลี่เสี่ยวม่านแต่ก็ไม่คิดจะไปทักทายนาง เย่ฟ่านยังคงสำรวจรอบๆ ดินแดนโบราณแห่งนี้ เฝ้าสังเกตอย่างเงียบๆ พยายามค้นหาที่อยู่ของฮั่วอวิ๋นเฟย
นิกายที่ล่มสลายได้ยึดครองเนินเขาเตี้ยๆ สี่แห่ง แต่ละเนินเขามีศิษย์ไม่ถึงยี่สิบคน เรียกได้ว่ามีสภาพน่าสังเวชอย่างยิ่ง และหลี่เสี่ยวม่านก็เป็นศิษย์บนเนินเขาเตี้ยๆ แห่งนี้เช่นกัน
เย่ฟ่านเฝ้าสังเกตพวกเขาอย่างระมัดระวังและเกิดความสงสัยเล็กน้อย ความแข็งแกร่งของบุคคลเหล่านี้แตกต่างมากเกินไป มันคล้ายกับว่าพวกเขาไม่ได้ก่อเกิดจากสำนักเดียวกันตั้งแต่แรก
“ไม่ถูกต้อง นิกายที่เสื่อมโทรมเช่นนี้จะมีปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร...”
นอกจากนี้ เขาพบว่าศิษย์สองหรือสามคนมีพลังมหาศาล และการฝึกฝนของพวกเขาได้ไปถึงแดนลับของอาณาจักรแปลงมังกรแล้ว
คนเหล่านี้กำลังซ่อนฐานการบ่มเพาะของตัวเองและเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะมองทะลุผ่านได้ มีเพียงคนแบบเย่ฟ่านที่ฝึกฝนดวงตาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจึงมองเห็นความเป็นจริงของพวกเขา
“ไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องมีเหตุผลบางอย่าง”
เย่ฟ่านยืนกรานและจะทำความเข้าใจทั้งหมดนี้อย่างละเอียด เขารู้ว่าชื่อนิกายที่ล่มสลายคือนิกายตระกูลฉินและที่นี่เป็นเพียงสาขาเดียวที่หลงเหลืออยู่
“ที่นี่มีแม้กระทั่งครึ่งเซียน..” เขารู้สึกเหลือเชื่อ
เมื่อรวมผู้คนทั้งหมดจากสี่ยอดเขานิกายตระกูลฉินก็มีศิษย์เพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น
ในพื้นที่ใกล้เคียงมีหมู่บ้านบนภูเขากระจัดกระจาย ทุกคนเป็นคนธรรมดาและเป็นเพื่อนบ้านกับนิกายตระกูลฉิน เด็กซุกซนบางคนมักจะไปที่ภูเขาลูกเล็กๆเพื่อเที่ยวเล่นและผู้ใหญ่มักจะปล่อยพวกเขาโดยไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร
นิกายที่ล่มสลายนี้มีผู้คนกว่าร้อยคนและไม่มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด มันดูหละหลวมมาก ดูไม่เหมือนนิกายลับที่ซ่อนอยู่เลย
“เก้าญาณวิเศษลึกลับอยู่ในนิกายนี้หรือ?”
ผู้นำนิการนนิกายตระกูลฉินเป็นคนแซ่ฉินไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคนตระกูลไช่ และดูไม่มีความเชื่อมโยงกันแม้แต่น้อย
สิ่งเดียวที่ทำให้คนสงสัยคือนิกายที่ดูเสื่อมโทรมนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี เมื่อเทียบกับโลกมนุษย์ไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปกี่ราชวงศ์แล้ว
ไม่มีใครจากหมู่บ้านใกล้เคียงนี้รู้ที่มาของนิกายตระกูลฉินว่ากำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด เพราะนิกายแห่งนี้ก็ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนที่บรรพบุรุษพวกเขาจะเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ด้วยซ้ำ
“คนตระกูลไช่ดูเหมือนจะไม่ใช่ผู้ก่อตั้งนิกายนี้ …”