ปัจฉิมบทที่1: ภัยร้ายที่มองไม่เห็น
[ณ โลกมนุษย์]
โฮกกกกกกกกกกกกก!
เสียงคำรามสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า.
ภายใต้แสงจันทร์นั้น, สัตว์ประหลาดสีขาวตัวใหญ่ที่มีรูตรงกลางอกพร้อมกับหน้ากากบนใบหน้ากำลังเคี้ยวเนื้ออย่างสบายใจ
*แคร่บ* *คร่อบ*
เสียงน่าสยดสยองของกระดูกที่กำลังถูกเคี้ยวดังออกมา.
ข้างๆที่ดูอยู่นั้นมียมทูตกำลังตัวสั่นอยู่.
เขารู้ดีว่าคงหนีไปไม่พ้นแน่. ไม่นานเขาก็จะกลายเป็นแบบเพื่อนเขาไป.
“อย่างน้อย, ระ-เราต้องเตือนพวกเขา”
แม้ว่าเขารู้ตัวว่ากำลังจะตาย เขาก็จะไม่การตายของตัวเองสูญเปล่า.
‘ฮอลโล่วพวกนี้ไม่ปกติแล้ว’
ฮอลโล่วพวกนี้สามารถซ่อนแรงดันวิญญาณได้ทำให้ยมทูตธรรมดาแบบพวกเขาจับไม่ได้เลย.
แต่ภัยร้ายนี้จะหายไปถ้าทางหน่วยใหญ่รู้.
เขารายงานทุกอย่างให้ผีเสื้อนรกของเขาแล้วมองมันบินจากไป.
“อย่างน้อย, เร-”
“จงพุ่งสังหาร! ชินโซ”
จู่ๆเขาก็ถูกลำแสงที่รวดเร็วพุ่งทะลุร่างไปโดยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น.
สิ่งสุดท้ายที่เขาพูดก่อนตายอย่างอนาถก็คือ “รองหัวหน้า อิจิมารุ...ทำไม?”
จากนั้นเขาก็ถูกฟันขาดเป็นสามส่วนด้วยลำแสงอันเดียวกันนั้นก่อนจะถูกฮอลโล่วกลืนกินไปจนไม่เหลือซาก.
---
ยมทูตสองคนยืนอยู่ห่างออกไปประมาณ1กิโลเมตร คนหนึ่งคือชายผมสีเงินที่มีรอยยิ้มของปีศาจ
“แหม, การทดลองของหัวหน้าเกือบจะถูกจับได้แล้วนะครับเนี่ย”
ในมือของเขานั้นคือดาบฟันวิญญาณที่ร่างปกติดูเหมือนมีดยาวมากกว่าดาบ.
สิ่งที่เขาเพิ่งใช้ไปก็คือชิไคของเขา, มันสามารถทำให้ดาบของเขายืดออกไปถึง1.5กิโลเมตรด้วยความเร็ว50เท่าของความเร็วเสียง.
ยมทูตธรรมดาไม่สามารถตั้งตัวได้ทันเลย.
“เห้อ, สงสัยจะได้ขอเพิ่มค่าแรงทำงานล่วงเวลาแล้วมั้งเนี่ย”
ถึงแม้เขาเพิ่งจะฆ่ายมทูตใต้การบัญชาของเขาในหน่วย5และมองอีกคนกำลังถูกกินไป เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจเลยซักนิด.
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้.
“เอาล่ะ แค่นี้น่าจะพอแล้วมั้ง. รีบกลับไปลบชื่อสองคนนั้นออกจากบัญชีดีกว่า”
ทุกครั้งที่ยมทูตไปทำภารกิจบนโลกมนุษย์ พวกเขาจะต้องส่งรายงานให้หัวหน้าเพื่อที่จะได้ไปส่งให้กับวังกลาง46ห้องอีกที.
แน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น. ยมทูตสองคนนั้นก็แค่ส่วนหนึ่งของกองซากศพที่หายไปทุกๆปี.
เขามองไปทางเมืองครั้งสุดท้ายก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆแล้วหันกลับเข้าประตูที่เพิ่งเปิดออกไป.
[ณ โรงเรียนชินโอ]
ในห้องทำงานที่โรงเรียนนั้น มีคนสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่.
คนหนึ่งเป็นชายหัวล้าน ส่วนคนหนึ่งเป็นชายผมสีดำดูหุ่นดีพร้อมกับรอยสัก69บนแก้มซ้าย.
“ฮิซากิ ชูเฮย์, เป็นยังไงบ้าง?”
“กระผมสบายดีมากๆครับอาจารย์. ขออภัยที่ล่วงเกิน แต่ทำไมท่านถึงอยากพบผมกลางดึกแบบนี้ล่ะครับ?”
“ฮ่าๆๆ! ยังเป็นคนตรงเหมือนเดิมเลยนะ. ข้าไม่รบกวนเจ้านานหรอก. เจ้ารู้ใช่ไหมว่าพรุ่งนี้นักเรียนในเทอมสองจะกลับมาแล้ว?”
“ครับท่าน”
“หลังจากที่พวกเขาได้รู้ธรรมเนียมมาบ้างแล้ว, ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้เรียนพิธีส่งวิญญาณบนโลกมนุษย์แล้ว. ตามธรรมเนียมแล้วนักเรียนที่เยี่ยมที่สุดจากปี6จะเป็นคนนำเด็กปีหนึ่งจากห้อง1ไป. เจ้า, คานิซาว่าและโอกะได้ถูกรับเลือกเป็นตัวแทน. แถมเจ้ายังได้เป็นหัวหน้าด้วยนะ. เจ้าจะยินดีรับหรือไม่?”
ตาของฮิซากิเบิกกว้างออกด้วยความตกใจ. การได้นำนักเรียนปีหนึ่งไปเรียนพิธีส่งวิญญาณนับว่าเป็นงานที่ไม่ได้อะไรตอบแทนเลย. แต่ความจริงแล้ว มันคือสิ่งที่พิสูจน์ว่าทางอาจารย์เชื่อมั่นในตัวพวกเขา.
เหตุนี้ เกียรติอันนี้จึงถูกแก่งแย่งกันเอาเป็นเอาตายในหมู่เด็กปี6ตลอดเวลา. คนที่ได้รับเลือกส่วนใหญ่มักจะเป็นคนมีฐานะมากกว่าคนที่มาจากรุคงไกแบบเขา.
วันหน้าหากเขาอยากจะเข้า13หน่วยพิทักษ์ เครดิตอันนี้ก็จะมีประโยชน์มากเลยทีเดียว.
ใครจะบ้าไม่รับล่ะ?
“ยินดีครับ!”
“เจ้าต้องระวังให้ดีล่ะ. การเป็นหัวหน้าก็หมายความว่าความรับผิดชอบทุกอย่างจะตกอยู่กับเจ้า แต่ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้านะ”
“ขอบพระคุณสำหรับคำชมมากๆครับ อาจารย์. ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ.”
เขาคำนับด้วยความซาบซึ้งและพยายามกลั้นใจไว้ไม่ให้แสดงความดีใจออกมามากนัก.
นี่คือโอกาสที่ดีสำหรับเขา. การส่งวิญญาณนั้นเป็นงานง่ายๆอยู่แล้ว.
คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก?