ตอนที่แล้วตอนที่12: สู่การเริ่มต้นใหม่ *แค่ก*
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13: ยามาโมโตะ เก็นริวไซ

ปัจฉิมบทที่1: ภัยร้ายที่มองไม่เห็น


[ณ โลกมนุษย์]

โฮกกกกกกกกกกกกก!

เสียงคำรามสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า.

ภายใต้แสงจันทร์นั้น, สัตว์ประหลาดสีขาวตัวใหญ่ที่มีรูตรงกลางอกพร้อมกับหน้ากากบนใบหน้ากำลังเคี้ยวเนื้ออย่างสบายใจ

*แคร่บ* *คร่อบ*

เสียงน่าสยดสยองของกระดูกที่กำลังถูกเคี้ยวดังออกมา.

ข้างๆที่ดูอยู่นั้นมียมทูตกำลังตัวสั่นอยู่.

เขารู้ดีว่าคงหนีไปไม่พ้นแน่. ไม่นานเขาก็จะกลายเป็นแบบเพื่อนเขาไป.

“อย่างน้อย, ระ-เราต้องเตือนพวกเขา”

แม้ว่าเขารู้ตัวว่ากำลังจะตาย เขาก็จะไม่การตายของตัวเองสูญเปล่า.

‘ฮอลโล่วพวกนี้ไม่ปกติแล้ว’

ฮอลโล่วพวกนี้สามารถซ่อนแรงดันวิญญาณได้ทำให้ยมทูตธรรมดาแบบพวกเขาจับไม่ได้เลย.

แต่ภัยร้ายนี้จะหายไปถ้าทางหน่วยใหญ่รู้.

เขารายงานทุกอย่างให้ผีเสื้อนรกของเขาแล้วมองมันบินจากไป.

“อย่างน้อย, เร-”

“จงพุ่งสังหาร! ชินโซ”

จู่ๆเขาก็ถูกลำแสงที่รวดเร็วพุ่งทะลุร่างไปโดยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น.

สิ่งสุดท้ายที่เขาพูดก่อนตายอย่างอนาถก็คือ “รองหัวหน้า อิจิมารุ...ทำไม?”

จากนั้นเขาก็ถูกฟันขาดเป็นสามส่วนด้วยลำแสงอันเดียวกันนั้นก่อนจะถูกฮอลโล่วกลืนกินไปจนไม่เหลือซาก.

---

ยมทูตสองคนยืนอยู่ห่างออกไปประมาณ1กิโลเมตร คนหนึ่งคือชายผมสีเงินที่มีรอยยิ้มของปีศาจ

“แหม, การทดลองของหัวหน้าเกือบจะถูกจับได้แล้วนะครับเนี่ย”

ในมือของเขานั้นคือดาบฟันวิญญาณที่ร่างปกติดูเหมือนมีดยาวมากกว่าดาบ.

สิ่งที่เขาเพิ่งใช้ไปก็คือชิไคของเขา, มันสามารถทำให้ดาบของเขายืดออกไปถึง1.5กิโลเมตรด้วยความเร็ว50เท่าของความเร็วเสียง.

ยมทูตธรรมดาไม่สามารถตั้งตัวได้ทันเลย.

“เห้อ, สงสัยจะได้ขอเพิ่มค่าแรงทำงานล่วงเวลาแล้วมั้งเนี่ย”

ถึงแม้เขาเพิ่งจะฆ่ายมทูตใต้การบัญชาของเขาในหน่วย5และมองอีกคนกำลังถูกกินไป เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจเลยซักนิด.

เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้.

“เอาล่ะ แค่นี้น่าจะพอแล้วมั้ง. รีบกลับไปลบชื่อสองคนนั้นออกจากบัญชีดีกว่า”

ทุกครั้งที่ยมทูตไปทำภารกิจบนโลกมนุษย์ พวกเขาจะต้องส่งรายงานให้หัวหน้าเพื่อที่จะได้ไปส่งให้กับวังกลาง46ห้องอีกที.

แน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น. ยมทูตสองคนนั้นก็แค่ส่วนหนึ่งของกองซากศพที่หายไปทุกๆปี.

เขามองไปทางเมืองครั้งสุดท้ายก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆแล้วหันกลับเข้าประตูที่เพิ่งเปิดออกไป.

[ณ โรงเรียนชินโอ]

ในห้องทำงานที่โรงเรียนนั้น มีคนสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่.

คนหนึ่งเป็นชายหัวล้าน ส่วนคนหนึ่งเป็นชายผมสีดำดูหุ่นดีพร้อมกับรอยสัก69บนแก้มซ้าย.

“ฮิซากิ ชูเฮย์, เป็นยังไงบ้าง?”

“กระผมสบายดีมากๆครับอาจารย์. ขออภัยที่ล่วงเกิน แต่ทำไมท่านถึงอยากพบผมกลางดึกแบบนี้ล่ะครับ?”

“ฮ่าๆๆ! ยังเป็นคนตรงเหมือนเดิมเลยนะ. ข้าไม่รบกวนเจ้านานหรอก. เจ้ารู้ใช่ไหมว่าพรุ่งนี้นักเรียนในเทอมสองจะกลับมาแล้ว?”

“ครับท่าน”

“หลังจากที่พวกเขาได้รู้ธรรมเนียมมาบ้างแล้ว, ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้เรียนพิธีส่งวิญญาณบนโลกมนุษย์แล้ว. ตามธรรมเนียมแล้วนักเรียนที่เยี่ยมที่สุดจากปี6จะเป็นคนนำเด็กปีหนึ่งจากห้อง1ไป. เจ้า, คานิซาว่าและโอกะได้ถูกรับเลือกเป็นตัวแทน. แถมเจ้ายังได้เป็นหัวหน้าด้วยนะ. เจ้าจะยินดีรับหรือไม่?”

ตาของฮิซากิเบิกกว้างออกด้วยความตกใจ. การได้นำนักเรียนปีหนึ่งไปเรียนพิธีส่งวิญญาณนับว่าเป็นงานที่ไม่ได้อะไรตอบแทนเลย. แต่ความจริงแล้ว มันคือสิ่งที่พิสูจน์ว่าทางอาจารย์เชื่อมั่นในตัวพวกเขา.

เหตุนี้ เกียรติอันนี้จึงถูกแก่งแย่งกันเอาเป็นเอาตายในหมู่เด็กปี6ตลอดเวลา. คนที่ได้รับเลือกส่วนใหญ่มักจะเป็นคนมีฐานะมากกว่าคนที่มาจากรุคงไกแบบเขา.

วันหน้าหากเขาอยากจะเข้า13หน่วยพิทักษ์ เครดิตอันนี้ก็จะมีประโยชน์มากเลยทีเดียว.

ใครจะบ้าไม่รับล่ะ?

“ยินดีครับ!”

“เจ้าต้องระวังให้ดีล่ะ. การเป็นหัวหน้าก็หมายความว่าความรับผิดชอบทุกอย่างจะตกอยู่กับเจ้า แต่ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้านะ”

“ขอบพระคุณสำหรับคำชมมากๆครับ อาจารย์. ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ.”

เขาคำนับด้วยความซาบซึ้งและพยายามกลั้นใจไว้ไม่ให้แสดงความดีใจออกมามากนัก.

นี่คือโอกาสที่ดีสำหรับเขา. การส่งวิญญาณนั้นเป็นงานง่ายๆอยู่แล้ว.

คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด