ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 105 กำหราบด้วยความแข็งแกร่ง
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 105 กำหราบด้วยความแข็งแกร่ง
แปลโดย iPAT
หลี่ฉิงซานเผยรอยยิ้ม เขาไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ
หยางซ่งกล่าว “ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เฟิงจางตายด้วยมือของเจ้างั้นหรือ?” เดิมทีเขาปฏิเสธที่จะคิดเรื่องไร้สาระดังกล่าว ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ นักสู้ชั้นหนึ่งห้าคน และกลุ่มนักสู้ชั้นสองและสามจะตายในมือของเด็กที่ไร้หัวนอนปลายเท้าได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขาเชื่อมันขึ้นมาบ้างแล้ว
หลี่ฉิงซานยังไม่ตอบ
หยางซ่งดึงมือของเขาออกมาแต่เขาไม่ได้นำยันต์ออกมาด้วย
หลี่ฉิงซานยิ้ม “เราจะไม่สู้กันต่อแล้วงั้นหรือ?”
หยางซ่งกล่าว “เจ้าเป็นคนที่ตายไปแล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่จะสู้กับคนตายเช่นเจ้า”
หลี่ฉิงซานกล่าว “โอ้ อย่างไร?”
หยางซ่งกล่าวต่อ “เจ้าฆ่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ เจ้าคิดว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ต่อได้งั้นหรือ?”
หลี่ฉิงซานหลีกเลี่ยงคำถาม “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องกังวล โปรดส่งของๆข้าคืนมา”
หยางซ่งหน้าซีด หลิวหงดึงหลี่ฉิงซานไปด้านข้างและอ้อนวอน “ฉิงซาน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะกลับมา นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าขุดสมบัติเหล่านั้น หากเจ้าต้องการเงิน ข้าจะให้เจ้า ตกลงหรือไม่?”
หลี่ฉิงซานยักไหล่ “นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการตั้งแต่แรก”
หลิวหงชำเลืองมองและทำให้ศิษย์ทั้งหมดแยกย้ายกันไป ลานกว้างกลายเป็นว่างเปล่า
เป็นเพียงเวลานี้ที่รถม้าของเย่ต้าฉวนมาถึง หลังจากดูสีหน้าของทุกคนและเห็นรอยแดงที่ยังไม่จางหายบนใบหน้าของหยางซ่ง เขาก็เข้าใจสถานการณ์คร่าวๆทันที เขารู้สึกพอใจมาก ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาจัดงานเลี้ยงต้องรับหยางซ่งแต่ชายชราผู้นี้กลับดูแคลนเขา สุดท้ายคนยโสผู้นี้ก็รู้จักที่ทางของตน
เย่ต้าฉวนไอสองครั้งก่อนกล่าว “ผู้อาวุโสหยาง ท่านมีเรื่องเข้าใจผิดกับมือปราบหลี่งั้นหรือ? ดังที่ผู้คนกล่าวกัน การแก้ความคับข้องใจดีกว่าการปล่อยให้มันฝังลึกมากขึ้น ข้าจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันและทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ทั้งสองคน”
หยางซ่งขัดจังหวะ “ไม่จำเป็น ข้าไม่มีสิ่งใดต้องพูดกับคนตาย!”
หลี่ฉิงซานกล่าว “เหตุใดเจ้าไม่พูดอีกครั้ง!?” เขาคิด ‘ชายชราผู้นี้พ่ายแพ้แต่ยังเย่อหยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าจริงๆงั้นหรือ?’
หยางซ่งเย้ยหยันแต่เขาก็ไม่กล้าพูดต่อ เขาไม่สามารถทำสิ่งใดในสถานการณ์นี้
เย่ต้าฉวนถามด้วยความประหลาดใจ “คนตายอันใด?” หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เขาเริ่มกังวลเช่นกัน
หลี่หลงกระซิบ “ฉิงซาน เจ้าหนีไปเถอะ!”
หลี่ฉิงซานเย้ยหยันอยู่ภายใน ‘เจ้าคิดว่าข้าทำสิ่งเหล่านี้เพื่อ?’ ขณะที่เขากล่าวอย่างเฉยเมย “ข้ากำลังจะไปเมืองเจียเผิงเพื่อรับตำแหน่งผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์อย่างเป็นทางการ”
“อันใด!?” ทุกคนตกใจ
“น่าขัน! เพียง...” หยางซ่งเย้ยหยัน เดิมทีเขาต้องการกล่าวว่า “เพียงเจ้า” แต่เขาก็จดจำความแข็งแกร่งของหลี่ฉิงซานขึ้นมาได้ทันที ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ากล่าวต่อ
เย่ต้าฉวนถาม “เรื่องเป็นมาอย่างไร?”
หลี่ฉิงซานตอบ “ผู้บัญชาการหมาป่าอินทรีย์ ตาแก่หวังให้ข้าไปรายงานตัวกับจ้าวจื่อป๋อที่เมืองเจียเผิง”
หยางซ่งกรีดร้อง “เป็นไปได้อย่างไร!? เจ้าฆ่าเฟิงจาง! เจ้าเป็นศัตรูของกองกำลังผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์!”
เย่ต้าฉวนถาม “จริงหรือ?”
หลี่ฉิงซานแสดงป้ายหมาป่าเหล็กดำและโบกไปมา “เฟิงจางถูกปลดตำแหน่ง ข้ากำลังจะเข้าแทนที่เขา!”
สัตว์ป่าที่ซุ่มโจมตีมักรอคอยช่วงเวลาที่เหยื่อประมาทก่อนจะฆ่ามันอย่างเหี้ยมโหด การดูแคลนคู่ต่อสู้โดยไม่คิดให้รอบคอบและไม่มีความแข็งแกร่งที่เพียงพอเป็นเพียงความโง่เขลาเท่านั้น
หลิวหงและหลี่หลงมองหน้ากัน ทั้งสองพูดไม่ออก ครึ่งปีก่อนหลี่ฉิงซานยังเป็นเพียงเด็กบ้านนอก ทั้งหมดที่เขาทำได้คือการเผชิญหน้ากับอันธพาลข้างถนน แต่ตอนนี้เขากลับได้เข้าร่วมกองกำลังผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่น่าเกรงขาม นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดอย่างแท้จริง
หลี่ฉิงซานยังสงบ หยางซ่งปฏิเสธที่จะเชื่อแต่เขาถูกบังคับให้ต้องเชื่อ หลังจากมาถึงเมืองชิงหยาง เขาสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดด้วยตนเอง เขารู้ว่าคนที่พาหลี่ฉิงซานออกจากโรงเตี้ยมในวันนั้นคือผู้บัญชาการหมาป่าทองแดงฮัวเฉิงซาน เขายังพาเฟิงจางไปพบหวังฝูซื่ออีกด้วย
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนทั้งสองจึงมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของเรื่องนี้ชัดเจนมาก หลี่ฉิงซานกลับมา เฟิงจางเสียชีวิต ขณะที่ผู้บัญชาการหมาป่าอินทรีย์ทั้งสองไม่ได้ช่วยเฟิงจางซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตน
หวังฝูซื่อปลดเฟิงจางออกจากตำแหน่ง ในเวลาเดียวกันหลี่ฉิงซานก็กล้าพอที่จะเรียกหวังฝูซื่อว่าตาแก่หวัง เขามีความสัมพันธ์อย่างไรกับหวังฝูซื่อ? เมื่อหยางซ่งมองไปที่หลี่ฉิงซานอีกครั้ง สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าแม้ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์จะไม่ค้นหาหลี่ฉิงซานแต่พวกเขาก็ยังต้องหาทางแก้แค้น อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากลับปัดความคิดนี้ทิ้งไป ในโลกใบนี้มีเพียงผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่สามารถแก้แค้น ไม่มีผู้ใดกล้าพอที่จะแก้แค้นผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์
หลังจากครุ่นคิด หยางซ่งรู้สึกเสียใจกับความหุนหันของตน หลี่ฉิงซานยังเด็กมากแต่เขากลับแข็งแกร่งมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถอยู่รอดหลังจากเผชิญหน้ากับอันตรายดังกล่าว บางทีอาจมีบางคนอยู่เบื้องหลังเขา แล้วชายชราจะปฏิบัติต่อตัวตนเช่นนี้เหมือนเด็กหนุ่มทั่วไปได้อย่างไร?
“อัศจรรย์นัก!” เย่ต้าฉวนมีความสุขมาก “แรกเริ่มข้ายังกังวลว่าเจ้าจะไม่สามารถไปเมืองเจียเผิงแต่ตอนนี้เราไปได้แล้ว!”
หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้ากำลังพิจารณาว่าจะไปหรือไม่?”
เย่ต้าฉวนกล่าว “เหตุใดเจ้าจะไม่ไป? การเข้าร่วมกองกำลังผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เป็นเรื่องประเสริฐมาก เจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเมื่อเจ้าไปหอนางโลมหรือบ่อนพนัน!”
หลี่ฉิงซานเหงื่อออกเล็กน้อย นี่เป็นประโยชน์ที่มาพร้อมตำแหน่งผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์งั้นหรือ? หากตาแก่หวังอยู่ที่นี่ เขาอาจฆ่าเย่ต้าฉวนด้วยกระบองที่ใหญ่โตของเขาทันที
เย่ต้าฉวนกล่าวต่อ “มาเถอะ ไปฉลองกัน!”
หลิวหงจะไม่มีวันปล่อยให้เย่ต้าฉวนจัดการเรื่องนี้ เขาบอกให้ศิษย์ของเขาเตรียมงานเลี้ยงอย่างรวดเร็ว การแสดงออกของหยางซ่งเปลี่ยนไปหลายครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็ต้องนั่งลง เขาไม่ได้พูดบางสิ่งในทำนองที่ว่า “ข้าไม่มีสิ่งใดที่จะพูดกับคนตาย” อีกต่อไป
หลังจากนั้นภายใต้การไกล่เกลี่ยของเย่ต้าฉวนและหลิวหง หยางซ่งก็ดื่มสุราและใช้ความมึนเมาเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ของตน เขายกจอกสุราให้หลี่ฉิงซานและกล่าวอย่างช้าๆ “วีรบุรุษหนุ่มหลี่...” เขาไม่พูดถึงหัวหน้าหออู๋อีก ท้ายที่สุดแม้แต่ผู้นำสำนักกำปั้นเหล็กก็จะตำหนิเขาหากเขาล่วงเกินผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เพียงเพราะเรื่องของหัวหน้าหออู๋
หลี่ฉิงซานยิ้ม “ผู้อาวุโสหยาง ก่อนหน้านี้ข้าทำให้ท่านขุ่นเคือง ข้าจะดื่มให้ท่านสามจอกเพื่อเป็นการชดใช้” เขาไม่มีเหตุผลที่จะสร้างความคับข้องใจให้กับผู้อื่น หากเขาสามารถแก้ไข มันจะดีที่สุด
การแสดงออกของหยางซ่งดูดีขึ้นมาก
หลิวหงกล่าว “พวกเราล้วนเป็นคนในยุทธภพ ทุกคนต่างอารมณ์แปรปรวน ความขัดแย้งไม่ใช่เรื่องแปลก ดังที่ผู้คนกล่าวกัน การแก้ความคับข้องใจดีกว่าการพัฒนาความขุนเคือง เราจะไม่มีวันรู้จักหากไม่เกิดความขัดแย้ง การมีสหายเพิ่มขึ้นย่อมดีกว่าการมีศัตรูเพิ่มขึ้น ข้าอยู่มานานแล้ว ทักษะการต่อสู้ของข้าไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้ข้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงวันนี้”
เย่ต้าฉวนกล่าวเสริม “ถูกต้อง ถูกต้อง เป็นเช่นนั้น!” เขาลอบชื่นชมหลี่ฉิงซานที่รู้ว่าเมื่อใดควรหยุด เด็กหนุ่มรู้วิธีใช้กำลังแต่เขาก็ไม่รังแกคนอ่อนแอ พฤติกรรมของเขาไม่เหมือนเด็กอายุสิบหกเลยแม้แต่น้อย
เย่ต้าฉวนและหลิวหงล้วนเป็นคนมีประสบการณ์ พวกเขาสามารถสร้างบรรยากาศ ด้วยคำขอโทษของหลี่ฉิงซาน บรรยากาศจึงผ่อนคลายลง หยางซ่งถามหลี่ฉิงซานเกี่ยวกับความสัมพันระหว่างเขากับหวังฝูซื่ออย่างไร้ยางอาย แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนสงสัยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเงียบและมองไปที่หลี่ฉิงซาน
หลี่ฉิงซานไม่ต้องการพูดมาก “ดังนั้นตาแก่หวังผู้นี้ก็มีนามว่าหวังฝูซื่อ ข้าไม่สนิทกับเขา”
ทุกคนรู้สึกผิดหวังแต่หยางซ่งปฏิเสธที่จะเชื่อว่าหลี่ฉิงซานไม่รู้จักหวังฝูซื่อ ท้ายที่สุดชายชราผู้นี้ก็ขับไล่เฟิงจางเพื่อหลี่ฉิงซาน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงถามอีกครั้ง “กระทั่งที่เมืองชิงเหอ พวกเขาก็ไม่เคยแสดงตัว แล้วสิ่งใดนำพวกเขามาที่เมืองชิงหยางแห่งนี้?”
หลี่ฉิงซานไม่ได้พยายามซ่อนสิ่งใด เขาอธิบายเกี่ยวกับกู่เยี่ยนหยินอย่างคร่าวๆ แต่เขายังหลีกเลี่ยงหัวข้อของราชินีแห่งความมืดและปีศาจแมว
“ผู้บัญชาการอินทรีย์เงิน! สุราพุทธะ!” หยางซ่งกลืนน้ำลาย สำหรับเขา นี่คือตัวตนในตำนาน ทั้งความแข็งแกร่งและอำนาจของนางอยู่ในระดับที่เขาไม่สามารถจินตนาการถึง ยังมีสุราพุทธะที่มีชื่อเสียง อาจมีเพียงเจ้าสำนักกำปั้นเหล็กสาขาหลักเท่านั้นที่สามารถดื่มมัน ความสงสัยหลายอย่างของเขาหายไปแล้วหลังจากได้ยินเรื่องเหล่านี้
“เจ้าได้รับความสนใจจากผู้บัญชาการกู่! ฉิงซาน อนาคตของเจ้าไม่สามารถจินตนาการถึง!” ตอนนี้ความขุ่นเคืองและความไม่พอใจที่ถูกตบหน้าของหยางซ่งหายไปหมดแล้ว เมื่อเขามองหลี่ฉิงซานในเวลานี้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพ
เขาเหมือนข้าราชการตัวเล็กๆที่ได้ยินว่าสหายข้าราชการได้พบกับผู้นำประเทศและพูดคุยกันอย่างอบอุ่น ดังนั้นความรู้สึกเคารพและชื่นชมจึงก่อตัวขึ้น ไม่มีประโยชน์ที่จะยึดติดกับความคับข้องใจเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นอีกต่อไป
“อาจจะ!” ความรู้สึกของหลี่ฉิงซานค่อนข้างหลากหลาย หญิงชุดขาวที่เชิญเขาดื่มสุราสามารถเปลี่ยนวิธีคิดของจอมยุทธ์ขั้นสองที่มีต่อเขาไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังทำให้เขาตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขาอีกด้วย
เย่ต้าฉวนอ้าปากค้าง “นั่นคือหนึ่งในสามเสาหลักของเขตรุ้ยอี้ ผู้บัญชาการกู่!” แม้เขาจะไม่มีทั้งสติปัญญาและกำลัง แต่เขาคุ้นเคยกับข่าวลือและเสียงนินทาตามท้องถนนเป็นอย่างดี
หลี่ฉิงซานถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ท่านหมายความว่าอย่างไร สามเสาหลักของเขตรุ้ยอี้?”
หยางซ่งชิงตอบ “เสนาบดีแห่งเขตรุ้ยอี้ เจียงฝู ผู้บัญชาการอินทรีย์เงิน กู่เยี่ยนหยิน และแม่ทัพใหญ่ หานอันเกา พวกเขาคือสามเสาหลักของเขตรุ้ยอี้ เจียงฝูดูแลงานราชการให้ราชสำนัก เขาเป็นผู้ดูแลเขตรุ้ยอี้ทั้งหมด กู่เยี่ยนหยินเป็นผู้นำกองกำลังผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่รับผิดชอบด้านการรักษากฎหมายในเขตรุ้ยอี้ หานอันเกาเป็นแม่ทัพที่มีกำลังทหารอยู่ในมือ แต่ละคนล้วนเป็นตัวตนบนจุดสูงสุด ผู้คนตามท้องถนนเรียกพวกเขาว่าสามเสาหลักของเขตรุ้ยอี้ ท่ามกลางพวกเขา ผู้บัญชาการกู่มีชื่อเสียงมากที่สุด”
เย่ต้าฉวนกล่าว “แม้เจ้าจะเพิกเฉยต่อภูมิหลังของพวกเขา แต่ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ก็มีหน้าที่ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รวมถึงกองทัพ ดังนั้นผู้บัญชาการกู่ผู้นี้จึงเป็นคนสุดท้ายที่ผู้คนเต็มใจจะรุกราน ฉิงซาน เมื่อเจ้าได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากนาง อนาคตของเจ้าย่อมสดใสมาก”
หลี่ฉิงซานจดจำข้อมูลทั้งหมดเอาไว้อย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นเขายังได้เรียนรู้จากเย่ต้าฉวนอีกว่านอกเหนือจากสามเสาหลักของเขตรุ้ยอี้ มณฑลชิงเหอยังมีเสารองอยู่อีกสามเสา พวกเขาคือผู้ว่ามณฑล ผู้บัญชาการหมาป่าทองแดง และแม่ทัพของมณฑล