ตอนที่30: ปวดหลังมั้ย
“จงสถิตเหนือฟ้าเหมันต์ เฮียวรินมารุ!”
ทันทีที่โทชิโร่กล่าวออกมา อุณหภูมิรอบๆก็ลดลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับหิมะและน้ำแข็งที่ปรากฏออกมารอบๆ.
ในมือเขานั้นดาบเปลี่ยนรูปร่างไป, มันยาวขึ้นและมีกั้นดาบเป็นรูปดาวพร้อมกับโซ่อยู่ตรงปลาย.
พลังที่เพิ่มขึ้นของเขาทำให้ฮอลโล่วสองตัวตกใจ แต่พวกมันก็ยังพุ่งเข้ามาจะกินเขา.
สำหรับยมทูตธรรมดาแล้ว การได้ชิไคมาก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมายนอกจากรูปร่างดาบและแรงดันวิญญาณที่เพิ่มขึ้น.
แค่รู้ชื่อดาบก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาพลังของมันออกมาใช้ได้หมด.
แต่โชคไม่ดีสำหรับฮอลโล่วพวกนั้น เพราะฮึสึกายะ โทชิโร่ไม่ใช่ยมทูตธรรมดา.
เขารู้ได้เลยว่าดาบของเขานั้นสามารถควบคุมน้ำและเปลี่ยนให้มันเป็นน้ำแข็งได้.
เขาคือผู้ปกครองสรวงสวรรค์เหมันต์ตัวจริง.
พอมองดูพวกฮอลโล่วที่ช้าลงนั่นแล้ว โทชิโร่เหวี่ยงดาบออกไปเบาๆแล้วพวกมันก็ถูกขังอยู่ในน้ำแข็ง.
พวกมันพยายามสู้กลับและหนีออกมา
“เปล่าประโยชน์”
เขายกดาบขึ้นมาแล้วเหวี่ยงลงในครั้งเดียว “แสดงพลังให้พวกมันเห็น!”
โฮฮกกกกก!
เสียงคำรามของมังกรน้ำแข็งขานรับเขาแล้วพุ่งตรงไปยังฮอลโล่วสองตัวนั้นจนพวกมันแตกสลายไป.
*แฮ่ก**แฮ่ก**แฮ่ก*
“เห็นไหมครับพี่? ผมทำได้แล้ว”
โทชิโร่พึมพำออกมาขณะที่เหงื่อท่วมตัวและดาบที่จางหายไป. ดาบนั้นไม่ได้มีรูปร่างเหมือนอาซาอุจิทั่วไปแล้ว. มันคือดาบที่เป็นของเขาตลอดไป.
ขณะที่เขากำลังจะหมดสตินั้น ชายผมสีเงินก็โผล่มาข้างๆเขาแล้วรับตัวเขาไว้ก่อนจะนำไปวางบนพื้นเบาๆ.
“โย่!”
“พี่ครับ!?”
“ฮ่าๆ. ผมเห็นทุกอย่างแล้วล่ะ. ต้องพูดว่าเยี่ยมมากสินะ. เอาล่ะที่เหลือขอผมจัดการกับเจ้าพวกขยะนี่เอง”
โทชิโร่พยักหน้าแล้วหมดสติไป.
พอมองเด็กผู้ชายที่หมดสติไปแล้ว โกโจก็ยิ้มแบบที่ไม่ใช่ยิ้มที่น่าหมั่นไส้ของเขา.
พอเขาลุกขึ้นมารอยยิ้มนั้นก็หายไปกลายเป็นรอยยิ้มที่เย็นชาแทน.
เขาเอามือล้วงกระเป๋าแล้วพุ่งไปทางเจ้าฮอลโล่วที่ชูเฮย์กำลังสู้ด้วยความลำบากอยู่.
“ฮ่ะ, ผมคงต้องชมนายด้วยสินะ? ถึงจะไม่มีประโยชน์แต่อย่างน้อยก็ยังมีความรับผิดชอบอยู่”
เขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเดินผ่านชูเฮยืไปแล้วยืนอยู่ข้างหน้าฮอลโล่วที่ไม่ขยับเขยื้อน.
ไม่ว่าจะชูเฮย์หรือเจ้าฮอลโล่ว พวกเขาก็ขยับตัวไม่ได้เลย. พวกเขารู้สึกราวกับว่ามีปีศาจกำลังกดดันพวกเขาอยู่.
โกโจเอามือไปแตะหน้ากากของฮอลโล่วแล้วกล่าว “ชั้นเล่นมากไปจนโทชิโร่เกือบตาย. แต่ก็นะ เพราะแก, เขาถึงได้รู้ชื่อดาบฟันวิญญาณ. ขอบใจมั้ง? <วิถีทำลายที่4 เบียคุไร>”
สายฟ้าก่อขึ้นบนนิ้วของโกโจก่อนจะทะลุผ่านไปยังหน้ากากของฮอลโล่วจนมันสลายไป.
ขณะมองฮอลโล่วกำลังสลายไป ชูเฮย์ก็ล้มลงกับพื้นจากแรงกดดันมหาศาลของโกโจ.
เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็นเลย.
นอกจากนักเรียนปีหนึ่งที่ปลุกดาบฟันวิญญาณของตัวเองได้ภายในหนึ่งเดือนหลังจากเข้าเรียนแล้ว ก็ยังมีเจ้าบ้าที่ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ด้วยแรงดันวิญญาณของมันอยู่.
โกโจมองไปที่ชูเฮย์แล้วกล่าว “เอาล่ะชั้นต้องไปจัดการที่เหลือแล้ว. ถ้าโมโมะเป็นอะไรไปคงไม่ดีแน่. ส่วนนายอยู่ดูแลชิโระตรงนี้แล้วกัน ไปล่ะ!”
โกโจโบกมือให้แล้วหายไปด้วยก้าวพริบตา. มันเร็วเกินกว่าชูเฮย์จะเข้าใจได้อีกแล้ว.
ชูเฮย์ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัว “6ปีมานี้ชั้นทำอะไรอยู่เนี่ย?”
แม้เขาจะไม่ใช่อัจฉริยะ แต่เขาก็ไม่ได้เป็นขี้เกียจ. บางทีชื่อเสียงอาจจะทำให้เขาขึ้นสนิมก็ได้?
เขาก้มหน้าลงมามองดาบตัวเอง “ถ้ากลับไปโซลโซไซตี้แล้ว ชั้นจะพยายามมากขึ้นจะได้รู้ชื่อของนาย”
ขณะเดียวกันบนท้องฟ้านั้นก็มีแมวสีดำพุ่งผ่านชูเฮย์ไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว.
“นายพูดแรงไปนะ”
โกโจยักไหล่ “ผมไม่สนใจพวกอ่อนแอหรอก. ผมแค่เกลียดคนที่แกร่งขึ้นได้แต่ไม่ทำ. ถ้าเขาปลุกดาบตัวเองไม่ได้หลังจากนี้ เขาก็คงไม่มีความสามารถแล้ว”
“..งั้นเหรอ...”
‘เรานึกว่าหมอนี่เป็นแค่พวกขี้โม้ สงสัยต้องมองใหม่แล้ว’
เจ้าแมวเคยเห็นอัจฉริยะมาแล้วหลายคน.
ตัวของมันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น, คิสุเกะและหัวหน้าคนอื่นๆเองก็อาจเรียกได้เช่นกัน.
แต่ชายคนนี้กลับแปลกไป.
เขาไม่เย็นชาหรืออบอุ่นเลย. เขาไม่สนใจโลกใบนี้และจะดูหมิ่นทุกๆอย่างยกเว้นคนที่เขาเลือก.
เป็นครั้งแรกที่เจ้าแมวเจอคนที่แปลกแบบนี้.
‘หมอนี่น่าสนใจดี’
คนแบบนี้จะยอมก้มหัวให้กับวังกลาง46ห้องหรือพวกชั้นสูงไหมนะ?
พอเห็นเขาแล้วเจ้าแมวดำก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมา
‘ขอแค่เขาไม่ชิงตายไปก่อน โซลโซไซตี้ก็จะได้เจอกับพายุแน่’
---
ไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่เขากำลังจะกำจัดฮอลโล่วสองตัวสุดท้ายไป โกโจก็หยุดลงแล้วมองผู้หญิงผมบลอนด์ที่ยืนอยู่หน้าเหยื่อสองตัวของเขานั้น.
เจ้าแมวที่อยู่ข้างๆเขานั้นหายตัวไปทันที แต่โกโจก็ไม่สนใจ.
“จงคร่ำครวญ ไฮเนโกะ!”
ดาบของเธอสลายกลายเป็นธุลีก่อนมันจะเฉือนฮอลโล่วสองตัวเป็นชิ้นๆ.
พอเธอหันกลับมา ตาของเธอก็เบิกกว้างออกเมื่อเห็นชายหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอ.
โชคดีที่เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใครจากรายงาน.
“เธอคงเป็นโกโจ ซาโตรุสินะ. ชั้นชื่อว่ามัตสึโมโตะ รันงิคุ. รองหัวหน้าหน่วยที่10. เธอเป็นอะไรไหม?”
โกโจหัวเราะเล็กน้อยก่อนถาม “คือ ผมมีคำถามที่อยากรู้น่ะ”
มัตสึโมโต้เอียงหัวเล็กน้อย “สถานการณ์คับขันนะ. แต่ก็ว่ามาสิ”
“คือผมสงสัยน่ะครับ - คุณไม่ปวดหลังแย่เหรอ?”
มัตสึโมโต้ไม่เข้าใจคำถามในตอนแรก แต่พอเห็นจุดที่เขามองแล้ว เธอจึงปัดผมออกก่อนจะเชิดอกขึ้นแล้วหัวเราะ.
“ฮ่าๆๆๆ~! เธอไม่รู้หรอกว่าเจ้าพวกนี้มันหนักและร้อนขนาดไหน”
ครั้งนี้โกโจเป็นฝ่ายตกใจแทน.
‘นี่เราเจอคนใจกล้ากว่าเรางั้นเหรอ?’