ตอนที่25: ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่
[ณ โลกมนุษย์, ญี่ปุ่น, เมืองนารุกิ.]
ทางผ่านเซ็นไคมงนั้นค่อนข้างสั้นมากๆ. คนที่เข้ามาก็แค่เปิดประตู, เดินเข้าไปในห้องแล้วก็เปิดอีกประตู.
ทันทีที่นักเรียนทุกคนก้าวออกมาจากประตูและเหยียบลงบนดาดฟ้าของตึกตึกหนึ่ง ชูเฮย์ก็กล่าว.
“ที่นี่คือเมืองนารุกิ. เมืองนี้อยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยที่10. ตอนนี้พวกฮอเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา ไม่ต้องกังวลนะครับ”
พวกนักเรียนพากันพยักหน้าแล้วมองดูเมือง.
พวกเขาจากโซลโซไซตี้มาในตอนเช้า, ในโลกมนุษย์ตอนนี้กลับมีพระจันทร์ลอยอยู่บนฟ้า.
นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดว่าเวลาทั้งสองโลกต่างกัน.
ขณะที่ชูเฮย์กำลังอธิบายงานให้พวกนักเรียนฟังอยู่นั้น โกโจที่แยกตัวออกมาจากคนอื่นๆก็ถอดผ้าปิดตาออกแล้วออกไปสำรวจเมือง.
‘เป็นคนละโลกและเวลาจริงๆ’
ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นญี่ปุ่น แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงพลังคำสาปเลย.
พลังคำสาปเกิดจากพลังงานด้านลบของมนุษย์. ตอนนี้สงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งจบไป ช่วงนี้พวกคำสาปน่าจะออกมามากกว่าปกติ.
แต่กลับไม่มีพลังคำสาปเลยนี่สิ.
“น่าสงสารจัง”
โมโมะพึมพำหลังจากเข้ามาใกล้ๆเขา.
“ใช่”
วิญญาณหลายดวงเดินร่อนเร่ไปทั่วทุกหนแห่ง.
เหล่าวิญญาณและผีต่างที่ยังติดค้างอยู่ในโลกแห่งนี้ จะกลายร่างไปเป็นฮอลโล่วในที่สุดเมื่อโซ่ตรวนแห่งชะตากรรมของพวกเขาสลายไปหรือถูกจับกิน.
โชคยังดีที่การกลายสภาพเป็นฮอลโล่วนั้นใช้เวลาหลายเดือน.
โกโจพอจะเข้าใจได้ว่าทำไมถึงมีวิญญาณอยู่มากมาย เพราะสงครามเพิ่งจะจบไปได้ไม่นานนี้เอง.
‘ถึงว่าทำไมถึงส่งนักเรียนลงมา. มีตัวช่วยเยอะก็ดีกว่าสินะ’
โกโจคิดในใจ ส่วนโมโมะก็กำลังสลดอยู่ “ทำไมคนเราถึงต้องสู้กันด้วย?”
เธอไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย. ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างสันติไม่ได้หรอ.
โกโจแสยะให้กับความคิดไร้เดียงสานั้น “ศาสนา, ความเชื่อ, ทรัพยากร, พื้นที่, ความรักหรือไม่ก็แค่.... ไม่ว่าเหตุผลมันจะน่าทุเรศแค่ไหน มันก็เพียงพอจะก่อให้เกิดสงคราม. นี่แหละคือธรรมชาติของมนุษย์ล่ะ”
พอกล่าวเสร็จเขาก็สวมผ้าปิดตากลับแล้วเดินจากไป “แทนที่เธอจะมาคิดเรื่องไร้สาระแบบโลกที่ไม่มีสงคราม เธอควรจะคิดว่าทำยังไงถึงจะแกร่งขึ้นดีกว่านะ”
โมโมะก้มหน้าลงเพราะคำพูดของเขา. เร็นจิที่อยู่ข้างๆกำลังจะเอ่ยปากออกมา แต่ก็ถูกฮึสึกายะรั้งไว้พร้อมกับส่ายหัว.
“โกโจ ซาโตรุ! นายจะไปไหน?!”
“ฮ่าๆ~! ไม่รู้สิ. แค่เจออะไรที่มันน่าสนใจน่ะ~! พวกนายเล่นอยู่แถวนี้ไปเถอะ.”
ชูเฮย์ไม่พอใจอย่างมาก นี่คืองานสำคัญแต่ชายคนนี้กลับเดินเล่นงั้นเหรอ.
แม้ว่าเขาจะถูกเบื้องบนสั่งมาให้ทำงานคนเดียว แต่อย่างน้อยก็ควรจะอยู่ภายใต้การดูแลของรุ่นพี่ซักคน.
“โกโจ ซาโตรุ ชั้นต้องการให้นายหยุดเดี๋ยวนี้”
“เห~! ฮ่าๆ จับให้ได้สิ. ไปล่ะ!”
พอกล่าวเสร็จเขาก็หายไปจากสายตาของทุกคนทันที.
ชูเฮย์ตาเบิกกว้างออกมาทันใด. ความเร็วแบบนั้นมันเร็วกว่าก้าวพริบตาทั่วๆไปแล้ว.
เขาได้ยินมาว่าโกโจสู้กับอาจารย์สอนวิชาก้าวพริบตาและนึกว่าอาจารย์อ่อนข้อให้เขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดแล้ว.
ท้ายที่สุดเขาก็กัดฟันแล้วรีบตามโกโจไปด้วยหน้าที่บังคับ.
แต่ขณะที่เขากำลังจะตามไปนั้น เขาก็ตกใจว่ามีบางอย่างหายไป.
“ไม่รู้สึกถึงแรงดันวิญญาณของหมอนั่นเลย. ทำได้ยังไงกัน?”
“ชูเฮย์ พวกเราทำไงดี?”
โฮทารุถามออกมาขณะมองไปทางที่โกโจไปด้วยความกังวล.
ชูเฮย์ลังเลอยู่เล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ส่ายหัว “พวกเราไม่รู้ว่าเขามุ่งหน้าไปทางไหน ถ้าจะตามไปแบบไม่รู้ทางก็คงจะเสียเวลาแย่. ทำตามที่คุยกันไว้แล้วกัน ถ้าเขาไม่กลับมาก่อนอาทิตย์ขึ้นพวกเราจะขอให้โซลโซไซตี้ช่วยระบุตำแหน่งผ่านผีเสื้อนรกของเขา.”
“แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะ?”
“ไม่ต้องห่วง อย่างที่ชั้นพูดไป. ฮอลโล่วถูกกวาดเรียบไปหมดแล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก”