ตอนที่23: เรื่องพื้นฐาน
หลังจากที่เข้าสู้กับอาจารย์และได้พบกับชูเฮย์แค่ครู่เดียว, ดูเหมือนว่าทางโรงเรียนจะยอมแพ้กับเขาแล้ว.
หากเป็นโรงเรียนทั่วๆไปล่ะก็ เขาคงถูกไล่ออกเพราะทำตัวไม่ดีไปแล้ว แต่ที่นี่ไม่ทำเช่นนั้น.
พวกเขาแค่ไม่เคยพบนักเรียนแบบโกโจที่เอาแต่โดดเรียนมาก่อนก็แค่นั้น.
เหตุผลที่เขากล้าทำก็เพราะมันไม่ผิดกฏของโรงเรียน ไม่เช่นนั้นแล้วการถูกไล่ออกคงทำให้เขาผิดแผนน่าดู.
หลายวันผ่านไปจนในที่สุดเขาก็ไม่ไปเข้าเรียนเลยซักคาบ แต่ก็ไม่มีใครกล้ามากวนเขาอีก.
บางครั้งเขาก็ไปศึกษาในห้องสมุด บางครั้งก็ไปเหล่สาวบ้างไม่ก็กวนนานาโอะตอนที่เธอมาหา.
พอถึงตอนเย็นเขาก็จะไปประลองกับโทชิโร่หรือไม่ก็สอนวิถีมารให้กับโมโมะ.
ตอนไหนที่เขาว่าง เขาก็จะไปหาของหวานกินหรือไม่ก็แค่ไปนอนอยู่กลางสวนของโรงเรียนแล้วมองท้องฟ้าเงียบๆ.
ในสายตาคนอื่นๆแล้ว เขาก็แค่คนที่เอาแต่โดดเรียนและทำตัวเหลวแหลกไปวันๆ มีแต่คนที่สนิทกับเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเริ่มจะน่ากลัวทีละน้อยๆขึ้นไปทุกวันแล้ว.
เขาได้เชี่ยวชาญเรื่องวิถีมารจนสุดแล้ว แต่การสร้างไร้ขอบเขตกลับมาใหม่ดันไม่คืบหน้าเลย.
---
โกโจนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้แล้วหลับตาลง. เขากำลังพยายามสื่อสารกับดาบที่อยู่บนตักของเขาอยู่ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล.
สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจก็คือเขาสามารถรู้สึกได้ว่าดาบนั้นพยายามเข้าหาเขาอยู่ แต่เขากลับเข้าไปในโลกภายในใจของตัวเองไม่ได้เลย.
มันทำให้เขาอึดอัดเสียจนอยากจะเลิกเสียเวลากับไอ้ดาบบ้านี่ซะ.
พอคิดอย่างนั้นสัมผัสทุกอย่างที่เขารู้สึกอยู่ก็ถูกตัดขาดไปทันที. เขาไม่รู้สึกถึงตัวดาบที่พยายามจะเข้าหาเขาอีกเลย.
‘เชี่ย’
สำหรับโกโจแล้ว นี่คือความล้มเหลวที่ยอมรับไม่ได้.
“เลิกเสียเวลากับมันดีกว่า. ตอนนี้ไร้ขอบเขตสำคัญที่สุด. ดาบนี่เอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน”
จากนั้นเขาก็เอาดาบเก็บเข้าฝักแล้ววางมันไว้ข้างๆก่อนจะกลับไปนอนพิงต้นไม้.
ไร้ขอบเขตคืออะไร? หากจะพูดให้เข้าใจง่ายที่สุด, มันก็คือวิชาที่ทำให้เขานำความเป็นนิรันดร์มาสู่ความเป็นจริงได้และบิดเบือนมิติได้ดั่งใจ.
ในอดีตนั้นเขาได้แบ่งวิชานี้ออกเป็น3สถานะ.
สถานะปกติ: <<อนันต์>> (มุเก็น) คือการป้องกันที่แกร่งที่สุดเพราะมันคือการทำให้ความเป็นอนันต์เป็นจริงขึ้นมา ก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างตัวเขาและสิ่งอื่นๆ.
ด้วยวิชานี้จึงไม่มีใครแตะตัวของเขาได้ แต่ข้อเสียของมันก็คือพวกอาวุธทำลายคำสาปหรือวิชาอื่นๆที่ควบคุมมิติได้อย่างเช่น <<กางอาณาเขต>>.
วิชาไสยเวทย์ผันตาม: <<คราม>> ที่สามารถทำให้พลังลบกลายมาสู่ความเป็นจริง ทำให้เขาสามารถดึงทุกอย่างเข้ามาหาตัวหรือจุดจุดหนึ่งได้ด้วยพลังคล้ายๆแม่เหล็ก.
หากเขาสามารถใช้วิชานี้ได้ พวกที่ใช้ก้าวพริบตาเก่งๆคงหนีเขาไม่พ้นแน่นอน.
และอย่างสุดท้าย, วิชาไสยเวทย์ผกผัน: <<ชาด>> ที่สามารถทำให้พลังบวกกลายมาสู่ความเป็นจริง ก่อให้เกิดแรงผลักออก หรือก็คือสิ่งที่ตรงข้ามกับวิชา <<คราม>>นั่นเอง.
ชาดนั้นซับซ้อนกว่าครามมากและกว่าเขาจะเรียนมันได้ก็เกือบตาย. โชคดีที่เมื่อเขาเข้าใจทั้งสองวิชาแล้วจึงสามารถใช้วิชาผสาน, สุญตา <<สีม่วง>>ได้.
ถ้าหากอนันต์คือโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา สีม่วงก็คือหอกที่ดีที่สุดของเขาเช่นกัน.
“ให้ตายสิ พอคิดแล้วก็ปวดหัวเลย”
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงใช้ริคุกันได้แต่ใช้ไร้ขอบเขตไม่ได้. มันคาใจเขามานานมากๆ.
เขารู้สึกว่าต้องสร้างวิชาที่ทัดเทียมกับวิชาไสยเวทย์ผกผันเสียก่อน จึงจะสามารถนำไร้ขอบเขตกลับมาได้.
*โครก*
เขาเอามือลูบท้องแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะออกไปหาอะไรกิน.
---
[ณ ห้อง1 ชั้นปีที่1]
ขณะที่โกโจกำลังทรมาณกับพลังของตัวเองอยู่นั้น, นักเรียนในห้อง1ก็กำลังพากันโห่ห้องเมื่ออาจารย์โฮมรูมประกาศว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะถูกส่งไปยังโลกมนุษย์.
สำหรับพวกเขาส่วนใหญ่แล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขาตายมาได้สิบไม่ก็ร้อยปี พวกเขาก็ยังไม่เคยได้กลับไปบนโลกเลย พวกเขาจึงตื่นเต้นมากว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร.
“เอาล่ะ, ทุกคนมาจับฉลากซะ จะได้รู้ว่าอยู่ทีมไหน”
พอได้ยินดังนั้นฮินาโมริก็ยกมือขึ้นมา “ขอโทษที่ขัดค่ะอาจารย์ แต่โกโจ ซาโตรุเพื่อนห้องเราคนนึง ยังไม่มา. ให้หนูไปเรียกดีไหมคะ?”
“ไม่จำเป็นหรอก, เพราะเขาทำตัวแบบนั้นเบื้องบนเลยสั่งการมา. หากโกโจ ซาโตรุต้องการพิสูจน์ตัวเองเขาต้องทำภารกิจนี้คนเดียว หากเขาทำพลาดก็จะถูกไล่ออกไป”
“แต่ว่า!”
“ผมพูดไปแล้วครับ.”
“…เข้าใจแล้วค่ะ”
ฮินาโมริได้แต่กลับไปนั่งลงด้วยความระสับระส่ายขณะที่คนอื่นๆพากันซุบซิบด้วยความดีใจว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากวนๆนั่นอีก.
เธอไม่ได้ห่วงโกโจเลยแม้แต่น้อย. เธอรู้ดีว่าเขาผ่านได้แน่นอน. เธอแค่ไม่พอใจที่เขาถูกกระทำแบบนี้.
พอมองพวกคนอื่นๆที่พากันหัวเราะและยิ้มแล้ว เธอก็ได้แต่กลั้นความโกรธเอาไว้.
‘เดี๋ยวเขาจะแสดงให้ดูเอง'