ตอนที่18: วิถีมาร
วันต่อมาโกโจก็อยู่กับกลุ่มเดิมของเขา แค่ไม่มีลูเคียเท่านั้นเพราะเธอไม่ได้เรียนด้วย. พวกเขามุ่งหน้าไปที่ลานฝึกวิถีมาร.
เมื่อวานที่พวกเขาได้รับดาบ พวกเขาได้ฝึกแค่เหวี่ยงดาบไปๆมาๆไม่มีเป้าหมายอะไรเลย.
โกโจนั้นก็ไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่ง. เขาไม่เคยดูถูกพื้นฐานเลย ต่อให้มันน่าเบื่อมากๆก็ตาม.
‘คนพวกนั้นน่าจะเอาอย่างเราบ้าง อย่างน้อยก็หาอะไรให้นักเรียนไม่เบื่อตอนฝึก’
เขาบ่นออกมาเบาๆขณะนึกถึงตอนฝึกยูจิ.
“โกโจซัง?”
โมโมะได้ยินเขาบ่น.
“โทดทีๆ ผมแค่คิดว่าคู่เร็นจิกับลูเคียนี่น่ารักดี. แค่ผิดหวังในตัวเร็นจินิดหน่อยน่ะ”
เร็นจิได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งเบาๆ.
“นายหมายความว่าอะไร?”
โกโจหันไปหาเขาแล้วส่ายหัว “ชั้นจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องรักของนายหรอกนะ. อยากทำอะไรก็ทำ”
เร็นจิกำหมัดขณะก้มหน้าลง.
เขารู้ว่าโกโจหมายถึงอะไร. เขาคิดว่าตัวเองซ่อนความรู้สึกไว้ดีแล้วซะอีก แต่คนที่เพิ่งรู้จักกันสองวันกลับมองออกซะได้.
---
[ณ ลานฝึกวิถีมาร]
ลานฝึกวิถีมารนั้นดูเหมือนลานซ้อมยิงเสียมากกว่า.
คนที่ยืนอยู่ข้างหน้านักเรียนนั้นคือผู้หญิงผมสีดำหน้าตาเครึ่งขรึมดูอายุราวๆ20ปี.
ที่เสื้อกิโมโนสีดำของเธอมีตรารองหัวหน้าอยู่ที่ไหล่. บนหน้าของเธอก็มีแว่นตาสวมอยู่.
ทันทีที่พวกนักเรียนเห็นเธอ พวกเขาก็เริ่มซุบซิบกัน.
“สวัสดีทุกคน. ชั้นชื่อว่าอิเสะ นานาโอะเป็นครูพิเศษ. ปกติแล้วชั้นจะสอนเด็กปี6เท่านั้น แต่วันนี้ตัดสินใจว่าจะมาสอนปีแรกด้วยค่ะ”
เสียงของเธอนั้นดูสุขุมแลเยือกเย็นมาก. ถ้าโกโจมองไม่ผิด ตอนที่พูดคำสุดท้ายนั้นเธอหันมาหาเขาด้วย.
อาจารย์คนที่จะสอนแต่แรกก้าวออกมาแล้วพูด “พวกเธอควรจะดีใจนะที่ได้ท่านอิเสะรองหัวหน้าหน่วยที่8และผู้เชี่ยวชาญวิถีมารมาสอน. ห้าสิบปีก่อนตอนที่ท่านยังเป็นนักเรียนอยู่ ท่านมีความสามารถพอจะเข้าหน่วยวิถีมารได้และท่านหัวหน้าหน่วยที่8 เคียวราคุ ชุนซุยเป็นคนมาทาบทามเองเลยนะ”
‘เจ้าหมอนี่ลิ้นยาวจริงๆนะ. แต่เก่งขนาดนั้นก็สมควรจะให้พูดอยู่หรอก’ โกโจคิดในใจ.
ขณะเดียวกัน ถึงแม้เธอจะทำหน้านิ่งๆ แต่นานาโอะกลับรู้สึกว่าหน้าตัวเองกำลังร้อนผ่าว.
เธอไม่ชอบคำพูดยอเกินตัวแบบนี้อยู่แล้ว.
เพราะที่เธอเก่งวิถีมารก็เพราะเธอไม่สามารถสื่อถึงดาบฟันวิญญาณอื่นได้นอกเสียจากเล่มที่เป็นมรดกของเธอ.
ส่วนเรื่องทาบทามนั้น ตาเฒ่านั่นก็เป็นลุงของเธอเอง. เธอไม่มีอะไรน่าภูมิใจเลย.
‘เห้อ ช่างเถอะ. นี่สินะเป้าหมายของเรา’
เธอมองไปทางชายผมสีเงิน.
เหตุผลที่เธอตัดสินใจมาสอนปีหนึ่งก็เพราะว่าเธอสงสัยในตัวชายคนนี้ที่ทำให้เซเรเทย์ฮือฮาไปทั่ว.
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เขาสามารถเรียนวิถีมารได้แค่จากการมองทำให้เธอสงสัยมากๆ และอิจฉาหน่อยๆด้วย.
“เอาล่ะทุกคน. พวกเธอคงได้เรียนมาบ้างแล้วแต่ชั้นก็จะขอสอนตั้งแต่พื้นฐานอีกครั้ง. ให้ชั้นอธิบายให้เสร็จก่อนค่อยถาม. เข้าใจนะ?”
“ทราบ!”
เมื่อเธอพอใจกับคำตอบแล้วก็เริ่มอธิบายให้ฟัง
“วิถีมารเป็นวิชาที่ต้องใช้ความเข้าใจเรื่องการใช้พลังวิญญาณและแรงดันวิญญาณอย่างมาก. ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของวิถีมารแล้ว พวกเราได้แบ่งมันออกเป็น3กลุ่มย่อยๆ. วิถีทำลาย, ฮาโดะ. วิถีพันธนาการ, บาคุโดะและวิถีรักษา, ไคโดะ. ฝั่งตะวันตกของเราเรียกพวกมันง่ายๆว่าเวทย์มนต์. แต่ก็นะ พวกนั้นไม่ได้เป็นทางการจริงๆหรอก”
‘หน่วยตะวันตก? ฮึ่ม ก็พอเข้าใจล่ะนะ. ถ้าโลกหลังความตายมีอยู่แค่ในเอเชียก็คงแปลก’
โกโจนึกในใจขณะฟังเธอ.
“นอกจากไคโดะแล้ว ฮาโดะและบาคุโดะถูกจัดเรียงตามตัวเลข. ยิ่งตัวเลขสูงก็จะยิ่งแข็งแกร่ง”
แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่นี้. มันยังมีวิถีมารที่รู้ๆกันว่าเป็นวิถีต้องห้าม. แต่เธอจะไม่มีวันพูดเรื่องนั้นกับนักเรียนเด็ดขาด. เพราะเธอยังอยากมีชีวิตอยู่.
พอนึกถึงเรื่องแม่เธอถูกตัดสินประหารเพราะละเมิดกฎหมายบ้าบอ ทำให้อารมณ์เธอหมองลง “หากจะร่ายวิถีมาร จำเป็นต้องทำสามขั้นตอน. นึกถึงวิถีมาร, ร่ายวิถีมารแล้วก็พูดชื่อของมันออกมา. เดี๋ยวชั้นจะแสดงวิถีมารระดับกลางให้ดูก็แล้วกันนะ”
เธอหันหน้าไปทางเป้ายิงที่อยู่ห่างออกไป100เมตร.
“จ้าวผู้สวมหน้ากากเลือดเนื้อของทุกสรรสิ่งแลผู้ใช้นามของมวลมนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย, โปรดสยายปีกของท่านออกมาเถิด. เปลวเพลิงโลกันต์จงแหวกคลื่นทะเลและสถิตลงมา! วิถีทำลายที่31 ชัคกาโฮ”
ลูกไฟสีแดงชานถูกยิงออกไปจากมือของเธอเหมือนกับลำแสงเลเซอร์. แม้เธอจะยั้งมือไว้แต่เป้าซ้อมก็ถูกทำลายเป็นจุนไป.
ขณะที่คนอื่นๆกำลังทึ่งกันอยู่นั้น โกโจก็อดรู้สึกแหม่งๆไม่ได้ตอนที่เธอร่ายวิถีออกมาเสียงดัง.
ถึงแม้พลังของมันจะน่าประทับใจแต่ปัญหามันอยู่ที่อื่นแทน.
‘ชั้นคงแข็งตายในนรกแน่ถ้าได้ยินอะไรแบบนั้น’
เขาสงสัยจริงๆว่าคนคิดวิถีมารแบบนี้เป็นโรคจูนิเบียวรึป่าว.
“แน่นอนว่าพวกศัตรูคงไม่ยืนอยู่เฉยๆให้เธอร่ายจบแบบเป้านี้แน่. พวกเธอต้องหูไวตาไวและใช้วิธีร่ายแบบอื่น. แต่ถ้าจะให้ง่ายที่สุดก็คือไม่ต้องร่ายเลย. แต่พลังมันก็จะลดลงล่ะนะ. วิถีทำลายที่31 ชัคกาโฮ”
เธอยิงวิถีมารออกไปอีกครั้งแต่มันดูอ่อนแอกว่ามากรอบนี้. “ก็ตามที่พวกเธอเห็น. หากร่ายวิถีมารโดยไม่มีคำร่ายก่อนจะทำให้เสียพลังไป. มีคำถามมั้ย?”
โมโมะยกมือขึ้นมาแล้วถาม “หนูเคยศึกษาเรื่องวิถีมารตอนเวลาว่าง. แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเลย พวกวิถีมารที่ไม่ได้มีหมายเลขน่ะค่ะ. มันคืออะไรคะ?”
นานาโอะตอบ “ชั้นคงตอบคำถามนั้นไม่ได้ค่ะ. จริงๆแล้ววิชาวิถีมารที่ไม่ได้อยู่ในตารางสอนของพวกเธอ หน่วย4จะเป็นคนสอนให้. หากสนใจในวิถีมารรักษาก็ให้ทำผลการเรียนด้านวิถีพันธนาการให้ดีๆ แล้วจะเข้าหน่วยได้เองค่ะ. มีอีกมั้ย?”
ครั้งนี้โกโจเป็นคนถามแทน “เป็นไปได้ไหมครับที่จะใช้วิถีมารโดยไม่พูดอะไรเลย?”
นานาโอะขมวดคิ้วขึ้นมา “พูดตามตรง คนที่ทำแบบนั้นได้หายากมาก. คนที่ใช้วิถีมารได้แบ่งเป็น3ระดับ. ระดับฝึกหัด, ระดับเชี่ยวชาญและระดับปรมาจารย์ค่ะ. ทั่วทั้งเซเรเทย์และจากหัวหน้าหน่วยทุกคนในตอนนี้ ชั้นรู้แค่ว่ามี5คนที่อยู่ในขั้นปรมารจารย์ค่ะ”
“โอ๋? ช่วยบอกได้ไหมครับว่า5คนนี้เป็นใคร?”
“ไม่มีปัญหาค่ะ. คนแรกและคนที่เก่งที่สุดก็คือท่านหัวหน้าใหญ่, คนที่สองก็คือท่านหัวหน้าอุโนะฮานะแห่งหน่วยที่4. คนที่สามก็คือหัวหน้าคุจิกิ งินเรย์แห่งหน่วยที่6. แล้วก็ท่านหัวหน้าชิบะ อิชชินแห่งหน่วย10และสุดท้ายก็ท่านหัวหน้าอุคิทาเกะแห่งหน่วย13ค่ะ.”