ตอนที่15: เป้าหมายคือ..?
ชั่วโมงเรียนจบลงหลังจากคำถามสุดเหลือเชื่อของโกโจ.
เก็นโบโร่ตอบเขาได้เพียงอย่างเดียวว่าจบก่อนเวลานั้นสามารถเป็นไปได้.
เวลาที่เหลือในวันนั้นนักเรียนสามารถเลือกเรียนได้อย่างอิสระ.
ข่าวลือนี้แพร่สะพัดไปในไม่กี่ชั่วโมงหลังวิชานั้น. นักเรียนและอาจารย์คนอื่นๆรับรู้กันหมด บ้างก็คิดว่าจองหอง บ้างก็คิดว่าต้องระวังตัวเอาไว้.
--
ในขณะที่โกโจคนสร้างข่าวลือนั้นไม่ได้สนอะไรเลย.
ความจริงแล้วเขาไม่คิดว่าต้องใช้เวลาถึง6เดือนด้วยซ้ำ.
เหตุผลที่เขาเข้าโรงเรียนมาไม่ใช่เพราะจะมาเรียน แต่เพื่อรวบรวมข้อมูล วิชาและพลังต่างหาก.
เขารู้ดีว่าระบบแบบนี้เป็นอย่างไร.
หลังจากจบคลาสเรียนแล้วเขาไม่ตามโมโมะกับคนอื่นๆไปเรียน. เขารีบรุดหน้าไปยังวิหารแห่งความรู้หรือก็คือห้องสมุดนั่นเอง.
---
ห้องสมุดของโรงเรียนนี้ก็เหมือนกับห้องสมุดอื่นๆในโลก. แม้ว่ามันจะมีคัมภีร์มากกว่าหนังสือก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเขาเคยใช้มาแล้วทั้งสองอย่าง.
ผ่านไปแล้วสองสามชั่วโมงหลังจากที่โกโจนั่งอยู่คนเดียวในห้องสมุด. ที่โต๊ะของเขานั้นมีกองหนังสืออยู่เต็มไปหมด.
ขนาดในโลกคนตายเอง นักเรียนก็ไม่อยากจะมาห้องสมุดกัน.
เขาเองก็เช่นกัน ถ้าตอนนี้ไม่รีบอยากหาความรู้ล่ะก็นะ.
ตอนแรกนั้นเขาถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเพราะยังไม่มีบัตรและจำนวนหนังสือที่นักเรียนปีหนึ่งจะหยิบมาดูได้ก็น้อยมาก แต่โชคดีที่เขาใช้หน้าตาได้เป็นประโยชน์.
แค่พูดหวานหูหน่อยและสัญญาว่าจะไปเดทกันทีหลังก็พอจะทำให้นักเรียนปี6ยอมให้ยืมบัตรของเธอแล้ว.
แต่พอนึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุเท่าทวดของเขา โกโจจึงหัวเราะแห้งๆออกมา.
แม้ว่าเขาจะมีเรื่องให้ปวดหัวทีหลังก็ตาม การเรียนรู้ตลอดหลายชั่วโมงนี้ก็เริ่มเป็นผล. เขาได้ข้อมูลมากเลยทีเดียว.
อย่างแรกคือเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าหน่วยไหน.
“เริ่มยากแล้วแหะ. ถ้าอยากจะใช้ไร้ขอบเขตอีกรอบ เราคงต้องเข้าใจเรื่องพลังวิญญาณก่อน”
เขาพึมพำออกมด้วยความลำบากใจ.
ในหมู่วิชาไสย์เวทย์นั้น ไร้ขอบเขตนอกจากจะเป็นพลังที่เดาได้ยากและอันตรายมากๆแล้ว มันก็นับได้ว่าเป็นพลังที่แกร่งที่สุด.
แต่เหตุผลที่โกโจไม่คิดว่าไร้ขอบเขตเป็นวิชาที่แกร่งที่สุดก็เพราะมันไม่ต่างอะไรกับวิชาป้องกันตัวที่น่าปวดหัวเลย.
แค่ไร้ขอบเขตอย่างเดียวนั้นไม่มีความหมาย เพราะมันเป็นวิชาที่ไม่สมบูรณ์. มันจะแสดงพลังสูงสุดได้ก็ต่อเมื่อใช้กับริคุกันเท่านั้น.
แต่ถึงแม้จะมีริคุกัน วิชานี้ก็ยังมีข้อเสียร้ายแรงอยู่.
หัวของโกโจจะปวดทุกครั้งที่นึกถึงตอนเขาเกือบตายเพราะดาบของพ่อเมกุมิ.
เขาเอาเท้าขึ้นมาพาดโต๊ะแล้วเริ่มคิดถึงอนาคตตัวเอง.
“รีบไปก็ไม่มีอะไรดี. ใช้สัปดาห์แรกนี้ให้ชินกับโรงเรียนก่อนแล้วก็เรียนวิถีมารไปด้วยดีกว่า”
น่าเสียดายที่นักเรียนปี6 สามารถเรียนวิถีมารได้ถึงแค่วิชาที่60เท่านั้น. ทั้งวิถีพันธนาการและวิถีทำลาย.
บันทึกของวิถีมารนั้นก็ไม่มีซักเล่มด้วย.
ถ้าเขาได้เรียนวิถีมารแล้วล่ะก็ เขาจะลองดูว่าตัวเองใช้วิชาไสย์เวทย์ได้เหมือนเดิมหรือไม่.
“ฮ่าๆ พอคิดแล้วก็ตลกจริง. บางทีเราลองทำตัวแบบนายคิสุเกะนั่นแล้วสร้างหน่วยของตัวเองขึ้นมาดีไหมนะ?”
พอนึกดูว่าตัวเองจะสร้างโรงเรียนไสย์เวทย์ขึ้นมาเองได้ไหม ใจเขาก็เริ่มเต้นรัว “ลองดูดีกว่า. ชั้นจะเป็นผู้ใช้ไสย์เวทย์คนแรกของโซลโซไซตี้ให้ดู”