ตอนที่แล้วตอนที่ 13: ยามาโมโตะ เก็นริวไซ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่15: เป้าหมายคือ..?

ตอนที่14: ความรู้ทั่วไป


ในโรงเรียนชินโอนั้นไม่ได้มีแค่2ห้อง. ความจริงแล้วมันมีอยู่ทั้งหมด4ห้อง.

เพียงแต่ว่าห้อง3และ4นั้นมีไว้ให้เหล่าลูกคนใหญ่คนโตที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้เท่านั้น.

ในห้องเหล่านั้นพวกเขาจะได้เรียนแค่ความรู้ทั่วไปและพื้นฐานบางอย่างเท่านั้น.

ในห้องสองนั้นคือห้องที่เรียกได้ว่าเป็นห้องธรรมดาที่สุดแล้วก็ว่าได้.

ส่วนห้องที่1นั้นเป็นห้องที่รู้กันว่าเป็นห้องสำหรับพวกหัวกะทิและเป็นห้องที่มีจำนวนนักเรียนน้อยที่สุด แถมส่วนใหญ่ก็ยังเป็นพวกลูกคนใหญ่คนโตด้วย.

นักเรียนทุกคนในห้อง1ถ้าไม่ยอมแพ้ไปกลางทางก่อน ก็จะได้เป็นหัวหน้าหน่วยทุกคน.

---

ในห้องหนึ่งนั้นก็ไม่ได้ต่างจากโรงเรียนอื่นๆที่โกโจรู้จักเลย. มันเป็นห้องใหญ่ๆที่สามารถจุคนได้หลายร้อยคน แต่จำนวนนักเรียนที่อยู่ตอนนี้กลับมีแค่50กว่าเท่านั้น.

ทันทีที่โกโจและโทชิโร่เข้าห้องไป พวกเขาก็เห็นโมโมะโบกมือให้.

“โกโจซัง! ชิโระจัง! มานี่เร็ว หนูจองที่ไว้ให้แล้ว”

โกโจหัวเราะออกมาเล็กน้อยหลังเห็นโทชิโร่หน้าแดง. การถูกเรียกด้วยชื่อเล่นน่ารักๆแบบนั้นในวันแรกคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก.

ถึงแม้โทชิโร่จะไม่เด็กเหมือนที่เธอเรียกและดูอายุราวๆ15แล้วก็ตาม. ความจริงเขาก็คือคนที่เด็กที่สุดในห้อง.

‘แต่เอาจริงๆเราก็เด็กสุดนะ’

โกโจหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะขู่โมโมะและโทชิโร่ว่าห้ามบอกอายุเด็ดขาดในภายหลัง.

เมื่อโกโจกับโทชิโร่เดินมา เขาก็เห็นผู้ชายสองคนนั่งอยู่ข้างๆ. คนหนึ่งมีผมสีทองดูท่าทางอายนิดหน่อยกับคนผมสีแดงท่าทางนักเลง.

“โย่! ช่วยแนะนำเพื่อนของเธอให้ผมรู้จักหน่อยสิ?”

โกโจทำมือทักทายแล้วยิ้มให้เหมือนกับไม่มีอะไรทำให้เขาร้อนใจได้เลย.

“แน่นอนค่ะ! โกโจซัง, ชิโร่, สองคนนี้คือเพื่อนร่วมห้องของหนูเองค่ะ. อะบาไร เร็นจิและคิระ อิซุรุ. เร็นจิ, คิระ นี่คือคนที่ชั้นพูดถึงไงล่ะ”

ชายที่ชื่อเร็นจิมองไปทางโกโจแบบแปลกๆ แล้วกล่าว “เจ้าคนหน้าตาเพี้ยนๆนี่น่ะหรอที่ฆ่าฮอลโล่ว?”

“เร็นจิ!”

“เห, เพี้ยนๆงั้นหรอ?” โกโจยกผ้าปิดตาขึ้นเล็กน้อยแล้วมองเร็นจิจากหัวจรดเท้า.

“เหอะๆ”

เร็นจิสะดุ้งเล็กน้อย. ตอนแรกนั้นเขานึกว่าโกโจตาบอด แต่เสียงหัวเราะเย้ยนั้นมันเสียบแทงมากกว่าคำพูดล้านคำเสียอีก.

“ไอ้หมอนี่! หัวเราะอะไร?”

โกโจถอนหายใจแล้วนั่งลง “ก็แหม ดูนายสิ. ผมพะรุงพะรัง, เสื้อผ้าก็ใส่ดีๆไม่เป็นแถมยังพูดแบบนั้นอีก. นายน่ะหน้าตาดีนะ แต่ดันทำตัวแบบนี้ซะได้. สาวๆคงไม่แลล่ะสิท่า?”

ภาพของผู้หญิงผมสั้นสีดำเรียกเขาเจ้าบื้อไม่ก็เจ้าหน้าลิงผุดขึ้นมาในหัวของเร็นจิ จนเขาทรุดลงไปกองกับพื้น.

“ฮ่าๆๆๆ! จะมาสู้กับชั้นยังเร็วไปพันปีนะ”

เร็นจิหัวเราะเจื่อนๆแล้วกล่าว “นายนี่ปากร้ายใช่เล่นนะ. แต่ชั้นชอบคนตรงๆแบบนาย. ขอโทษที่ว่านายเกินไป. เหมือนที่โมโมะพูดนั่นแหละ ชั้นชื่อ อะบาไร เร็นจิ. แต่เรียกชั้นเร็นจิเฉยๆก็ได้”

“โกโจ ซาโตรุ. เรียกชั้นยังไงก็ได้”

ทั้งสองคนเอามือชนกันแบบลูกผู้ชาย.

โกโจเองก็เคยถูกว่าเพราะท่าทีเพี้ยนๆเหมือนกัน.

แต่พอเขาได้เป็นนักเรียนระดับท้อปแล้ว คนอื่นๆก็เลิกล้อไป.

“ทุกคนนั่งลง. ได้เวลาเรียนแล้ว”

เสียงคุยหยุดลงเมื่ออาจารย์โฮมรูมเข้ามา.

“อรุณสวัสดิ์ทุกคน. ขอแจ้งให้นักเรียนใหม่ให้ทราบก่อน, ชั้นคืออาจารย์โฮมรูมของนักเรียนปี1ห้อง1. ชื่อว่า โอนะบาระ เก็นโกโระ”

ชายหัวล้านยืนอยู่บนโพเดี้ยมขณะแนะนำตัวเอง.

ขณะมองนักเรียนของเขาสีหน้าเขานั้นดูเคร่งขรึมมาก.

“โรงเรียนชินโอจะสอนทุกอย่างที่จะทำให้พวกเธอเป็นยมทูตที่ดีให้เอง. สิ่งแรกที่พวกเธอจะได้เรียนก็คือซันเค็นโซคิ วิชาต่อสู้พื้นฐานของยมทูตนั่นเอง”

พอพูดจบ เขาก็เริ่มวาดผังบนกระดานดำ. “ซันสื่อถึงวิชาดาบหรือเรียกว่าซันจัทสึ

. เค็นสื่อถึงวิชาสู้มือเปล่าหรือฮาคุดะ. โซสื่อถึงวิชาเคลื่อนไหวหรือโฮโฮ. คิสื่อถึงวิชามารหรือวิถีมาร.”

“หากอยากจะเรียนให้จบ พวกเธอต้องไปถึงขั้นฝึกหัดของวิชาทั้งสี่นี้ในเวลาเรียน6ปีเสียก่อน. หลังจากนั้นพวกเธอก็จะถูกส่งไปหน่วยพิเศษหรือเข้า13หน่วยพิทักษ์หรือทั้งสองตามผลการเรียนของพวกเธอ”

นักเรียนใหม่คนหนึ่งยกมือขึ้นมา “หน่วยพิเศษคืออะไรครับ?”

อาจารย์พยักหน้าแล้วกล่าว “หน่วยพิเศษนี่มีเยอะเลยล่ะ. บางหน่วยก็เป็นหนึ่งใน13หน่วยพิทักษ์ด้วย บ้างก็เป็นหน่วยแยกไปเลย”

อาจารย์คนนั้นหันกลับไปวาดผังต่อบนกระดาน.

“หน่วยพิเศษหน่วยแรกและเป็นที่ล่วงรู้กันก็คือหน่วยลับ. ย้อนแย้งกับชื่อมากเลยล่ะ. หากพวกเธออยากจะเข้าหน่วยนี้ จำเป็นจะต้องเชี่ยวชาญวิชาฮาคุดะและโฮโฮะเสียก่อน.

เมื่อ60ปีก่อน หน่วยลับได้ผสานเข้ากับหน่วยที่2ของ13หน่วยพิทักษ์ตามคำสั่งของผู้นำตระกูลชิโฮอินรุ่นที่23 ชิโฮอิน ยูชิโระ. ส่วนหัวหน้าหน่วยคนปัจจุบันนั้นก็คือหัวหน้าซุยฟง”

โกโจนึกขึ้นมาในใจ ‘ยัยหนูตัวเล็กนั่นเป็นคนใหญ่เหรอเนี่ย. ฮ่าๆ จะได้เจอกันอีกมั้ยนะ”

เก็นโกโระหยุดพูดแว่บหนึ่งก่อนจะถามออกมา “ใครรู้บ้างว่าตระกูลชิโฮอินมีฐานะอะไรในเซเรเทย์?”

คิระยกมือขึ้นแล้วตอบ “เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ทั้ง4ครับ”

“ถูกต้อง. เดี๋ยวพวกเธอจะได้เรียนเรื่องนี้ในวิชาความรู้ทั่วไป. ครูจะไม่พูดเพิ่มแล้วกันนะ. กลับมาที่เรื่องหน่วยพิเศษต่อ”

“หน่วยพิเศษที่รู้จักกันเป็นลำดับสองก็คือหน่วยวิถีมาร. ครูว่าพวกเธอคงเคยเห็นบ้างแล้วล่ะ. คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าต้องเชี่ยวชาญวิชาไหน. แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ไปต่อกันเลย”

“หน่วยพิเศษที่สามที่เพิ่งสร้างเมื่อ60ปีก่อนโดยชายที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะนามว่า อุราฮาระ คิสุเกะ. อดีตหัวหน้าหน่วยที่12และผู้นำหน่วยวิจัย. ตอนนี้หัวหน้าหน่วยที่12และผู้นำหน่วยวิจัยคนปัจจุบันก็คือ หัวหน้า คุโรสึจิ มายูริ”

ใครเห็นก็รู้ว่าสีหน้าอาจารย์คงไม่อยากพูดถึงชื่อนั้น.

“หากจะเข้าหน่วยนี้ พวกเธอต้องเชี่ยวชาญด้านวิถีมาร, วิถีพันธนาการหรือบาคุโดะ, วิชาคิโดะและความรู้ทั่วไป”

“สุดท้าย, พวกเราก็มีหน่วยรักษาที่ถูกสร้างเมื่อ200ปีก่อนโดยหัวหน้าหน่วยที่4 ท่านอุโนะฮานะ เร็ตสึ. หน่วยนี้เชี่ยวชาญด้านการใช้ไคโดะหรือวิถีมารรักษา เป็นอีกวิชาแยกของวิถีมาร.

ส่วนใครอยากจะเข้า13หน่วยพิทักษ์อื่นนั้น ก็ต้องเชี่ยวชาญวิชาซันจัตสึและฮาโดะไม่ก็วิถีทำลาย”

จากนั้นอาจารย์ก็หันมาหานักเรียน “มีคำถามไหม?”

ความจริงเขาแค่ถามไปโดยไม่หวังอะไรทั้งนั้น. เพราะเขาได้อธิบายไปอย่างชัดเจนหมดแล้ว.

แต่เขาก็ผิดหวังกับการคาดหมายของตัวเองเมื่อนักเรียนคนหนึ่งยกแขนขึ้นมา. เขาเห็นนักเรียนที่มีผ้าปิดตาเอาไว้อยู่.

เขาสงสัยอยู่แว่บหนึ่งว่านักเรียนคนนี้ตาบอดหรือไม่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร. เขายังจำได้ดีว่าเมื่อ100ปีก่อนมีนักเรียนที่ตาบอดเหมือนกันนี้ชื่อว่า โทเซ็น คานาเมะอยู่. เขาตรากตรำมาตลอดจนได้เป็นหัวหน้าหน่วยที่9คนปัจจุบันไป.

“ครับ, มีอะไรจะถามหรือ? ช่วยแนะนำตัวเองหน่อยได้ไหมครับ?”

“ขอบคุณครับอาจารย์. ผมชื่อว่าโกโจ ซาโตรุ ผมมีคำถามนิดหน่อยครับ”

“ว่ามาสิ”

“การศึกษาใช้เวลา6ปีใช่ไหมครับ?”

“ถูกต้อง”

“ถ้างั้น...ถ้าผมอยากจะจบภายใน6เดือนผมต้องทำยังไง?”

คำถามนั้นทำให้ทั้งห้องส่งเสียงฮือฮากันไปทั่ว.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด