ตอนที่12: สู่การเริ่มต้นใหม่ *แค่ก*
เมื่อการทดสอบจบลง มีเพียงนักเรียนแค่100กว่าคนเท่านั้นที่ผ่าน. และในหมู่นั้นมี6คน รวมโกโจและโทชิโร่ที่ได้เข้าห้อง1ไป.
แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบนี้, ผู้คุมก็ดูดีใจมาก. โกโจเข้าใจได้เลยว่าทำไม จากประสบการณ์ของเขา.
สำหรับโลกธรรมดาแล้ว ยิ่งจำนวนเยอะก็ยิ่งดี. ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนก็แพ้รุม.
แต่ในโลกเหนือธรรมชาตินั้น กฎข้อนั้นก็ไม่ถูกเสมอไปนัก.
นั่นคือเหตุผลที่คนที่มีพลังเหนือธรรมชาติ ผู้เปรียบดั่งระเบิดนิวเคลียร์มีค่ามากกว่าพวกแมงหวี่.
‘อยากรู้จริงว่าใครมันเก่งสุดในโลกนี้’
ตอนเขายังมีชีวิตอยู่เขาคือผู้ใช้ไสย์เวทย์ที่เก่งที่สุด. สิ่งที่จะทำให้เขาหายเบื่อได้ก็คือได้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ด้วย.
---
ขณะที่อาทิตย์กำลังลับฟ้า ผู้คุมกำลังจ้องหน้าเด็กใหม่ที่ผ่านมาได้อยู่ “เอาล่ะ, ในเมื่อผ่านเข้ามาได้แล้วพวกเธอก็สามารถไปทำอะไรก็ได้ในวันนี้. ไปร่ำลาครอบครัวและเพื่อนซะ. พอได้เข้าโรงเรียนอย่างเป็นทางการในพรุ่งนี้แล้ว พวกเธอจะออกไปไม่ได้จนกว่าจะถึงวันหยุดในอีกไม่กี่เดือนหน้า. เข้าใจไหม?”
“ทราบ!”
“ถ้างั้นชั้นขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน. ชั้นชื่อว่าอายามะ เคโกะ. ชั้นเป็นอาจารย์สอนปีแรกของห้อง2. สิ่งเดียวที่ชั้นอยากจะพูดก็คือ....ขอแสดงความยินดีด้วยและขอต้อนรับเข้าสู่โรงเรียนชินโอ”
ยมทูตที่อยู่รอบๆพากันปรบมือ ทำให้คนที่ผ่านเข้ามาได้เริ่มน้ำตาไหล.
แม้แต่โทชิโร่เองก็มีน้ำตาออกมาหน่อยๆเช่นกัน.
คนเดียวที่รู้สึกเบื่อก็คือโกโจ. เขาอยากจะรีบเข้าโรงเรียนให้เร็วที่สุด จะได้เรียนทฤษฏีของวิถีมารเพื่อที่เขาจะได้นำไร้ขอบเขตกลับมา.
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งด้วยริคุกันอยู่ก็ตาม, การไม่มีไร้ขอบเขตมาคอยคุ้มกันทำให้เขารู้สึกไม่วางใจนัก เหมือนกับเขาเดินตัวโป๊เลย.
มันคือความรู้สึกที่เขาไม่ชอบเลย.
“เอาล่ะก่อนจะแยกย้าย ทุกคนให้มาลงชื่อตัวเองและครอบครัวก่อน ถ้ามีนะ. แล้วก็จะได้วัดตัวพร้อมกับบอกแขนที่ถนัดด้วย”
พวกที่ผ่านพากันตื่นเต้นไปหมด. สายตาของพวกเขามองไปที่เอวของผู้คุม ตรงที่มีดาบเหน็บไว้อยู่.
ต่อให้ไม่บอก พวกเขาก็เข้าใจว่าทำไมถึงต้องบอกเรื่องแขนที่ถนัดด้วย.
ไม่นานพวกเขาก็จะได้มีดาบฟันวิญญาณเป็นของตัวเอง. ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะได้ดูเหมือนยมทูตจริงๆซะที.
โกโจนั้นก็เอามือท้าวคางตัวเอง. เขาสงสัยจริงๆว่าตัวเองจะได้ดาบฟันวิญญาณแบบไหนกัน.
จากที่โมโมะบอกมา, พวกนักเรียน จะได้สิ่งที่เหมือนกับร่างต้นของดาบฟันวิญญาณ.
หรือเรียกอีกชื่อว่าอะซาอุจิ หรือดาบไร้นาม.
เมื่ออะซาอุจิกับยมทูตสื่อถึงกันได้ พวกเขาก็จะสามารถทำให้ดาบมีตัวตนและมีชื่อขึ้นมาได้.
เมื่อรู้ชื่อของตนแล้วอะซาอุจิก็สามารถถูกเรียกว่าเป็นดาบฟันวิญญาณของจริงได้เสียที. ดาบฟันวิญญาณแต่ละเล่มนั้นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน เพราะพวกมันเกิดมาจากจิตวิญญาณของผู้ใช้.
‘ก็นะ, ขอแค่ไม่ไร้ประโยชน์ก็พอแล้ว’
นอกจากแค่สงสัยนิดหน่อยแล้ว เขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นกับอย่างอื่นอีกเลย.
‘เรียนวิถีพันธนาการไว้ก็ดีเหมือนกันแหะ’
ถ้าตอนนั้นเขาไม่โดนผนึกแบบโง่ๆล่ะก็ ทุกอย่างมันคงเปลี่ยนไปมากแน่ๆ.
----
“โกโจ คุณจะมากับผมไหม?”
“ฮ่าๆ~! ไม่ล่ะ, ตอนนี้ยัง. นายกับยายของนายคงจะมีเรื่องต้องคุยกันเยอะ. ไปอยู่กับท่านตามสบายเถอะ”
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว โทชิโร่ก็โบกมือลาให้จิดันโบ.
“แน่ใจนะ?”
โทชิโร่ถามด้วยความกังวล. หลายวันมานี้เขามองโกโจเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ไม่ก็เหมือนพี่ชายเลย.
ในรุคงไกนั้น ครอบครัวทางสายเลือดไม่มีอยู่จริง. เพราะวิญญาณส่วนใหญ่ไม่มีพลังพอจะรู้สึกหิวหรือแม้แต่ให้กำเนิดลูกด้วยซ้ำ.
โอกาสที่จะเจอครอบครัวเดิมเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้.
ดังนั้นครอบครัวส่วนใหญ่ในรุคงไกเป็นครอบครัวที่รับกันมาเลี้ยงเสียมากกว่า.
โทชิโร่, โมโมะและคุณยายเองก็เช่นกัน.
ทั้งสามคนได้อยู่ด้วยกันเสมือนครอบครัวมากกว่า100ปี.
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าครอบครัวเขาอีกแล้ว.
แต่เขาก็พอเข้าใจว่าโกโจเป็นวิญญาณหน้าใหม่ ที่ยังไม่เข้าใจวิถีของรุคงไกนัก.
ขณะที่กำลังรู้สึกเศร้าอยู่นั้น ที่ผมของเขาก็มีความรู้สึกขึ้นมา.
“โกโจ?”
โกโจนั่งลงต่อหน้าเขาแล้วกล่าว “ให้ตายสิ, เห็นเธอมองผมเหมือนผมทำอะไรผิดแบบนั้นแล้วทำให้ผมรู้สึกแย่จริงๆ. ไปกันเถอะ, กลับบ้านกัน. เดี๋ยวผมจะหาอะไรที่ทำให้ยายเฒ่าชอบผมแล้วกัน”
“อา~! ครับ. ผมว่าคุณยายจะต้องดีใจแน่ๆ!”
แล้วค่ำคืนนั้นก็ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย.
คุณยายได้ขอร้องให้เขาช่วยดูแลโทชิโร่และโมโมะ จากนั้นก็อวยพรให้.
เขารู้สึกได้เลยว่าเธอจิตใจงดงามแค่ไหน.
โกโจนั้นขาดความอบอุ่นจากครอบครัวมาตั้งแต่สมัยยังมีชีวิตอยู่.
ถึงแม้สมาชิกทุกคนในตระกูลโกโจจะสามารถใช้ไร้ขอบเขตได้. ถ้าไม่มีริคุกัน ไร้ขอบเขตก็จะเป็นเพียงแค่ไสย์เวทย์ที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้เลย.
เหตุนี้ตั้งแต่ที่เขาลืมตาดูโลกขึ้นมา, เขาก็ถูกยกย่องเหมือนเป็นเทพจากคนอื่นๆในตระกูลมาตลอด.
พอมองไปที่พระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้าและสาเกถูกๆในมือ. โกโจยกแก้วขึ้นมาดื่มในอึกเดียว.
“สู่การเริ่มต้นใหม่”
ทันใดนั้นเขาก็ไอออกมาอย่างรุนแรง “เวรเอ๊ยเอาอะไรมาทำสาเกนี่วะ? ซีนเท่ๆของชั้นเสียหมด”
เขาหยิบดังโงะออกมาจากจานข้างๆแล้วนำเข้าปากไป “อร่อยใช้ได้นะเนี่ย”