ตอนที่1: ชั้นต้องเป็นยมทูตให้ได้
[ณ โซลโซไซตี้]
“นายว่าเค้าตายยัง?”
ในที่โล่งแห่งหนึ่ง, เด็กสองคนกำลังมองไปที่ชายผมขาวที่นอนอยู่บนพื้น, ตาของเขามีผ้าสีดำปิดไว้อยู่.
“ถามอะไรของนายเนี่ย? เขาก็ต้องตายแล้วสิ ไม่งั้นจะมาอยู่นี่ได้ยังไง?”
“เอ่อ~ ไม่ใช่แบบนั้น, นายว่าเขาตายจริงๆรึป่าว?”
“จะรู้ไหมล่ะ? เขาจะตายหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเราแล้ว. อีกไม่กี่วันโรงเรียนก็จะเปิดแล้ว พวกเราต้องรีบเตรียมตัว.”
“ก็จริง. ไปกันเถอะ!”
จากนั้นเด็กทั้งสองคนก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเลย.
“ให้ตายสิ โลกนี้มันโหดจริง. ขนาดเด็กๆยังไม่มีน้ำใจเลย.”
ทันทีที่พวกเด็กๆจากไป ชายผมสีขาวโกโจ ซาโตรุก็ลืมตาขึ้นมา.
เขาเข้ามาที่โลกนี้ได้ซักพักแล้ว. ตอนแรกเขาเริ่มจะหมดความอดทนแต่ก็ยังแกล้งตายต่อไปอีกหลายชั่วโมงเพื่อแอบฟังคนอื่นๆ. เขาจำเป็นต้องเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้.
นี่คือโลกหลังความตาย.
ถึงมันจะน่าตกใจมากก็ตามแต่โกโจก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย. ขนาดก่อนตายเขายังอัดคำสาปที่แกร่งที่สุดไปสวรรค์ได้เลย.
“ฮ่าๆ~ เด็กพวกนั้นต้องทำรูปปั้นสรรเสริญเราแล้วล่ะ. บางทีโนบาระอาจจะเขียนหนังสือเราก็ได้นะ?”
พอนึกถึงศิษย์ตัวเองขึ้นมาเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย. เขาต้องยอมรับว่าการที่จากพวกเขามาทำให้รู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ตายกัน.
“ช่างเถอะ. นึกไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา.”
สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือต้องรู้ว่าจะทำอะไรต่อ.
เขายกแขนขึ้นมาแล้วขมวดคิ้ว.
“รู้สึกได้ถึงพลังแปลกๆที่ไหลผ่านตัวตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว มันไม่ใช่พลังไสย์เวทย์ด้วย”
เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายมันยังไง แต่มันรู้สึกว่าบริสุทธิ์กว่า.
พลังไสย์เวทย์นั้นก็ตามชื่อของมัน. มันเกิดจากความอำมหิตในใจของมนุษย์. เหตุนี้คำสาปต่างๆจึงมีตัวตนขึ้นมา และกลุ่มคนที่รู้จักกันในนามผู้ใช้ไสย์เวทย์จึงต้องใช้พลังนี้กำจัดพวกมันไป.
“จะว่าไปแล้ว, เราตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังรู้สึกง่วง, เหนื่อยแล้วก็หิวล่ะ?”
นี่คืออีกปัญหาที่เขาไม่เข้าใจเลย.
“แต่ที่แย่สุดก็คือ...”
เขาขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วตั้งสมาธิ. จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ถอนหายใจ.
“เรายังมีเนตรที่หกอยู่แต่ดันเสีย ‘ไร้ขอบเขต’ ไปแล้ว”
นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด. ตอนนี้เขายังไม่รู้วิธีใช้พลังใหม่นี้ เขาทำอะไรไม่ได้เลย. แม้ว่าเนตรที่หกจะช่วยให้เขาควบคุมพลังใหม่นี้ได้ดีก็ตาม, การเสียไร้ขอบเขตไปก็หมายความว่าพลังเขาหายไป80%เลยทีเดียว.
ยังดีที่ตอนนี้เขาไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายหรืออะไร.
“ไม่มีข้อมูลเพียงพอ. ไม่มีเงิน, ไม่มีบ้านแถมยังใส่ชุดกิโมโนแปลกๆนี่ด้วย. เยี่ยมจริงๆ รู้สึกเหมือนเป็นพระเอกเกมRPG เลย”
ถึงแม้สถานการณ์จะเลวร้าย แต่เขาก็ยังหัวเราะออกมาได้.
มันไม่ใช่เพราะเขาคิดว่าทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้น. เขาก็แค่ไม่อยากยอมแพ้ให้กับโชคชะตาก็เท่านั้น.
เขาลุกขึ้นมาแล้วเดินตามทางเด็กสองคนนั้นไป. เขารู้สึกได้ถึงพลังขนาดใหญ่เหมือนกับในร่างของเขา.
นั่นคือก้าวแรกสู่โซลโซไซตี้ของเขา.
----
ไม่นานเขาก็พบสิ่งที่ดูเหมือนกับเมืองใหญ่ๆ แต่พอเข้าไปแล้วเรียกว่าหมู่บ้านไม่ก็สลัมจะเหมาะมากกว่า.
พอไปเดินถามคนอื่นๆ เขาก็ประหลาดใจว่าตัวเองได้คำตอบมาง่ายๆเลย. เกือบจะทุกคนเคยอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกันกับเขามาก่อน.
“ที่นี่คือโลกหลังความตายจริงๆสินะ”
ขณะนั่งอยู่บนหินของอีกฝั่งของเมือง, โกโจถอนหายใจออกมา. ตอนแรกนั้นเขายังรู้สึกไม่เชื่ออยู่เล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสงสัยอีกแล้ว. สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยมากที่สุดตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาตายแล้วมาเกิดในโลกนี้.
“ชั้นสู้เพื่อปกป้องโลกสุดท้ายกลับต้องมาลงเอยที่สลัมนี่นะ? หรือเพราะเราโกงมาเยอะหว่า? ก็ไม่น่าจะทำให้เรามาอยู่แบบนี้หรอกมั้ง?”
เขาล้อตัวเองเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง.
หากข้อมูลที่เขาได้มาถูกต้องหมดแล้วล่ะก็ แสดงว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ในโซลโซไซตี้. เขตที่80ของทางเหนือหรือเรียกอีกชื่อว่า รุคงไก. เป็นเขตที่ที่วิญญาณหลงทางโผล่มาบ่อยมาก.
แต่ข้อมูลที่ทำให้เขาสนใจมากที่สุดก็คือ,
“ยมฑูตและฮอลโล่ว”
หลังจากตายแล้ว มนุษย์มีจุดจบอยู่สองอย่างตามดวงของตัวเอง.
ถ้าไม่ถูกเหล่ายมทูตนำทางไปเข้าโซลโซตี้ก็กลายเป็นฮอลโล่วแล้วเข้าไปในฮูเอโก มุนโด้แทน.
“เหมือนกับผู้ใช้ไสย์เวทย์และพวกคำสาปจริงๆ. ฮอลโล่วเกิดมาจากวิญญาณ ส่วนยมทูตก็คือวิญญาณที่พัฒนาไป. พูดง่ายๆก็คือพวกนั้นมีพลังงานแบบเดียวกัน. เหมือนกับผู้ใช้ไสย์เวทย์และคำสาปที่ใช้พลังคำสาปเหมือนกัน”
ยิ่งไปกว่านั้นคือ,
“ยมฑูตสามารถลงไปบนโลกเพื่อฆ่าฮอลโล่วได้”
นี่คือจุดสำคัญมาก. เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากเขาตายไปแล้ว. ต่อให้เขากำจัดสุคุนะออกจากร่างยูจิไปแล้วก็ตาม ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก?
ถ้าเขากลับไปที่โลกได้ล่ะก็...
“ก็นะ. ถ้าเวลาทั้งสองโลกมันเดินเหมือนกัน.”
อย่างน้อยดูจากชุดและท่าทางของคนอื่นๆแล้ว, เขาก็มั่นใจว่า ‘สวรรค์’ นี่มีวัฒนธรรมญี่ปุ่นอยู่บ้าง. แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่รู้.
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีทางออกแล้ว,
“ชั้นต้องเป็นยมทูตให้ได้”