ตอนที่ 21: ความเย็นในห้องสมุด
[ณ ห้องสมุดของโรงเรียนชินโอ]
“ชั้นบอกคุณกี่ครั้งแล้วค่ะว่าอย่าโดดเรียน?”
นานาโอะมองโกโจด้วยความผิดหวังขณะที่บ่น.
แค่หัวหน้าของเธอก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว ตอนนี้เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองได้เพิ่มปัญหาเข้ามาใส่ตัวเองซะแล้ว.
โกโจเก็บหนังสือในมือก่อนจะหยิบอีกเล่มออกมาแล้วหัวเราะให้เธอเล็กน้อย.
ในตอนนี้นั้นเขาไม่ได้ใส่ทั้งแว่นดำและผ้าปิดตา. เพราะต่อให้พลังของเขาจะแกร่งแค่ไหนเขาก็คงไม่บ้าอ่านหนังสือโดยมีอะไรบังตาอยู่หรอก...
พอเห็นดังนั้นนานาโอะก็ยอมแพ้แล้วหันไปหาโทชิโร่ที่นั่งอยู่ข้างๆแทน “ขอร้องล่ะนะคะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าโตมาเป็นแบบเขาเด็ดขาด”
โทชิโร่ได้แต่พยักหน้าเจื่อนๆให้.
นานาโอะได้พบเพื่อนของโกโจทุกคนแล้ว. และถึงแม้ทุกคนจะทำตัวประหม่าเพราะตำแหน่งและท่าทีของเธอก็ตาม พวกเขาก็รู้ดีว่าลึกๆแล้วเธอเป็นคนอ่อนโยนมากๆ.
นอกจากนานาโอะที่สนิทกับเขามากที่สุดแล้วก็มีโมโมะ แต่เธอพยายามไม่ติดตามไปไหนบ่อยเพราะเธอกับคิระคือตัวแทนของนักเรียนปีหนึ่ง.
“พี่ซาโตรุ, ผมว่าพี่เพลาๆหน่อยก็ดีนะ. ผมได้ยินพวกนักเรียนพูดถึงพี่ระหว่างทางมานี่แล้วข่าวที่พี่มีเรื่องกับอาจารย์ไคโรก็รู้กันหมดแล้วด้วย. ชื่อเสียงพี่มีแต่แย่กับแย่ลงนะ”
“หืม...แล้วยังไงล่ะ?”
ครั้งนี้ทั้งสองคนอึ้งไปเลย.
พอเห็นทั้งสองคนเงียบไป โกโจก็ถอนหายใจออกมา. เขารู้ว่าพวกนั้นเป็นห่วงเขา แต่นั่นก็เป็นความรู้สึกที่เขาไม่คุ้นเอาเสียเลย.
“ฟังนะ, เป้าหมายของผมตอนที่เข้าโรงเรียนมาคืออะไร?”
“หาข้อมูลเรื่องวิถีมารและความรู้พื้นฐานจากโรงเรียน”
“แล้วคิดว่าผมทำอะไรอยู่ล่ะ?”
“..”
“เห็นมั้ย? เป้าหมายก็เห็นๆกันอยู่. คนเราชอบเอาตัวเองไปยุ่งในที่ที่ไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง. ตอนนี้จะบอกว่าผมบรรลุเป้าหมายแล้วก็ได้. โรงเรียนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องสอนอะไรผมอีกต่อไป”
โกโจไม่ได้พูดเล่น. สถานะนักเรียนของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาให้ความสำคัญเลย. ทุกอย่างที่เขาต้องการก็คือความรู้และข้อมูล.
“จะพูดให้ถูก โรงเรียนนี้ก็แค่สิ่งจำเป็นเฉยๆเท่านั้น”
ในฐานะนักเรียน แม้ว่าเขาจะสามารถหาข้อมูลได้เยอะแต่เขาก็ยังมีข้อจำกัดที่ล่วงรู้ไม่ได้อยู่.
เหตุนี้เขาจึงจำเป็นจะต้องเลื่อนสถานะตัวเอง หรือก็คือเป็นยมทูตนั่นเอง.
“ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่ต้องไปศึกษาที่โลกมนุษย์ในอีกสองสัปดาห์ล่ะก็ ผมคงไปขอจบการศึกษาแล้ว”
เขาได้วิชาซันจัตสึมาบ้างแล้วและต่อให้ยังไม่มีชิไคก็ตาม. การจะจบหลักสูตรนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องมีชิไคเสมอไป.
นานาโอะถอนหายใจออกมาและเลิกตื๊อ. เพราะเธอรู้ดีว่าโกโจนั้นไม่ใช่คนขี้เกียจ. เขาแค่เป็นคนมีเป้าหมายตรงๆและจะโยนอย่างอื่นที่ไม่จำเป็นทิ้งไป.
ยิ่งไปกว่านั้น เธอต้องยอมรับว่าวิชาใหม่ที่เขาสร้างขึ้นมานั้นทำให้เธอสนใจมากๆ.
หญิงทุกคนในตระกูลอิเสะจะไม่สามารถสร้างพันธะกับดาบของตนได้เลย เธอเองก็เช่นกัน.
เหตุนี้เธอจึงไม่มีสิ่งที่เอาไว้ใช้โจมตีดีๆ. แต่ถ้าเธอได้เรียนประกายทมิฬล่ะก็....
‘มันก็คงไม่ง่ายแบบนั้นหรอก’
โกโจใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่ที่เจอกับเธอเพื่อสร้างประกายทมิฬ, แต่ตอนนี้เขาก็ยังมีปัญหาเรื่องควบคุมมันอยู่.
“ฮึ่ม, เอาเถอะ. ชั้นไมได้เรียนคุณมาวันนี้เพราะจะดุหรอกนะคะ”
“เห?! จริงเหรอ? อย่าเพิ่งหยุดสิ. ผมยอมรับเลยนะว่าถูกดุพร้อมกับมองด้วยสายตาเย็นชาผ่านแว่นตาของคนสวยๆแบบคุณรู้สึกดีมากๆ”
โทชิโร่ตัวสั่นเทาขึ้นมาทันทีที่เห็นสายตาเย็นชาของนานาโอะ แต่โกโจกับหัวเราะออกมาแทน “ฮ่าๆ หยุดก็น่าจะดีเหมือนกัน. คงไม่อยากทำให้เด็กเสียคน ใช่ไหม?”
นานาโอะเริ่มปวดไมเกรนขึ้นมา โกโจนั้นเป็นคนที่มีเสน่ห์มากๆ เธอยอมรับเลยว่าเธอก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่โชคดีที่ทุกครั้งเธอเริ่มมีความรู้สึกให้ เขาก็จะทำลายมันลงด้วยมุกเห่ยๆของเขา.
“ช่วยจริงจังหน่อยได้ไหมคะ?”
“โทษทีๆ จริงจังก็ได้. แล้วมีอะไรงั้นเหรอ?”
พอมั่นใจแล้วว่าเขาจะไม่เล่นมุกต่อ เธอก็เริ่มจริงจัง “คุณตัดสินใจรึยังคะว่าจะเข้าหน่วยไหน?”
นานาโอะรู้ดีว่าที่เขาพูดเมื่อตะกี้นั้นคือเรื่องจริง. ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้เขาจะจบการศึกษาตอนไหนก็ได้. หากว่ากันจริงๆ ความสามารถด้านวิถีมารและฮาคุดะของเขาในตอนนี้สามารถทำให้เขาเข้าหน่วยไหนก็ได้ที่อยากเข้าได้ในทันที.
โกโจอ่านหนังสือเล่มต่อไปแล้วกล่าว “ก็นะ, ผมก็คิดไว้อยู่บ้าง. แต่ผมก็รับฟังคำแนะนำนะ. อยากให้ผมเข้าหน่วยคุณไหมล่ะ?”
“เอาตามตรงเหรอคะ? ไม่ค่ะ. หัวหน้าของชั้นก็ปวดหัวมากพอแล้ว. ถ้ามีอีกคนมาคงไม่ไหว”
“โอ๊ย! ผมรู้สึกหัวใจตัวเองแตกสลายเลยแหะ. ชิโระ นายว่าเธอพูดแรงไปไหม? นายจะเข้าหน่วยเดียวกับผมใช่มั้ย?”
“ฮ่าๆ...” สิ่งเดียวที่โทชิโร่ทำได้ก็คือหัวเราะแห้งๆให้แล้วหลบสายตา.
“ไม่นึกเลยว่าขนาดน้องชายของชั้นเองยังทิ้งชั้น. เห้อ โลกช่างโหดร้าย. โอะ? เจ้าหญิงเยือกเย็นยิ้มงั้นเหรอ?”
“คิดไปเองแล้วค่ะ”
“ไม่ล่ะ ผมมั่นใจว่าผมเห็นนะ. ไม่มีอะไรผ่านตาผมไปได้. แต่เอาจริงๆนะ ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ?”
“ในอีกประมาณสิบปี หัวหน้าหน่วยที่3และ6คนปัจจุบันจะสละตำแหน่งค่ะ. ทุกหน่วยคงวุ่นน่าดู”
“อ๋อ? ก็เลยอยากให้ผมรอเสียบตำแหน่งหัวหน้าสินะ?”
นานาโอะลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้ “ชั้นรู้ค่ะว่ามันบ้าแต่ชั้นรู้สึกว่าถ้าเป็นคุณคงจะไม่ยากเกินไปแน่. อย่างน้อยเป็นรองหัวหน้าหรืออันดับสามก็ได้. แต่คุณคงเป็นหัวหน้าหน่วยที่6ไม่ไหวหรอกค่ะ.”
“ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้”
“ชั้นพูดจริงค่ะ. ตอนนี้ผู้ลงสมัครมีอยู่สองคน. รองหัวหน้าคุจิกิ เบียคุยะก็ถูกเลือกให้มาแทนหัวหน้าคุจิกิ งินเรย์แล้วด้วย. เขาถูกติดสินแล้วว่ามีความสามารถเพรียบพร้อมทุกอย่าง ตอนนี้ก็มีแต่ให้เขารอแค่นั้นค่ะ”
“อา, เส้นใหญ่นี่เอง”
“ไม่หรอกค่ะ. ต่อให้เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ก็เลือกเองไม่ได้. หากจะเป็นก็ต้องมีความสามารถเพรียบพร้อมค่ะ”
“อย่างเช่น?”
“อย่างแรกที่เห็นทั่วๆไปก็คือแสดงบังไคให้ดู. การแสดงนี้จะต้องมีหัวหน้าหน่วยอย่างน้อยสามคนเป็นพยานรวมถึงหัวหน้าใหญ่ด้วย. อย่างที่สองที่ยากกว่าก็คือ คุณจะต้องได้รับการอณุมัติจากหัวหน้าหน่วย6คนจากทั้งหมด13คนแล้วก็ต้องให้อีก3คนยอมรับจาก7คนที่เหลือ. อย่างสุดท้ายที่ยากที่สุดและง่ายที่สุดในเวลาเดียวกัน. นั่นก็คือต้องเอาชนะหัวหน้าหน่วยโดยมีสมาชิกของหน่วยนั้นอย่างน้อย200คนเป็นพยานค่ะ.”
เธอขมวดคิ้วขึ้นมา “พูดตรงๆว่า ต่อให้คุณแกร่งพอๆกับหัวหน่วยก็ตาม ชั้นก็ไม่แนะนำให้คุณเลือกวิธีนี้ค่ะ. นอกจากหน่วย11ที่มีธรรมเนียมต้องฆ่าหัวหน้าคนก่อนแล้ว ถ้าคุณเลือกวิธีนี้คุณคงใช้ชีวิตไม่ราบรื่นแน่ค่ะ.”
เธอไม่เข้าใจพวกสมองกล้ามหน่วย11นั่นเลย.
โดยรวมแล้วหน่วย11นั้นเป็นหน่วยที่แกร่งที่สุด. หัวหน้าหน่วยแต่ละคนของหน่วยนั้นคือสิ่งที่มีค่า.
ในสายตาเธอนั้นธรรมเนียมนั่นเป็นสิ่งที่ไร้สาระมาก แต่เธอก็ไม่มีอำนาจพอจะประท้วงมัน.
“ฮึ่มมม...ว่าแต่คุณพูดว่ามีคนลงสมัครสองคนใช่มั้ย? คนชื่อคุจิกิที่รอเสียบตำแหน่งหัวหน้าหน่วย6อะไรนั่น. แล้วหน่วยที่สามล่ะ?”
“เบียคุยะค่ะ. คุจิกิ เบียคุยะ”
“จ้าๆ. เบียคุยะ. ใครจะไปสนกัน? คนที่สองคือใครล่ะ?”
“เห้อ.... ผู้ลงสมัครตำแหน่งหัวหน้าหน่วยที่3คือรองหัวหน้าหน่วยที่5. อิจิมารุ งินค่ะ”
---
[ณ หน่วยที่สอง, เซเรเทย์]
ขณะนี้ซุยฟงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตำแหน่งผู้นำตระกูลฟง เธอจึงไม่ได้ใส่เสื้อหัวหน้าหน่วยอยู่.
ตระกูลฟงนั้นเป็นตระกูลผู้ดีที่มีไมตรีกับตระกูลชิโฮอิน.
ตามจริงแล้ว ผู้นำตระกูลชิโฮอินคนปัจจุบัน, ชิโฮอิน ยูชิโร่จะต้องเป็นผู้ได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยที่สอง.
แต่ถึงแม้เขาจะเป็นเด็กหนุ่มที่มีความสามารถมากแค่ไหน ตอนนี้เขาก็ยังไม่มีพละกำลังพอจะขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้า.
ขณะที่กำลังนั่งฟังรายงานอยู่นั้น ซุยฟงที่กำลังเบื่อๆอยู่กลับเปลี่ยนท่าทีทันทีที่เธอได้ยินเรื่องโกโจกับเพื่อนของเขา.
ไคโร ฟงนั้นไม่ใช่คนที่อ่อนแอ ในเมื่อเขาพ่ายแพ้ให้กับการดวลความเร็วและวิชา มันแสดงให้เห็นว่าโกโจเติบโตขึ้นมากเพียงใด.
แต่การที่เขาสามารถสร้างวิชาที่เหมือนกับชุนโกได้?
มันทำให้เธอประหลาดใจกับโกโจมากขึ้นไปอีก.
‘ลองส่งบัตรเชิญพิเศษไปให้เขาดีไหมนะ?’
เป็นเรื่องปกติที่นักเรียนพิเศษจะได้รับอณุญาตให้ทำภารกิจร่วมกับเจ้าหน้าที่ยมทูตได้.
เพราะการมีประสบการณ์ก่อนคือสิ่งที่ดี.
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่ อิจิมารุงินทำไว้ก็ยังไม่กระจ่างด้วย.
แต่เธอถูกปฏิเสธไปรอบนึงแล้วนี่สิ.
เธอคงไม่มีหน้าไว้แน่ถ้าถูกปฏิเสธรอบสอง.
‘ฮึ่มมม...ทำยังไงดี?’