ตอนที่ 2: ศพแรก (1)
“สรุป, ชั้นอยู่ไหนวะเนี่ย?”
ชายหน้าตาอ่อนวัยผมสีเงินยืนอยู่ในป่าขณะที่ปากเคี้ยวขนมปังแข็งๆอยู่. เขากำลังขมวดคิ้วขณะที่มองไปรอบๆ.
“เห้ย, แกน่ะ, แน่ใจนะว่าไม่ได้หลอกผมอยู่น่ะ?”
พอมองไปข้างหลัง, เขาก็จ้องไปทางชายกล้ามโตที่กำลังตัวสั่นเพราะสายตาเขาอยู่.
ตั้งแต่ที่เขาออกจากเขตที่80ทางเหนือมา ก็ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว. ระหว่างทางเขาถูกดักปล้นจากพวกกลุ่มโจรไม่ซ้ำหน้าตั้งหลายรอบ. แต่พอเห็นพวกโจรไม่มีท่าทีอยากจะฆ่าเขา เขาก็เลยอัดโจรพวกนั้นให้น่วมก่อนจะยึดทุกอย่างมาและเค้นข้อมูลจนหมด.
คนที่กำลังตัวสั่นอยู่หลังเขานั้นเป็นเหยื่อรายล่าสุดของเขา. โกโจเลยคิดว่าหาคนนำทางให้น่าจะเร็วกว่า.
“ครับ, ผมไม่ได้หลอก. นี่คือทางที่เร็วที่สุดแล้ว ถ้าจะไปเขต1ตะวันตก”
โกโจขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเขามาถึงเขตตะวันตกได้เพราะเดินหลงมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดีใจที่เป้าหมายอยู่ใกล้ขึ้นมาแล้ว.
เขตทั้ง360เขตของโซลโซไซตี้นั้นถูกแบ่งเป็น4ทิศ ทิศละ80เขต. ยิ่งเขตไหนใกล้เซเรเทย์มากเท่าไหร่ สภาพแวดล้อมก็ดีขึ้นเท่านั้น.
นอกจากนั้นแล้ว ทางเดียวที่จะเข้าสอบเป็นยมฑูตได้ก็ต้องเข้าไปที่เขต1ของแต่ละทิศ.
“เหอะ, ขนาดชีวิตหลังความตายก็ยังมีการแบ่งชนชั้นอยู่สินะ”
โกโจพึมพำกับตัวเองแล้วเดินต่อไปโดยไม่สนใจเจ้าโจรข้างหลัง.
เจ้าโจรนั้นก็กำลังลังเลและคิดจะหนี แต่พอนึกถึงภาพปีศาจตัวนี้จัดการเพื่อนทั้งกลุ่มของเขาแล้ว เขาก็ทำได้แค่เดินตามเท่านั้น.
โกโจเองก็รับรู้ถึงการลังเลนั้นเหมือนกันแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ. เขากำลังง่วนอยู่กับการทำความเข้าใจพลังใหม่ในตัวอยู่.
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่สามารถใช้ “ไร้ขอบเขต” หรือไสย์เวทย์อื่นของเขาได้ก็ตาม เขาก็จะไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉยๆ. อย่างน้อยเขาต้องรู้ว่าพลังในตัวนี้เรียกว่าอะไรกันแน่.
แรงดันวิญญาณ.
พลังภายในที่ไหลอยู่ในตัวของทุกสรรพสิ่ง. ตอนแรกนั้นเขาตกใจมากที่วิญญาณสามารถรู้สึกหิว, เหนื่อย, หรือแม้แต่เลือดไหลได้. แต่คำตอบนั้นกลับง่ายดายอย่างคาดไม่ถึง.
ยิ่งวิญญาณมีแรงดันมากเท่าไหร่, การทำงานของร่างกายก็ยิ่งเหมือนมนุษย์มากเท่านั้น. วิญญาณระดับสูงถึงกับสามารถมีความสัมพันธ์ทางเพศและให้กำเนิดลูกได้เลย. พูดสั้นๆก็คือ โซลโซไซตี้ก็ไม่ได้ต่างจากโลกของมนุษย์นัก.
“ในโลกนี้เราแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ.”
โจรพวกนั้นกระจอกมากๆ เขาไม่อยากเอาตัวเองไปเทียบเลย. เขาต้องสู้กับยมฑูตซักคนถึงจะรู้ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหนกันแน่.
“วิชานี้ก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้ไว้ด้วย. บางทีเราควรจะเรียนรู้ระบบพลังของโลกนี้บ้าง.”
สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือเสริมพลังร่างกายด้วยพลังประหลาดนี่. ถ้าเป็นเรื่องวิชาต่อสู้ล่ะก็ เขาไม่ขี้เกียจแน่แต่ยังไงการรู้สึกว่ามีพลังเหลือล้นและไม่มีใครเทียบได้ก็ดีกว่าอยู่ดี.
เขาเองก็หวังลึกๆว่าถ้าได้เรียนระบบพลังนั้นแล้ว มันจะช่วยให้เขาสามารถกลับมาใช้ “ไร้ขอบเขต” ได้อีกครั้ง.
“ช่างมันเถอะ. เราอัจฉริยะอยู่แล้ว ไม่นานก็เรียนรู้ได้”
อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังเชื่อมั่นในพลังของริคุกัน(เนตรที่หก)อยู่.
ตอนนี้เขาขอแค่มีตัวอย่างซักสองสามตัวก็คงเข้าใจพลังใหม่นี้ได้.
สิ่งที่หยุดเขาไว้ในตอนนี้ก็คือเขาเกรงว่าตัวเองอาจจะทำให้กระแสพลังผิดรูปแบบไปจนเกิดอันตรายได้.
แม้เขาจะเป็นอัจฉริยะก็ตาม เขาก็รู้ดีว่าการเสี่ยงไม่ใช่เรื่องดีนัก.
พวกเขาทั้งสองคนเดินต่อไปเช่นนั้นเรื่อยๆ.
จนบรรยากาศรอบๆเริ่มเต็มไปด้วยชีวิตอีกครั้ง มันคือเครื่องบอกว่าเขากำลังเข้าใกล้เมืองแล้ว.
ในตอนนั้นเอง, “หา?”
มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา, พวกนกจึงตกใจบินหนีกันไปทั่ว.
พอมองไปทางเสียงนั้นสมองของโกโจก็ตื่นพลังขึ้นมาทันที.
การมองเห็นของเขาดีขึ้น จนมองเห็นได้ไกลกว่าคนธรรมดาทั่วไป.
แล้วเขาก็พบต้นตอของเสียงนั้น, เด็กเล็กสองคน คนหนึ่งเป็นผู้หญิงผมสีน้ำตาลส่วนอีกคนเป็นผู้ชายผมสีเงินกำลังถูกปีศาจตัวสีแดงที่ใส่หน้ากากจ้องอยู่.
เด็กผู้หญิงกำลังถือดาบไว้ในมือ แต่ดูจากท่าทางที่สั่นกลัวแล้ว เธอคงจะเป็นมือใหม่อยู่.
ยิ่งไปกว่านั้นที่หัวเธอก็มีเลือดไหลลงมา ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บอยู่.
เขายิ้มออกมา.
“ดูเหมือนเราจะได้เห็นตัวอย่างการใช้แรงดันวิญญาณแบบแถวหน้าซะแล้วสิ”