ตอนที่ 1 เข้าสู่มิติอื่น
เย่ว์หยางเห็นคนบินอยู่ในท้องฟ้าจึงโก่งคอตะโกนว่า “เฮ้เพื่อน รีบมาดูเซียนกันเถอะ”.
เงากระบี่แว่บผ่านไปและมันร่วงขณะที่เขาเหาะอยู่ ดูเหมือนเขาจะร่วงจริงๆ
เย่ว์หยางตะโกนอีกครั้ง “ลูกพี่! อย่าบินเร็วนัก กางเกงพี่จะหลุดอยู่แล้ว”
คนที่บินอยู่ในท้องฟ้าร่วงลงมาศีรษะทิ่มพื้นก่อน
เย่ว์หยางเด็กมัธยมปลายธรรมดาไม่ใส่ใจถามคนที่ร่วงลงมาว่าปลอดภัยหรือไม่ แต่กลับไปหยิบกระบี่ที่เปล่งประกายสีทองขึ้นมาแทน
เขาตะโกนว่า “อาจารย์! กระบี่บินนี่เป็นสมบัติมีค่านะ มันจะพังได้ถ้าท่านโยนสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนั้น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าบังเอิญหล่นใส่เด็กๆ? ถึงจะไม่เป็นอย่างนั้น มันก็ยังไม่ดีถ้าไปตกใส่ดอกไม้ใบหญ้าจนเสียหาย จะเป็นไรไหม ถ้าให้ลูกศิษย์ท่านดูแลกระบี่เล่มนี้ให้? ใส่ไว้ในถุงดีไหม? คนที่มีพลังและความคิดหลักแหลมอย่างท่านไม่น่าจะพกฝักกระบี่เก่าอย่างนี้ไว้กับเอวเลย ประเดี๋ยวศิษย์ผู้นี้จะช่วยเก็บรักษาไว้ให้เองนะครับ”.
นักพรตเฒ่าซึ่งร่วงลงกับพื้นแทบจะกระอักโลหิต มีชีวิตมาเป็นพันๆ ปี นี่เป็นครั้งแรกที่พบเจอคนหน้าด้านแบบนี้ ทำทึกทักว่าเขาเป็นอาจารย์
“อาจารย์! ลูกศิษย์สาวๆ ของท่านถึงวัยมีคู่แล้วหรือยัง แต่ถ้ายังไม่เหมาะสมกัน ท่านมีหลานสาวบ้างไหม? ผมไม่เกี่ยงหน้าตาหรืออายุนะครับ ผมเป็นคนง่ายๆ ไม่จู้จี้” ว่าแล้วก็หัวเราะอย่างหื่นๆ
ในที่สุดนักพรตเฒ่าทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเตะที่ก้นยิ่วหยางพรางทั้งตวาดว่า “ไสหัวไป, ไสหัวไปซะ ไอ้เด็กเปรต”
เย่ว์หยางจึงกับถูกเตะกระเด็นเข้าไปสู่มิติอื่นด้วยประการฉะนี้….
*********
“อ๊ะ! เขาขยับตาแล้ว ฟื้นแล้ว! พี่เสี่ยวซานฟื้นจนได้!”
เย่ว์หยางไม่ทันลืมตาเต็มที่ตอนที่เขาได้ยินเสียงเสนาะโสตดุจระดังที่ข้างหู.
“ชวงเอ๋อ, อย่าเพิ่งรบกวนพี่สิลูก…” จากนั้นเขาได้ยินเสียงที่อบอุ่นนุ่มนวลเปี่ยมไปด้วยความรักของมารดาแว่วมา.
เด็กหญิงซุกซนเอื้อมมือหมายจะหยิกจมูกเย่ว์หยาง
ขณะที่ยื่นแขนออกมา กระดิ่งบนสร้อยข้อมือก็กระทบกัน เสียงดังสดใส
เอ่?
โห..ว้าว ช่างเป็นภรรยาที่งดงามจริงๆ
หญิงงามวัย 30 ปีเข้ามานั่งข้างหน้าเย่ว์หยาง
นางมีลักษณะละเอียดอ่อน ผิวพรรณขาวผ่องดุจดวงจันทร์ นัยน์ตากระจ่างเป็นประกาย ปากน้อยๆ ของนางคลี่ยิ้มให้ความรู้สึกอ่อนโยนชื่นใจเหมือนดอกปทุมยามแย้มบาน ผมดำเงางามของนางถูกเกล้าเป็นมวยประดับด้วยปิ่นปักผมเป็นตัวหงส์สีม่วง เรียบง่ายสง่างามและดูดีมีสไตล์ เท่าที่มอง นางมีอากัปกิริยาที่งดงามและดูมีภูมิปัญญา นางอยู่ในชุดสีฟ้าที่ข้อมือประดับด้วยกำไลหยก ขณะที่กอดเด็กหญิงอยู่ นางมองกลับขณะที่เย่ว์หยางมองนาง. “ถ้าเราได้แต่งงานกับผู้หญิงอย่างนี้ ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรอื่นอีกแล้ว”
หญิงงามเห็นว่าเย่ว์หยางฟื้นแล้วจึงสลายรอยยิ้ม. ใบหน้าขาวผ่องดุจหยกของนางเต็มไปด้วยความเศร้าและรู้สึกผิด, “ซานเอ๋อ! ต่อไปอย่าหุนหันพลันแล่นอีกนะ ใครจะไปคิดว่าเจ้าถึงกับจะโดดแม่น้ำตาย เมื่อพบกับเรื่องยุ่งยากกันเล่า? โชคดีนะ ที่ช่วยเจ้าไว้ได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นแล้ว ข้าจะสู้หน้าพี่สาวข้าได้ยังไงกัน? เมื่อพี่ใหญ่ไว้วางใจข้าซื่อเหนียง ให้ดูแลเจ้า ข้าก็คิดเหมือนว่าเจ้าเป็นบุตรแท้ๆ ของข้า, ซานเอ๋อ! หลายปีมานี้ ข้าไม่เคยคิดทำโทษเจ้า. บัดนี้เจ้าทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ถ้าวันนี้ข้าไม่ทำให้เจ้าหลาบจำเสียบ้าง ข้าก็คงทำให้ท่านพี่ข้าผิดหวัง. เดือนหน้ารอให้ลุงสี่เจ้ากลับมาเสียก่อน ข้าจะขอให้เขาทำโทษเจ้า”.
เด็กหญิงย่นจมูกน้อยๆ ของเธอใส่แล้วพูดเสริม “ขอให้เขาตีเลย”ท่านพ่อน่ะ“ขอให้เขาตีเจ้าจนก้นบวมไปเลย”
หา?
เย่ว์หยางสับสน เขาเคยพยายามโดดน้ำตายเมื่อไหร่?
แล้วนี่ที่ไหน? นักพรตชราผู้เตะเขาไปไหนแล้ว นางเข้าใจผิดว่าเขาเป็นอีกคนหรือ? ความคิดแปลกๆ แว่บเข้ามาในใจเขา, เป็นไปได้ว่าใครบางคนที่ดูเหมือนเราและเราก็จมแม่น้ำพร้อมกัน, และหญิงงามผู้นี้ช่วยชีวิตเราแทนอีกคน ปล่อยให้เด็กผู้โชคร้ายอีกคนจมน้ำกลายเป็นอาหารปลาเหรอ?
หน้าผากเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น
ความเข้าใจผิดครั้งนี้ใหญ่หลวงเกินไป!
เด็กหนุ่มผู้ถูกส่งมาจากมิติอื่นกลัวว่าจะพูดผิดหากปริปากพูดอะไรไป เขาไม่กล้าอธิบายว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด, ได้แต่ถามตัวเองว่าอยู่ที่ไหน
ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่ใช่ซานเอ๋อ คนสำคัญของนาง นางคงโยนเขากลับลงไปในแม่น้ำ นั่นไม่ดีแน่.
หญิงงามมองไปที่เย่ว์หยางที่กำลังกระวนกระวาย หน้าผากพร่างพรูด้วยเม็ดเหงื่อ สีหน้าซีด . นางนึกว่าเขาคงรู้สำนึก ดูๆ แล้วก็น่ารักดี จึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ซานเอ๋อ! ไม่เป็นไรหรอกนะ หากเจ้ารู้ตัวว่าผิดพลาดไป คนหนุ่มไม่ควรกลัวว่าจะทำผิดพลาด แต่จะกลายเป็นปัญหาถ้าพวกเขาไม่เรียนรู้จากความผิดพลาด ซื่อเหนียงดูเจ้าเติบโต และก็รู้ส่วนดีส่วนไม่ดีของเจ้า ไม่ว่าเหตุที่ธิดาตระกูลซิ่วปฏิเสธการหมั้นหมายของเจ้า จะทำร้ายจิตใจเจ้ามากจนทำอะไรที่หุนหันพลันแล่นลงไป, ซานเอ๋อ! แม้ว่าธิดาตระกูลเสวี่ยจะเป็นคนดี แต่ถ้านางไม่มีใจให้เจ้า ขืนยอมให้มีการหมั้นไป ถ้าเจ้าไม่สามารถแบ่งเบาปัญหาและปันความสุขกับภรรยาของเจ้าและเกื้อกูลกันและกันในยามทุกข์ยาก อย่างนั้นเจ้าก็ไม่ควรจะแต่งงาน ดูตระกูลเย่ว์ของเราสิ เราเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ โลกนี้ยังมีสตรีอยู่อีกมาก เจ้าคิดว่าเจ้าจะหาไม่ได้สักคนเชียวหรือ?”.
“ครับ…” เย่ว์หยางตัดสินใจสมอ้างเป็นเจ้าโง่ที่โดดแม่น้ำตาย. หลังจากผ่านพ้นวิกฤติไปได้ เขาค่อยหาโอกาสอธิบายก็ได้.
“ซานเอ๋อ! ถ้าเจ้าเข้าใจก็ดี ตอนนี้ซื่อเหนียงเบาใจแล้ว” หญิงงามได้เตรียมวิธีการเกลี้ยกล่อมเขามานาน แต่เด็กหนุ่มกลับได้คิดโดยไม่ได้คาดมาก่อนหลังจากโดดลงไปในแม่น้ำ นางคิดว่าปาฏิหาริย์มีจริงแน่แท้
นางบอกให้เย่ว์หยางพักผ่อนให้สบาย จากนั้นจึงปล่อยเด็กหญิงแล้วลุกขึ้นยืน เตรียมจะออกไปจากห้อง.
เย่ว์หยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่เขายังปิดบังความจริงไว้ได้ แต่ตอนนี้เขาต้องหาวิธีหลีกเลี่ยงไว้ก่อน เอาแค่ยอมเป็นเด็กที่โดดน้ำฆ่าตัวตายแล้วยังกลับมาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเปิดเผยหลังจากนั้น
หญิงงามจูงมือเด็กหญิงเดินตรงไปที่ประตู อยู่ๆ นางก็หันกลับมาถาม “ซานเอ๋อ! เจ้าจะสัญญากับข้าได้ไหม ว่าจะไม่ด่วนทำอะไรใจร้อนอีก? เจ้าอาจดูอ่อนแอแต่ภายในจิตใจเจ้าเข้มแข็ง แม้ภายนอกเจ้าอาจจะเห็นด้วย แต่ภายในเจ้ามีจิตใจที่ดึงดัน นั่นคือที่ข้ารู้ ขอร้องเถอะ อย่ารอให้ข้าไปแล้วทำเรื่องโง่ๆ ลับหลังข้าอีก เจ้าจะไม่ทำอะไรอย่างใจร้อนอีกแล้วใช่ไหม?”
“ไม่, ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว” เย่ว์หยางผงกศีรษะเหมือนกลองรัวๆ.
ทำไมเขาต้องฆ่าตัวตายด้วยเล่า? เขายังต้องการหาตัวนักพรตเฒ่ามาล้างแค้น
หญิงงามมองหน้าเย่ว์หยางเห็นว่าเต็มไปด้วยความจริงใจ จิตใจนางจึงรู้สึกดีขึ้นมาก
“ซื่อเหนียงไว้ใจเจ้านะ, ซานเอ๋อ อย่าพยายามฆ่าตัวตายอีก ท่านพ่อท่านแม่เจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว. ลุงสี่ของเจ้าไม่มีบุตรชาย และข้าเองก็มีบุตรยาก ปิงเอ๋อก็เป็นผู้หญิง ชวงเอ๋อยังเด็กมาก บิดาเจ้าและลุงสี่ไม่มีใครที่จะสืบสายตระกูลเราต่อไปอีกแล้ว, ตอนนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้า จำไว้ให้ดี, เข้าใจไหม?
เย่ว์หยางถึงกับหลั่งเหงื่อ คิดว่า “ไม่นะ, คุณจะปล่อยให้ขึ้นกับผมไม่ได้นะ, ผมไม่ใช่ซานเอ๋อของคุณ ซานเอ๋อของคุณเป็นอาหารปลาไปแล้ว … ผมเกรงว่าเรื่องสืบสายโลหิตนี่ คงจะไม่สมหวังเสียแล้ว..” แต่แน่นอนว่าเขาคงไม่พูดออกไป ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักพึมพำเบาๆ “ครับ”
เด็กหญิงแสดงอาการเบื่อจึงปล่อยมือจากมารดากระโดดโลดเต้นออกไปนอกประตู ทันที.
หญิงงามร้องเรียกเด็กหญิงแต่เธอไม่ฟัง ดังนั้นนางจึงต้องตามเด็กหญิงออกไป แต่ขณะที่จะเดินออกนอกประตู นางหันกลับมาพูดด้วยความห่วงใยอีกครั้ง “ซานเอ๋อ! อย่าท้อแท้เกินไปนะ แม้แต่ลุงผู้โง่เขลาของเจ้ากว่าจะทำพันธสัญญาได้สำเร็จ ก็ตอน 1 เดือน ก่อนครบรอบวันเกิด 20 ปี เจ้ายังเหลือเวลาอีก 3 เดือนไม่ใช่หรือ? เจ้าพยายามมาอย่างหนักหลายปีแล้ว ก็ยังไม่สำเร็จ, เจ้าต้องการจะเลิกตอนนี้หรือ? ไม่มีผู้ใดจากตระกูลเย่ว์เราล้มเหลวในการทำพันธสัญญากับคัมภีร์คาถาอัญเชิญ, เชื่อข้าเถอะ ข้าคิดว่า เจ้าก็ไม่ยกเว้น.. บางทีเป็นเพราะพ่อแม่เจ้าผนึกคัมภีร์ของเจ้าตอนเจ้ายังเล็ก พวกเขาไม่ต้องการให้เจ้าประสบความสำเร็จทำพันธสัญญากับคัมภีร์ตั้งแต่เล็กซึ่งจะทำให้เจ้าเย่อหยิ่งก็ได้. จงฝึกหนักต่อไป เข้าใจไหม? หากเป็นเช่นนั้นด้วยพรสวรรค์ที่เจ้ามีมาตั้งแต่เด็ก มีหรือจะทำพันธสัญญาไม่ได้? เชื่อข้าเถอะ เจ้ามีเลือดบิดาอยู่ในสายเลือดเจ้า ทั้งเจ้าก็เป็นเด็กที่มีความสามารถโดดเด่นในอนาคต, เจ้าจะทำได้สำเร็จ ดังนั้นเจ้าต้องไม่ท้อแท้และพยายามให้หนักขึ้น…”
คัมภีร์พันธสัญญา?
คัมภีร์อัญเชิญบ้าบออะไรกัน?
บางทีสายเลือดของเจ้าคนที่จมน้ำอาจจะดี แต่เขาไม่ใช่คนๆ เดียวกัน เขาเป็นแค่คนธรรมดา.
หากจะมีลักษณะโดดเด่นใดๆ ในตัวเขา ก็คงเป็นฝีมือในการเล่นเกมของเขา โดยเฉพาะเกมจากต่างประเทศ.
เย่ว์หยางไม่รู้จักวิธีทำพันธสัญญากับคัมภีร์แต่อย่างใด แต่หลังจากฟังหญิงงามพูด เขาคาดว่าคนที่ดูเหมือนกับเขาตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะเขาหมดหวังโดยสิ้นเชิง.
เจ้านั่นไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยและคงทำพันธสัญญากับคัมภีร์อะไรสักอย่างไม่สำเร็จเป็นเวลานาน จากนั้นถูกสาวปฏิเสธการหมั้นหมายอีก เขาคงคิดว่าการมีชีวิตเป็นเรื่องยากเกินไปถึงได้ไปโดดน้ำตาย.
เรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่าก็คือแม้ว่าเขาพยายามจะโดดน้ำตาย แต่คนที่ถูกช่วยเหลือกลับเป็นอีกคนหนึ่งที่ดูเหมือนกับเขา.. ในที่สุดตัวเขาถูกนำกลับมาที่นี่ และเรื่องที่น่าสมเพทก็คือเด็กหนุ่ม 18 คงต้องยอมซื้ออิสรภาพ ดีกว่าตีตั๋วด่วนไปนอนอยู่ก้นทะเล
มีเพียงเรื่องเดียวที่เย่ว์หยางไม่เข้าใจก็คือเขาไปอยู่ในแม่น้ำได้อย่างไร?
เป็นเพราะนักพรตเฒ่าเตะเขาตกไปในแม่น้ำหรือเปล่า?
ทำไมถึงต้องเตะเขาตกแม่น้ำ? หรือว่าตาแก่ต้องการให้เขาเกิดมาเป็นคนที่น่าสงสารผู้นี้?
เย่ว์หยางคิดจนเม็ดเหงื่อไหลรินจากหน้าผาก
เรื่องนี้มันตลกร้ายเกินไปแล้ว…
“ซานเอ๋อ! เจ้าควรจะพักก่อน นี่เป็นความในใจของข้านะ.. แม้ว่าเจ้าจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์ไม่ได้ เจ้าก็ยังคงเป็นซานเอ๋อคนเดิม ข้ายังคิดว่าเจ้าเป็นเหมือนบุตรชายตนเอง ต่อให้เราต้องขายสมบัติทั้งหมด เราก็จะคำนึงถึงอนาคตของเจ้า ซานเอ๋อ! แค่ตั้งใจฟื้นฟูตัวเองเถอะนะ บางทีพรุ่งนี้เจ้าอาจทำพันธสัญญาสำเร็จก็ได้.” หญิงงามขอให้เขาพักผ่อนอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับเดินออกไปจากห้อง.
เย่ว์หยางขยับตัวตามคำพูดนาง.
แม้ว่านางจะไม่ได้แสดงความห่วงใยต่อเขาโดยตรง แต่นางเมตตาต่อเจ้าคนผู้น่าสงสารนั้น เขาคิดว่าเป็นเรื่องโง่ที่เจ้านั่นฆ่าตัวตาย.
มีแม่เลี้ยงดีอย่างนี้ หาได้ที่ไหนในโลกนี้?
แทนที่เขาจะพอใจในสิ่งที่ตนมี เด็กที่น่าสงสารนั่นกลับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธหมั้นหมาย. ต้องทำให้ถูกต้องสิ เย่ว์หยางไม่มีความคิดอคติอีกต่อไป เขาต้องการให้มีคนรักเขามากอย่างนั้นบ้าง แต่กลับไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว.
เขามองดูหญิงงามออกไปจากห้องแล้วถอนใจด้วยความโล่งอก ถ้าเพียงแต่เขาเป็นซานเอ๋อคนนั้นและมีแม่เลี้ยงที่ประเสริฐอย่างนั้น น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่เจ้าเด็กที่น่าสงสารคนนั้น.
เขาเอนตัวนอนบนเตียงสายตาจับจ้องหนังสือปกสีทองเล่มยักษ์บนโต๊ะ
สีมันดูออกไปทางสีบรอนซ์เล็กน้อย ซีดและเก่าหนาอย่างประหลาด ประมาณ 2-3 เท่าจากหนังสือปกติ หน้าปกเต็มไปด้วยอักขระโบราณแปลกๆ
เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดใจแปลกๆ ต่อหนังสือเล่มนั้น
ความรู้สึกเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักค่อยๆ เรียกให้เขาเข้ามาหา ความรู้สึกชนิดนั้นเหมือนกับตอนติดตั้งเกมคอมพิวเตอร์ อดทนรอเพื่อเลื่อนเมาส์และคลิกเพื่อเริ่มเกม จิตใต้สำนึกเตือนให้เย่ว์หยางยื่นมือออกไป เพื่อต้องการสัมผัสหนังสือสีทองแปลกๆ ทันใดนั้นเองหนังสือเล่มนั้นเปล่งแสงสีทองออกมา
ทั่วทั้งห้องเหมือนฉาบไล้ไปด้วยแสงสีทอง
ภายใต้แสงสว่างเจิดจ้า ยิ่วหยางใช้มืออีกหนึ่งหนึ่งป้องนัยน์ตา เขาแทบจะลืมตาไม่ขึ้นเนื่องจากแสงที่เจิดจ้านั้น
ฉับพลันก็มีความรู้ไม่มีที่สิ้นสุดไหลบ่าเข้ามาในสมองของเขา อีกทั้งยังรุนแรงจนเขาไม่อาจห้ามได้ เย่ว์หยางไม่มีแม้แต่เวลาจะตอบสนองขณะที่สมองของเขาถูกอัดยัดแน่นไปด้วยความรู้แปลกๆ อีกด้านหนึ่ง หนังสือยังคงเปล่งแสงเจิดจ้าอยู่ เหมือนกับจะมีความรู้ที่ส่งต่ออีกมากมาย.
จิตใจเขาดูเหมือนจะเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างเหลือจะนับ แต่ก็ยังมีส่วนที่ยังไม่เข้าใจ เขาไม่อาจไขว่คว้าความรู้หลักได้และไม่สามารถทำความเข้าใจความรู้ที่เรียนไปแล้วได้ชัดเจนนัก.
ตอนนี้ เย่ว์หยางอยู่ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนเขาจะเข้าใจ, แต่ก็ไม่เข้าใจ, เหมือนจะแจ่มแจ้ง, แต่ก็ไม่แจ่มแจ้ง เป็นสถานการณ์ที่สับสน.
ภายในร่างกายเขา ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป มันเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้น.
มีความรู้สึกว่าพลังลึกลับที่หลับอยู่ในตัวเขามาโดยตลอดตื่นขึ้นมาในเวลานี้. สิ่งที่เผยออกมานี้ดูเหมือนกับหมู่เทพขับขานต้อนรับอยู่ที่ประตูสวรรค์.
แม้หูเขาจะไม่ได้ยิน แต่ใจเขากลับได้ยินเสียงชัดเจนมากๆ แน่นอนว่าพลังลึกลับกำลังเรียกหาเขาจากภายในตัวเขาเอง เป็นประสบการณ์ที่เขาไม่เคยเจอ เสียงนั้นกังวานก้องกว่าเพลงของทูตสวรรค์เสียอีก มันซึมลึกอยู่ภายในตัวเขา เป็นเสียงที่ไพเราะจนแทบพรากวิญญาณคนได้ เหมือนกับเพลงกล่อมเด็กที่ขับกล่อมให้คุณฟังยามเจ็บไข้ ไม่อาจจะใช้คำเป็นพันคำมาพรรณนาความรู้สึกนั้นได้ ขณะเดียวกัน ในท่ามกลางจิตสำนึกของเขา เย่ว์หยางเห็นกระบี่บินเปล่งแสงประหลาด หมุนรอบตัวเองได้อย่างลึกลับ เหตุประหลาดนี้ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ทั้งหมด จากนั้นกระบี่บินไปตกอยู่ในมือของนางฟ้านางหนึ่ง ดูเหมือนนางกำลังร่ายรำขับขานอย่างสง่างาม แล้วเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ว่างอย่างอิสระ
มะ..มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันล่ะนี่?
แสงสีทองค่อยๆ กลืนหายกลับมาที่ตัวเย่ว์หยางหายกลับไปในหนังสือ ยังมีแสงที่ซอกนิ้วมือเย่ว์หยางและหนังสือเอง
ความเงียบกลับมาอีกครั้งขณะที่เสียงเรียกลึกลับหายไป. กระบี่บินเล่มนั้นก็เริ่มหายไปโดยไร้ร่องรอย เย่ว์หยางได้สติรู้สึกตัวและต้องแปลกใจที่พบว่านิ้วมือของเขาเปล่งแสงอยู่
เย่ว์หยางถึงกับตัวแข็งพอลองขยับนิ้วมือ แสงสีทองค่อยๆ หายไป
อย่างไรก็ตาม, หนังสือสีทองแดงเล่มนั้นที่ดูเหมือนจะหนักจริงๆเริ่มลอยมาหยุดต่อหน้าเขา. ตอนนี้เย่ว์หยางไม่ได้รู้สึกว่าหนังสือนั้นหนักเลย.
ที่ประตู, หญิงงามยืนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา.
นางยืนพิงอยู่ด้านข้างประตู, นางใช้ประตูช่วยพยุงกายที่สั่นเทาอยู่ เป็นอารมณ์ที่แสดงออกมาทางกาย จากนั้นดูเหมือนนางจะไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว ถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น
นางเห็นทุกอย่าง ใบหน้าแสดงออกว่าพิศวงสุดขีดแต่มีความสุข น้ำตานางไหลออกมาเป็นสายหยดรดลงบนชุดนาง.
“ซานเอ๋อ! เจ้าทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญสำเร็จแล้วหรือ? นี่..นี่เป็นความจริงใช่ไหม? ข้ากำลังฝันไปหรือเปล่า? สวรรค์โปรด, ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพรของพี่ใหญ่, ท่านเห็นไหม? ว่าซานเอ๋อทำสัญญาสำเร็จแล้ว? ข้าได้พูดไว้ก่อนแล้ว, ซานเอ๋อ ไม่ใช่เด็กไม่เอาไหน.. ขอบคุณสวรรค์ที่เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น ต้องขอขอบคุณจากก้นบึ้งหัวใจข้า แทนซานเอ๋อของพวกเราจริงๆ. หญิงงามคุกเข่ากับพื้น อารมณ์นางพลุกพล่านจนควบคุมไม่ได้ นางโขกศีรษะคำนับขอบคุณที่สวรรค์ประทานพรมาให้.
หน้าผากขาวผ่องกลายเป็นสีแดงระหว่างที่นางโขกศีรษะคำนับ บนพื้นเปียกเพราะน้ำตาของนาง.
แต่หญิงงามไม่คำนึงถึงความเจ็บปวด ยังคงโขกศีรษะคำนับขอบคุณต่อไป
เย่ว์หยางรีบมาพยายามช่วยประคองให้ซื่อเหนียงลุกขึ้น. แม้ว่าเขาจะเป็นตัวปลอม แต่เขายังต้องขยับเพราะการกระทำของหญิงงาม.
ที่ประตู, เด็กหญิงกลับมาแล้วเช่นกัน ในมือถือกังหันลมสีแดงวงใหญ่ นางเอียงศีรษะถาม “ท่านแม่! ทำไมถึงร้องไห้กับพื้นล่ะ?”
*******************