บทที่ 816 ไสหัวไป(ตอนฟรี)
บทที่ 816 ไสหัวไป
“อันที่จริง การมาดูทะเลสาบเวสเลคในตอนนี้ ยังไม่ใช่ช่วงที่สวยงามที่สุด”
ที่ริมทะเลสาบเวสเลค ภายใต้การนำของโจวเฟยเฟย จี้เฟิงและคนอื่นๆเดินตามหลังเธอพร้อมกับฟังคำแนะนำของโจวเฟยเฟยขณะชื่นชมความงามของทะเลสาบเวสเลค
แม้ว่าโจวเฟยเฟยจะพูดเรื่อยๆ ไม่ได้เร็วอะไรนัก แต่น้ำเสียงที่นุ่มละมุนของเธอนั้นน่าฟังและไม่ได้ทำให้รู้สึกเบื่อเลย ตรงกันข้าม มันทำให้คนฟังรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
“ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของทะเลสาบเวสเลคแห่งนี้จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหลังตรุษจีน ในตอนนั้นน้ำในทะเลสาบจะสวยงามมาก นอกจากนั้นยังมีลานดนตรี น้ำพุ และความงามตามธรรมชาติอื่นๆ ซึ่งทำให้คนที่มาเดินเล่นชื่นชมธรรมชาติรู้สึกเพลิดเพลินและผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่” โจวเฟยเฟยเดินช้าๆพลางชี้ไปที่แสงไฟนีออนแถวริมทะเลสาบ “ถ้ามองจากอีกฝั่ง ตรงจุดนี้มันจะสะท้อนระยิบระยับสวยงามมาก!”
“อันที่จริง ฉันคิดว่าตอนนี้มันก็สวยมากแล้ว” ซูหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “และถ้าอากาศเย็นกว่านี้ ทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็ง คงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น!”
“น่าเสียดายที่อุณหภูมิในหางโจวค่อนข้างอบอุ่นตลอดทั้งปี ดังนั้นทะเลสาบเวสเลคจึงเป็นน้ำแข็งได้ยาก หรือต่อให้อากาศเย็นจนทะเลสาบเป็นน้ำแข็งจริงๆ มันจะเป็นเพียงแค่น้ำแข็งบางๆ ดูไม่สวยเท่าตอนนี้!” โจวเฟยเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อหลายปีก่อน ในตอนที่อากาศหนาวจัด ฉันจำได้ว่าทะเลสาบเวสเลคเคยเป็นน้ำแข็งหนหนึ่ง และมันก็ค่อนข้างหนาทีเดียว มันสวยงามมาก!” ซูหยวนกล่าว
เมื่อลมพัดมา ผมยาวสลวยของซูหยวนก็พลิ้วไหวไปตามลม มันทำให้เธอดูสวยงามในมุมที่แตกต่างออกไป
จี้เฟิงเหลือบมองเธอโดยอัตโนมัติ เขาเห็นร่องรอยความเศร้าในดวงตาของเธอและในขณะเดียวกันมันก็มีความเกลียดชังปนอยู่ด้วย
‘ซูหยวนต้องเคยมาที่นี่มาก่อน!’ จี้เฟิงคิดอยู่ในใจ และสิ่งที่เขาเห็นในแววตาของเธอมันทำให้เขามั่นใจได้ว่า ไม่เพียงซูหยวนจะเคยมาที่นี่ แต่เธอจะต้องมีความทรงจำบางอย่างที่จำฝังใจ บางทีอาจจะเป็นแฟนที่จบกับเธอไม่สวยหรือทำร้ายความรู้สึกเธอ
แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เรื่องราวส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอก็เคยเกิดขึ้นที่นี่!
พวกเขาเดินเล่นกันต่อที่จัตุรัสใกล้ทะเลสาบ แต่ในเวลานี้มีเพียงซูหยวน โจวเฟยเฟย จี้ยูเหวินและจี้เฟิงซึ่งเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว ส่วนหลิวเจ๋อจุน ผู้ช่วยของโจวเฟยเฟยและบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ต่างกระจายตัวอยู่ห่างออกไป แม้ว่าพวกเขาจะคอยสอดส่องและเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้พวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้ชิดจนเกินไป ยังไงแถวนี้ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยว การที่มีชายร่างบึกบึนหลายคนเดิมตามชายหนุ่มหญิงสาวเป็นกลุ่มใหญ่มันก็ค่อนข้างจะเด่นสะดุดตามากเกินไป
ทั้งๆที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นเป้าสายตา แต่ก็ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ เพราะหญิงสาวทั้งสามคนนั้นเรียกได้ว่าต่างก็มีหน้าตาและรูปร่างโดนเด่นสวยงามแบบไม่ต้องพยายาม จนทำให้นักท่องเที่ยวหนุ่มๆอดไม่ได้ที่จะมองเหลียวหลังกันอยู่บ่อยๆ
แม้จะมีคนกล่าวกันว่าหางโจวเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสาวงาม แต่ความงามของหญิงสาวทั้งสามคนนี้ไม่ใช่อะไรที่จะพบเห็นกันได้ทั่วไปตามท้องถนน พวกเธอสวยงามโดยมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง คนหนึ่งสวยเซ็กซี่แบบมีระดับ อีกคนดูเฉลียวฉลาดทำให้คนอยากเอาชนะ และอีกคนดูมีออร่าสูงส่ง
และจี้เฟิงซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มท่ามกลางฝูงหงส์ระดับไฮคลาสนั้นถูกมองข้ามไม่ต่างจากอากาศธาตุไปโดยปริยาย
พวกเขาเดินเล่นด้วยความผ่อนคลาย แต่ระยะเวลาเดินค่อนข้างนาน ดังนั้นหลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่งพวกเขาก็มาถึงจัตุรัสโล่งกว้าง พวกเขาพบม้านั่งและนั่งลง
“ข้างหน้ามีบาร์อยู่ เราไปนั่งดื่มชิลๆกันดีมั้ยคะ?” โจวเฟยเฟยเสนอด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ไปตอนนี้คนคงจะเยอะน่าดู คงไม่ได้ดื่มชิลๆหรอกมั้ง!”
โจวเฟยเฟยยิ้มและกล่าวว่า “อันที่จริงฉันก็ไม่เคยไปที่บาร์นี้เหมือนกัน เพราะที่นี่มีคนไปค่อนข้างเยอะ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีปัญหาเกิดขึ้น ฉันมักจะไปที่ที่เงียบสงบกว่านี้หน่อย ถ้าพวกคุณสนใจฉันจะพาไป”
ซูหยวนส่ายหัวและยิ้ม “ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่คนอื่นๆน่าจะเมากันได้ที่เลยล่ะ จะเกิดปัญหาเปล่าๆ”
“คุณพูดถูก ดูสิ มีหลายคนที่ดื่มมากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ” จี้ยูเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงและอีกสองสาวมองตามเธอไป และพบว่าตรงทางเข้าของบาร์แห่งหนึ่งบนถนนย่านการค้าของจัตุรัส มีคนสี่ห้าคนกำลังเดินโซเซมาทางนี้ บางคนก็ถึงกับพยุงกันและกันไว้เพราะดื่มกันหนักมากเกินไป
จี้เฟิงขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ที่บาร์คงจะมีคนแบบนี้อยู่เยอะ ถ้าพวกเขาสามสี่คนเข้าไปในบาร์กันตอนนี้ คงจะมีคนเข้ามาหาและชวนหญิงสาวสามคนนี้คุยอย่างแน่นอน และอาจจะเกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นเมื่อถึงเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าถ้ายิ่งหลีกเลี่ยงปัญหามากเท่าไหร่ คุณก็จะประสบปัญหามากขึ้นเท่านั้น
กลุ่มคนสามสี่คนเดินมาทางกลุ่มของจี้เฟิงในสภาพโงนเงน และเมื่อพวกเขาเห็นซูหยวนและคนอื่นๆ ก็ถึงกับหยุดชะงักและมองมาที่พวกเธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ใบหน้าของจี้เฟิงมืดลงทันที เขาเหลือบมองไปที่หลิวเจ๋อจุนซึ่งอยู่ไม่ไกลและโบกมือ
ฝ่ายหลังเข้าใจโดยทันที จากนั้นเขาและบอดี้การ์ดคนอื่นๆของจี้ยูเหวินก็เดินมาแทรกกลางระหว่างกลุ่มของจี้เฟิงและกลุ่มขี้เมาพวกเขาทำทีเหมือนเดินมาบังโดยไม่ตั้งใจ
“เฮ้ย! เกะกะว่ะ หลีกดิ๊ มายืนบังแบบนี้แล้วฉันจะส่องสาวสวยตรงนั้นเห็นได้ยังไง!” ชายคนหนึ่งในกลุ่มโวยวายทันที
หลิวเจ๋อจุนที่มีสีหน้าเคร่งขรึมกล่าวว่า “เฮ้! ไว้หน้ากันหน่อยพรรคพวก บอสของเรากำลังพักผ่อนกันอยู่ เมาแล้วก็กลับบ้านไปนอนซะไป อย่างมายุ่มย่ามแถวนี้เลย!”
“ไอ้บ้าเอ๊ย บอสบ้าบอสบออะไร นายไม่ถามด้วยซ้ำว่านายน้อยของเราเป็นใคร กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้?” ชายขี้เมาอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆตะคอก
“ไปๆ พวกนายรีบๆหลีกทางไปเดี๋ยวนี้ หรือไม่ก็ให้สาวๆพวกนั้นมาเล่นกับฉัน!” ชายขี้เมาคนแรกพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไป!”
คนนี้เป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าปี ผมของเขาเป็นสีเหลือง เขาดูไม่ใช่คนดีเมื่อมองแวบแรกและดูเหมือนว่าชายคนนี้คือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่านายน้อย
ทันใดนั้นการแสดงออกของหลิวเจ๋อจุนก็เย็นชา น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง “คนที่ต้องไสหัวไปคือพวกคุณ!”
กลุ่มชายหนุ่มชะงัก จากนั้นก็ตะโกนด่ากลับมา
“ไอ้เวรเอ๊ย แกไล่ใครวะ?!”
“บัดซบ สั่งสอนบทเรียนให้มันรู้ว่าที่นี่ถิ่นใคร!” ชายหนุ่มคนหนึ่งโบกมือ
“ฆ่าพวกมัน!” ในขณะที่เขาพูด เขาก็เงื้อมือขึ้นและตบไปที่หน้าของหลิวเจ๋อจุนทันที ด้วยความเย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเอง เขาไม่ได้สนใจเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครหรือมีความสามารถด้านการต่อสู้หรือไม่
ท่าทีของหลิวเจ๋อจุนเย็นชาขึ้นทุกทีๆ เขาคว้ามือของชายหนุ่มและออกแรงบีบอย่างแรงทันที
“โอ๊ยย!!!” ชายหนุ่มร้องออกมาทันทีราวกับหมูถูกเชือดจากนั้นก็กระโดดขึ้นลงโดยที่ยังถูกบีบมือเอาไว้อยู่
คนอื่นๆตื่นตระหนกทันที “เฮ้ย! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ! รู้มั้ยว่าคุณชายจุนเป็นใคร ไอ้พวกเวร สงสัยอยากจะตายจริงๆสินะ!”
“พรึ่บ—!”
บอดี้การ์ดของจี้ยูเหวินไม่ได้พูดอะไร พวกเขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันและผลักคนเหล่านั้นจนล้มลงกับพื้น
จู่ๆพวกเขาก็กลายเป็นคนสงบเสงี่ยมขึ้นมาทันทีหลังจากที่รู้สึกเย็นวูบที่คอ
“ไสหัวไป!”
หลิวเจ๋อจุนตะคอกเสียงดัง
พวกเขาสะดุ้งตกใจและรีบวิ่งหนีไปทันที
แต่หลังจากวิ่งไปได้สามสี่ก้าว ชายหนุ่มก็หันศีรษะมาอย่างไม่เต็มใจ เขากัดฟันและพูดว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกนายได้เจอดีแน่!”
หลิวเจ๋อจุนไม่สนใจชายหนุ่ม เขาแค่เหลือบมองไปที่บอดี้การ์ดของจี้ยูเหวินโดยไม่รู้ตัวและแอบขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในเวลานี้ จี้เฟิงที่อยู่ไม่ไกลก็กำมองอย่างครุ่นคิด แม้ว่าแสงไฟจะไม่ได้สว่างมากนัก มีเพียงไฟจากถนนและไฟจากร้านค้าข้างทาง แต่จี้เฟิงก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบอดี้การ์ดของจี้ยูเหวินนั้นได้ชักปืนออกมาแล้ว!
เพียงแค่ว่าพวกเขาไม่ได้ทำอย่างเปิดเผย พวกเขาแค่เอาปืนจ่อคนเมาพวกนั้นที่ล้มลงอยู่กับพื้น จึงทำให้ไม่มีใครเห็น
จี้เฟิงเหลือบมองไปที่จี้ยูเหวิน แต่พบว่าเธอไม่ได้ตกใจหรือมีทีท่าอะไรกับเหตุการณ์นี้เป็นพิเศษ ราวกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย หญิงสาวทั้งสามคนยังคุยพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่แม้แต่จะมองไปที่พวกขี้เมาด้วยซ้ำ
ความสงสัยของจี้เฟิงที่เกี่ยวกับจี้ยูเหวินเพิ่มมากขึ้นทุกที ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คาดเดาไว้จริงๆ อย่างน้อยเธอก็ต้องเป็นคนที่เคยเห็นเหตุการณ์ทำนองนี้มาแล้วแน่นอน นอกจากนี้ บอดี้การ์ดเหล่านี้ก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทที่ถูกจ้างมาเป็นครั้งคราว พวกเขาดูเหนือกว่านั้น แต่กลับไม่ใช่ทหาร... ไม่ว่าจะมองยังไง จี้ยูเหวินคนนี้ก็ดูเหมือนจะมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา
ถ้าอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ คนเหล่านี้อาจเป็นลูกหลานของข้าราชการระดับสูง หรือไม่ก็ตระกูลมาเฟียใหญ่ แต่ในเกาะไต้หวัน จี้เฟิงไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก และเขาก็ไม่รู้ว่าคนประเภทไหนที่จะมีท่าทีไม่เกรงกลัวใครได้ขนาดนี้ ดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่สามารถตัดสินตัวตนของจี้ยูเหวินได้ในทันที
โดยไม่รู้ตัว จี้เฟิงชำเลืองมองโจวเฟยเฟย ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ที่แนะนำคู่ค้าทางธุรกิจให้กับโรงงานเซียวฟามาซูติคอล เธอทำแบบนั้นไปทำไม? เพื่อช่วยเหลือโรงงานเซียวจริงๆหรือมีเจตนาอื่นแอบแฝง?
หลังจากขับไล่พวกขี้เมาออกไปแล้ว พวกเขาก็เดินเล่นไปรอบๆต่ออีกสักพักก่อนจะพากันกลับ
สุดท้ายแล้วพวกเขามาที่นี่เพียงเพื่อผ่อนคลาย พูดคุยและเรียนรู้นิสัยใจคอของอีกฝ่ายเพิ่มเติม ไม่ได้มาเพื่อเที่ยวเล่นเพียงอย่างเดียว
ขากลับ จี้เฟิงยังคงขับรถบีเอ็มดับบลิวเอ็กซ์หกของเขา โดยมีโจวเฟยเฟยเป็นผู้นำทาง
“บรื้น~~~!”
จากทะเลสาบเวสเลคไปยังย่านใจกลางเมืองหางโจว จะต้องผ่านถนนโล่งๆที่เงียบสงัด นอกจากไฟสองข้างทางของถนนแล้วก็แทบไม่มีตึกรามบ้านช่องเลย จะเห็นก็แต่ตึกสูงๆที่อยู่ไกลๆ แต่ก็ยังเป็นหนทางอีกยาวไกลกว่าจะถึงตึกนั้น
ขณะที่จี้เฟิงและคนอื่นๆกำลังผ่านถนนสายนี้ ทันใดนั้นก็มีเสียงเครื่องยนต์คำรามดังมาจากด้านหน้าและด้านหลัง
หลังจากนั้น รถเจ็ดถึงแปดคันจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังก็มาทางพวกเขาด้วยความเร็ว
“เอี๊ยดดด—!!”
คนขับรถสามคนรวมถึงจี้เฟิงต่างเบรกกะทันหัน รถที่อยู่ด้านหลังพวกเขายังคงอยู่ห่างออกไปพอสมควร แต่รถที่สวนทางมาทางด้านหน้ากำลังวิ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว
ตรงกลางถนนเป็นแท่งปูน ทำให้ไม่สามารถหักเลี้ยวหรือย้อนกลับทิศทางเดิมได้ ชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาทุกคนตระหนักได้ว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
“บอส คนพวกนี้อาจถูกว่าจ้างโดยพวกขี้เมาที่ผมพบในจัตุรัส!” หลิวเจ๋อจุนพูดด้วยเสียงต่ำ “ชายหนุ่มที่พวกนั้นเรียกว่านายน้อยน่าจะเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโต แถมก่อนจะจากไป เขาพูดทิ้งท้ายไว้ว่าจะมาเอาคืนแน่!”
“ไม่น่าใช่ อีกฝ่ายดูเหมือนจะรอเราที่นี่อยู่ก่อนแล้ว พวกเขาคำนวณไว้แม่นยำเกินกว่าจะเพิ่งวางแผน ฉันคิดว่าพวกเขาเป็นคนที่เตรียมการไว้ล่วงหน้า... อาจจะก่อนที่เราจะมาที่ทะเลสาบเสียอีก!” จี้เฟิงพูดพลางเอื้อมมือไปที่ใต้เบาะของเขาและหยิบปืนพกออกมาแล้วยื่นให้หลิวเจ๋อจุน “นี่สำหรับนาย เมื่อจำเป็น อย่าใจอ่อน!”
“สบายใจได้เลยครับบอส ผมรู้ดีว่าต้องทำยังไง!” หลิวเจ๋อจุนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “ซูหยวน ไม่ต้องกลัวนะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”
“ค่ะบอส คุณไม่ต้องห่วงฉัน จัดการตามสบายได้เลยค่ะ” ซูหยวนพูดอย่างใจเย็น
“โอเค ทุกคน นั่งให้ดีๆ วันนี้เราจะแข่งรถกัน!” จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและหัวเราะ “ต่อสายหาโจวเฟยเฟย บอกให้พวกเขาทั้งหมดขับตามหลังเราให้ทัน!”
“ค่ะบอส!” ซูหยวนตอบทันที
“ฟ้าววว~!!”
รถคันข้างหน้ากำลังใกล้เข้ามาด้วยความเร็ว จี้เฟิงเหยียบคันเร่งในขณะที่มือของเขาก็หมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว!
.....จบบทที่ 816 ~