บทที่ 14 : เผยไพ่ของนาง
บทที่ 14 : เผยไพ่ของนาง
เซียวหานเจิงเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว
สือชิงลั่วได้ช่วยน้องชายและน้องสาวของเขาเอาไว้ รวมทั้งยังช่วยทำให้ไข้ของเขาลดลงด้วย การปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาเร็วกว่าเดิมก็เท่ากับเป็นการช่วยมารดาของเขาเอาไว้เช่นกัน
สำหรับครอบครัวของเขาแล้ว มันคือบุญคุณช่วยชีวิตที่ไม่อาจทดแทนได้หมด
เมื่อเขาเพิ่งฟื้นขึ้นมา เขาเคยกังวลว่า มารดารและน้องๆของเขาอาจเสียชีวิตเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตก่อนของเขา
ช่วงเวลาที่เขาได้ฟื้นขึ้นมานั้นคลาดเคลื่อนกับครั้งก่อน
หากไม่ใช่เพราะสือชิงลั่ว เรื่องของน้องชายและน้องสาวของเขาคงเป็นไปตามที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตก่อนของเขา
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโชคดีมาก
เพราะเรื่องนี้ เขาจึงรู้สึกทำอะไรไม่ถูก มากกว่าที่จะรู้สึกต่อต้านและรังเกียจภรรยาที่อยู่ๆก็โผล่มาคนนี้
เซียวหานเจิงมองแม่เซียวและถามว่า “ท่านแม่ สือชิงลั่วไม่ใช่คนจากหมู่บ้านเราใช่หรือไม่?”
“ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมคนในครอบครัวของนางถึงได้ยอมให้นางแต่งงานแก้ชง?”
ก่อนที่เขาจะฟื้นขึ้นมา การแต่งงานเข้าบ้านของพวกเขาก็ไม่ต่างจากการกระโดดเข้าไปในกองไป
ในชีวิตก่อนของเขานั้น เขายังเคยได้ยินผู้ใหญ่บ้านพูดว่า มารดา, น้องชาย, และน้องสาวของเขาล้วนตายหมดแล้ว อีกฝ่ายถึงได้พยายามปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาให้ได้
ไม่อย่างนั้น เขาก็คงทำให้คนพวกนั้นสมหวัง โดยการที่สือชิงลั่วต้องกลายเป็นหม้ายเมื่อแต่งเข้ามาแล้ว
ครอบครัวปกติอาจไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
แม่เซียวตอบ “ชิงลั่วเป็นเด็กสาวจากบ้านสือที่อยู่ในหมู่บ้านช่างซี”
“นางเป็นเด็กน่าสงสาร ตอนที่นางอายุได้ไม่กี่ขวบ นางก็ถูกที่บ้านส่งไปทำงานในวัดเต๋า เมื่อไม่นานมานี้ นางก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้านหลังจากที่เซียนเฒ่าจากไปแล้ว”
“เมื่อไม่กี่วันก่อน นางเกือบถูกคนบ้านสือส่งตัวไปแต่งงานกับคุณชายตระกูลหวู”
“แต่ไม่รู้ว่าเพราะอยู่ๆคนบ้านสือเกิดรู้สึกผิดหรืออย่างไร พวกเขาถึงได้ยอมยกเลิกการแต่งงานกับตระกูลหวู”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมคนบ้านสือถึงได้ยอม พวกเขาบอกกับเราว่า ชิงลั่วอยากแต่งงานกับเจ้า พวกเขาจึงไม่อาจปฏิเสธได้”
จากนั้น นางก็พูดถึงบทสนทนาระหว่างนางกับสือชิงลั่ว รวมไปถึงเรื่องที่พวกนางพบเจอเมื่อไปที่บ้านสือ
เซียวหานเจิงค่อยๆระลึกได้หลังจากที่ฟังเรื่องราวจากปากมารดา
ในชีวิตก่อนของเขา ตอนที่เขากำลังสืบเรื่องตระกูลหวูอยู่นั้น เขาก็ได้พบว่า ก่อนที่น้องสาวของเขาจะถูกบังคับไปแต่งงานที่ตระกูลหวู เดิมทีพวกเขาได้เลือกบุตรสาวของบ้านสือจากหมู่บ้านช่างซีเอาไว้ก่อนแล้ว
แต่เด็กสาวคนนั้นกลับตายลงในวันที่ตระกูลหวูไปรับตัวนาง
จากแหล่งข่าวที่แม่นยำ เด็กสาวคนนั้นถูกมารดาของตนเองฆ่าตายในตอนที่กำลังบังคับจับตัวนาง
นั่นจึงทำให้ตระกูลหวูเพิ่มจำนวนเงินค่าสินสอดอีกครั้ง เมื่อป้าใหญ่และป้าสามที่ชั่วร้ายของเขาได้ยินเรื่องนี้ พวกนางจึงรีบส่งตัวน้องสาวของเขาและรับเงิน 150 เหลียงมา
ดังนั้น สือชิงลั่วก็คือเด็กสาวที่ตายไปคนนั้น?
เขารู้เรื่องของคนบ้านสือดี
อาสี่ของสือชิงลั่วเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเขา และเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก
เขายังได้ยินคนอื่นพูดเกี่ยวกับคนบ้านสือด้วย
ครอบครัวนั้นจะรู้สึกผิดและเป็นฝ่ายยอมยกเลิกการแต่งงานได้อย่างไร?
มันยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยอมทิ้งเงินค่าสินสอด และมอบอาหารเป็นสินเจ้าสาวเพื่อให้สือชิงลั่วมาแต่งงานเพื่อแก้ชงเช่นนี้
เขาถามอีกครั้ง “สือชิงลั่วพูดว่านางไม่ต้องการสินสอด นางเป็นคนจัดการเองทั้งหมดเลยหรือขอรับ?”
แม่เซียวพยักหน้า “ถูกแล้ว ข้าเคยกังวลเรื่องการรับมือกับคนบ้านสือ แต่ใครจะรู้ว่าการแต่งงานกลับราบรื่นได้ถึงเพียงนี้? ชิงลั่วจะต้องก็ผู้จัดการเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
นางพอมองออกว่าคนบ้านสือต่างก็ไม่พอใจ
เซียวหานเจิงพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”
ในครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าสือชิงลั่วได้ช่วยเหลือน้องๆของเขาเอาไว้นั้น เขาคิดสงสัยว่า สือชิงลั่วก็คงไม่ต่างจากเด็กสาวคนอื่น
เพราะนางรู้ว่าเขาเคยมีตำแหน่งใหญ่โตในชีวิตก่อนของเขา นางจึงจงใจช่วยเหลือพวกเขาและหาโอกาสเพื่อที่จะได้แต่งงานเข้ามา
แต่หลังจากที่ได้ฟังดูแล้ว เขาจึงเริ่มไม่แน่ใจ จากเรื่องราวในชีวิตก่อนของเขานั้น เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา สือชิงลั่วก็ได้ตายไปแล้ว
“เซียนเฒ่าคนนั้นก็คืออาจารย์ของชิงลั่ว นางจึงทั้งเก่งกาจและมีโชค”
“ที่เจ้าฟื้นขึ้นมาได้ ก็เพราะชิงลั่วคือดาวนำโชคของเจ้า”
แม่เซียวเน้นย้ำ “อย่าได้ดูถูกที่นางเป็นเพียงหญิงสาวชานบ้าน ในอนาคต แม้ว่าเจ้าจะกลายเป็นขุนนาง เจ้าก็ห้ามทำให้นางเสียใจเด็ดขาด”
นางรู้มาตลอดว่าบุตรชายของนางเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน โดยเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องขึ้นในตอนนั้น เขาก็ยิ่งเรียนหนักกว่าเดิม
แต่สำหรับนางแล้ว สือชิงลั่วคือผู้มีพระคุณ คือลูกสะใภ้ และคือดาวนำโชคของนาง
นางไม่อาจทำให้อีกฝ่ายต้องเสียใจได้
แววตาของเซียวหานเจิงดูไร้หนทาง “ข้ารู้แล้วท่านแม่ ข้าจะไม่ทำให้นางต้องเสียใจ”
ในชีวิตก่อนของเขา เขาทุ่มเทพลังกายทั้งหมดไปกับการแก้แค้น เขาไม่เคยแต่งงานกับใคร และไม่เคยแตะต้องสตรีคนไหน ไม่คิดเลยว่า ทันทีที่เขาได้ย้อนกลับมาเขาจะมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนเสียแล้ว
สำหรับเรื่องข้อกฎหมายการแต่งงานนั้น เดิมเขาถือเป็นคนไร้บ้านและไม่มีใครคิดเข้ามายุ่มย่ามเรื่องนี้ ในภายหลัง เขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น จึงไม่มีใครกล้าบังคับให้เขาแต่งงาน ดังนั้น เขาจึงไม่เคยแต่งภรรยามาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น กฎหมายยังมุ่งเป้าไปที่คนธรรมดาเป็นหลัก
หากชนชั้นสูงไม่ต้องการแต่งงาน ทางการก็ไม่สามารถบังคับพวกเขาได้
แต่ที่มารดาของเขาพูดมาก็ถูก ไม่ว่ายังไง สือชิงลั่วก็คือผู้มีพระคุณของครอบครัวเขา
จากเรื่องนี้ ตราบใดที่สือชิงลั่วไม่ทรยศหรือเป็นภัยต่ออนาคตของครอบครัวเขา เขาก็จะดูแลนางเป็นอย่างดี
เมื่อแม่เซียวได้ยินลูกชายรับปากแล้ว นางก็โล่งอก
นางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาบนใบหน้า จากนั้นก็ลุกขึ้นและพูดอย่างยินดีว่า “ในเมื่อเจ้าฟื้นขึ้นมาแล้ว แม่จะให้ป๋ายหลี่ทำโจ๊กมาให้เจ้า แล้วให้เอ้อร์หลางไปดูแลแขกต่อ”
เซียวหานเจิงพยักหน้า “ขอรับ ลำบากท่านแม่แล้ว”
หลังจากที่แม่เซียวกับน้องทั้งสองออกไปแล้ว เซียวหานเจิงก็นอนพิงหมอนและหลับตาลง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ได้ยินเสียงเปิดประตู เขาจึงลืมตาขึ้นมอง
สือชิงลั่วเดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยในมือ
นางเดินตรงเข้าไปหาเซียวหานเจิง “ดื่มนี่ซะสิ”
นี่คือกลูโคสที่นางนำออกมาจากช่องว่างเพื่อใช้บำรุงร่างกายของเขา
เซียวหานเจิงเหลือบมองและเห็นว่ามีน้ำอยู่ในถ้วยใบนั้น
ในเมื่อก่อนหน้านี้ สือชิงลั่วเคยเอายาออกมาใช้เพื่อลดไข้ให้เขา ตอนนี้ นางก็คงไม่คิดวางยาพิษเขาหรอก
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อไหร่ที่มันเข้าปากเขาแล้ว เขาก็จะสามารถบอกได้ทันทีว่ามันมีพิษหรือไม่
ดังนั้น เขาจึงรับมันมาดื่มเข้าไม่ลังเล ใครจะรู้ว่ามันไม่ใช่น้ำเปล่า แต่เป็นบางอย่างที่มีรสหวาน
มันไม่คล้ายกับน้ำตาลเช่นกัน
เขาถาม “นี่คืออะไร?”
สือชิงลั่วตอบ “น้ำผสมน้ำตาล มันช่วยบำรุงร่างกายของเจ้า”
“ขอบคุณ!” เซียวหานเจิงไม่ได้ถามว่านางได้มันมาจากที่ไหน
ด้วยเหตุผลบางประการ เขารู้สึกว่า สือชิงลั่วคนนี้ไม่ใช่เด็กสาวคนเดียวกับคนที่ตายไปในชีวิตก่อนของเขา
ทุกคนล้วนมีความลับของตนเอง และเขาก็เช่นกัน มันไม่จำเป็นที่จะต้องไปขุดค้นความลับของผู้อื่น
สือชิงลั่วยิ้ม “พวกเราถือเป็นครอบครัวเดียวกันชั่วคราว ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”
เซียวหานเจิงเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าหมายถึงอะไรที่ว่า ครอบครัวชั่วคราว?”
สือชิงลั่วยิ้มตอบ “มารดาของเจ้าคงบอกเหตุผลที่ข้าแต่งเข้ามาที่นี่แล้ว”
“ข้าต้องการสลัดคนบ้านสือทิ้ง แต่ข้าก็ไม่ต้องการแต่งเข้าครอบครัวใหญ่ที่มีผู้อาวุโสเป็นใหญ่หรือสะใภ้ที่ร้ายกาจ”
“ข้าเป็นคนแข็ง หากคนอื่นนับถือข้า ข้าก็จะนับถือพวกเขากลับ แต่หากพวกเขาต้องการกดขี่ข้าและทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
นางมองออกว่า เซียวหานเจิงนั้นรับมือได้ยาก
เขาต่างจากผู้ใหญ่บ้านและผู้อาวุโสคนอื่น
ทั้งสองต่างก็เป็นคนฉลาด ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอะไรกัน
“บอกตามตรง ข้าบอกกับคนภายนอกว่า ข้ายินดีแต่งเพื่อแก้ชงให้กับเจ้า เพราะข้าชื่นชอบในตัวเจ้า”
นางกำหมัดไว้ที่ริมฝีปากและไอเบาๆ “แต่ความจริงแล้ว ข้าแต่งเข้ามาก็เพราะครอบครัวของเจ้า ข้าคิดว่าพวกเขาเข้ากันกับข้าได้เป็นอย่างดี”
“ถึงยังไงข้าก็ไม่รู้จักเจ้า และไม่เคยเห็นหน้าเจ้าก่อนที่ข้าจะแต่งเข้ามา”
“ที่ข้าหมายถึงก็คือ หากในอนาคตเราสองคนเข้ากันไม่ได้ หรือหากเจ้าชอบผู้อื่นขึ้นมา เราก็จะหย่ากัน”
“นั่นก็หมายความถึงการที่เราเป็นครอบครัวเดียวกันชั่วคราวอย่างไรล่ะ”
หากนางเผยไพ่ของนางออกมาตอนนี้ เซียวหานเจิงก็สามารถวางใจได้ว่า นางจะไม่คอยเกาะติดครอบครัวของเขา
หากพวกเขาเข้ากันไม่ได้ นางก็จะหย่าให้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
เซียวหานเจิง “......” ภรรยาคนนี้ถึงกับคิดเรื่องหย่าเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว