ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 104 เคาะประตูทวงหนี้
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 104 เคาะประตูทวงหนี้
แปลโดย iPAT
ชายชราเคราแพะในชุดสีน้ำตาลตรวจชีพจรของศิษย์จำนวนนับร้อยทีละคน เขาส่ายศีรษะเป็นบางครั้งและพยักหน้าเป็นบางหน เขาตรวจสอบเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าโดยมีหลิวหงยืนอยู่ด้านซ้ายและหลี่หลงคอยเติมน้ำชาอยู่ด้านหลัง
ศิษย์ของสำนักกำปั้นเหล็กหลายคนสร้างกำแพงมนุษย์ปิดกั้นผู้คนจำนวนมากที่เฝ้ามองอยู่ในระยะไกล ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นญาติของเด็กเหล่านี้ ทุกคนมองบุตรหลานของตนด้วยความประหม่า หากพวกเขาเห็นชายชราพยักหน้า ดวงตาของพวกเขาจะส่องประกายขึ้นด้วยความยินดี หากชายชราส่ายศีรษะ พวกเขาจะหดหู่ใจมาก
นี่เป็นบุคคลสำคัญที่มาจากเมืองหลวงของมณฑลชิงเหอซึ่งอยู่ห่างออกไปมากกว่าห้าร้อยกิโลเมตร หากเด็กคนใดได้รับการยอมรับจากเขา คนผู้นั้นจะมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่
หลี่ฉิงซานเห็นชายชราด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว กลิ่นอายของชายชราแข็งแกร่งกว่าเฟิงจางเล็กน้อย เขาเป็นจอมยุทธ์ที่แท้จริง แต่เขาไม่ใช่บุคคลอันตราย หากหลี่ฉิงซานกลับเป็นปีศาจ เขามั่นใจว่าสามารถสังหารชายชราได้ในการโจมตีเดียว หรือกระทั่งในร่างมนุษย์ มันก็ไม่มีปัญหามากนัก เขาเพียงต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเท่านั้น
แต่เขาต้องตรวจสอบสถานการณ์เป็นอันดับแรก
หลิวหงยืนเคียงข้างชายชรา ทั้งคู่เป็นผู้สูงอายุ แต่กระทั่งเด็กไร้เดียงสาก็ยังบอกได้ว่าผู้ใดน่าเกรงขามกว่า
ตั้งแต่หลิวหงมาที่เมืองชิงหยางเพื่อเกษียณอายุ มันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้พบผู้อาวุโสหยางซ่ง แต่ในฐานะนักสู้ชั้นสอง เขาไม่เคยพบผู้อาวุโสของสำนักมากนักในอดีต ครั้งสุดท้ายที่เขาพบหยางซ่งคืองานเลี้ยงวันเกิดเจ้าสำนักสาขาหลัก ย้อนกลับไปเขายังเป็นเด็กวัยรุ่นคนขณะที่หยางซ่งเป็นผู้อาวุโสของสำนักอยู่แล้ว ตอนนี้หลิวหงแก่ลงแต่หยางซ่งดูเหมือนไม่เคยเปลี่ยนแปลง
หลิวหงกล่าว “ผู้อาวุโสหยาง ท่านควรพักสักครู่”
“โปรดดื่มชา” หลี่หลงเร่งเติมน้ำชา แม้หัวหน้าหออู๋จะเสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติและแผนการออกจากเมืองชิงหยางของหลี่หลงจะถูกยกเลิก แต่เขากลับมีความสุขอยู่ภายใน เขาไม่เคยชอบหัวหน้าหออู๋ คนผู้นั้นหยาบคายต่ออาจารย์ของเขา เมื่อบุคคลดังกล่าวเสียชีวิติต เขาจึงรู้สึกยินดี แต่ในชั่วพริบตาผู้อาวุโสหยางก็ตามมา ไม่เพียงเขาจะแข็งแกร่งแต่เขายังแสดงออกได้อย่างเหมาะสม เขาภูมิใจในตัวเองแต่เขาไม่ได้แสดงความยโสออกมา นอกจากนี้เขายังสามารถนำหลี่หลงกลับไปพร้อมกับเขา
หยางซ่งหยุดมือและจิบชาอย่างสบายอารมณ์ “ข้าแก่แล้ว ร่างกายของข้าอ่อนแอลงมาก” เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มทั้งหมดยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์อย่างไม่แยแส
หลิวหงถาม “ท่านผู้นำคิดเห็นอย่างไร?”
“อย่ากังวล เจ้าก็เป็นผู้อาวุโสของสำนักเช่นกัน คนแซ่อู๋ไร้ความสามารถ มันจะเป็นความผิดของเจ้าได้อย่างไร? ข้าจะอธิบายให้ท่านผู้นำเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน” หยางซ่งอารมณ์ดีมาก เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพราะเขาได้รับผลประโยชน์มากมายจากหลิวหง เขาไม่สนใจเงินทองมากนักแต่ภาพวาดโบราณภาพหนึ่งมาจากศิลปินที่มีชื่อเสียง โดยพื้นฐานแล้วมันประเมินค่าไม่ได้ นี่เป็นความชอบส่วนตัวของเขา
หลิวหงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณผู้อาวุโส ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับเด็กเหล่านี้”
หยางซ่งกล่าว “มีเด็กสองสามคนที่มีอนาคต แม้พวกเขาจะไม่สามารถบ่มเพาะพลังปราณ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มีความสามารถเพียงพอที่จะฝึกทักษะยุทธ์ หากนี่เป็นเมืองหลวงของมณฑลชิงเหอ เราต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงเด็กที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ให้มาอยู่กับเรา เจ้าจะไม่สามารถคัดเลือกพวกเขาเช่นนี้”
หลิวหงกล่าว “ทั้งหมดเป็นเพราะสติปัญญาของท่านผู้นำ”
“หือ?”
เป็นเพียงเวลานี้ที่หยางซ่งเงยหน้าขึ้นและเห็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามา หยางซ่งกล่าว “ส่งเขาออกไป เขาแก่เกินไป” ยิ่งไปกว่านั้นเขายังดูธรรมดาและไม่มีสิ่งใดน่าสนใจ
อย่างไรก็ตามศิษย์ทั้งหมดของสำนักกำปั้นเหล็กกลับไม่พยายามปิดกั้นเด็กหนุ่มผู้นี้ตามคำสั่ง ตรงข้าม พวกเขาเปิดทางออกด้วยความหวาดกลัว หยางซ่งสับสน สิ่งที่เขาเห็นคือดวงตาของหลิวหงและหลี่หลงเบิกกว้างขึ้นก่อนตะโกน “หลี่ฉิงซาน!”
ผู้คนเริ่มพูดคุย “เขาคือหลี่ฉิงซานจริงๆงั้นหรือ?”
“เสือดำหลี่ฉิงซาน!”
“ข้าได้ยินว่าเขาตายไปแล้ว”
“เขากลับมาได้อย่างไร?”
ชื่อเสียงของหลี่ฉิงซานโด่งดังมากในเมืองชิงหยาง
หลี่ฉิงซานเดินเข้าไปและป้องหมัดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ท่านหลิว ไม่พบกับนาน และผู้อาวุโสท่านนี้ ข้ากำลังตั้งตารอที่จะพบท่าน”
หยางซ่งยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เขาพึ่งจำเหตุผลที่ตนเองต้องเดินทางมาที่นี่ได้ มันไม่ได้เป็นเพราะเด็กหนุ่มผู้นี้งั้นหรือ!
หลิวหงกล่าวอย่างงุ่มง่าม “จะ...เจ้ากลับมาแล้ว!”
หลี่ฉิงซานพูดเข้าประเด็น “ถูกต้อง และครั้งนี้ข้าคงต้องรับบทเป็นแขกที่หยาบคาย ท่านหลิว โปรดคืนสมบัติให้ข้าสักสองสามชิ้นหรือท่านสามารถใช้ตั๋วแลกเงินแทนพวกมัน ข้ารู้ว่ามันไม่ง่ายที่ท่านจะขุดพวกมันขึ้นมา” หลี่ฉิงซานในปัจจุบันดูอ่อนแอมาก เขาไม่มีท่าทีโอหังหรือความดุร้ายใดๆ
หลิวหงมองหยางซ่งขณะที่ฝ่ายหลังกล่าวอย่างเฉยเมยขณะจิบชา “เจ้าคือหลี่ฉิงซานงั้นหรือ? เจ้ากล้ากลับมาจริงๆ เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะถามคำถามเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะให้คำตอบที่ข้าพอใจ หากเจ้าไม่ตอบ ข้าคงต้องตบหน้าเจ้าเป็นการสั่งสอน หัวหน้าหออู๋ตายอย่างไร?”
เขาไม่แม้แต่จะยืนขึ้น นี่ไม่ใช่บุคคลที่คู่ควร นอกจากนั้นความหยาบคายของหลี่ฉิงซานก็ทำให้เขาหงุดหงิด เด็กหนุ่มเสียสติไปแล้วที่พยายามทวงสิ่งของจากเขา และมันยังมีร่องรอยหลายอย่างที่พิสูจน์ว่าการตายของหัวหน้าหออู๋เชื่อมโยงกับคนผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีเหตุผลที่จะสุภาพต่อหลี่ฉิงซาน
หลี่ฉิงซานกำลังซ่อนความแข็งแกร่งของเขาหรือไม่? อาจจะ! แต่กระทั่งหลี่ฉิงซานจะเป็นนักสู้ชั้นหนึ่งหรือจอมยุทธ์ที่แท้จริง ด้วยสถานะจอมยุทธ์ขั้นสองของเขา มันก็มีผู้คนไม่มากที่เขาต้องระวังตัว
หลี่ฉิงซานคุ้นเคยกับพฤติกรรมเช่นนี้อยู่แล้ว นี่คือความมั่นใจที่มาจากความแข็งแกร่งส่วนตัว พวกเขาเชื่อว่าตนเองสามารถยโสขณะที่ทุกคนต้องฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของพวกเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อหลี่ฉิงซานเปรียบเทียบหยางซ่งกับตัวตนที่บินอยู่บนท้องฟ้าเหล่านั้น เขาพบว่ามันน่าขัน ชายชราผู้นี้เหมือนคางคกที่ส่งเสียงดังเพื่อออกคำสั่งฝูงแมลงวันไปรอบๆโดยเชื่อว่าตนเองคือราชา
นี่ทำให้หลี่ฉิงซานหัวเราะออกมาอย่างไม่สามารถอดทน อย่างน้อยเขาก็เป็นกบ ไม่ใช่คางคก!
มุมปากของหลิวหงกระตุก หลังจากไม่ได้พบกันหลายเดือน เขาคิดว่าเด็กหนุ่มจะสุภาพขึ้นเล็กน้อย แต่เขาไม่เคยคาดหวังว่าหลี่ฉิงซานจะยังเหมือนเดิมทุกประการ ภายนอกเด็กหนุ่มดูเป็นมิตรแต่เขากลับหยิ่งทะนงอยู่ภายใน
การแสดงออกของหยางซ่งกลายเป็นเย็นชา “เจ้าหัวเราะสิ่งใด?”
หลี่ฉิงซานกล่าว “เมื่อข้าเห็นเรื่องน่าขัน ข้าก็ต้องหัวเราะ!”
หยางซ่งผุดลุกขึ้นยืน “เหตุใดเจ้าไม่ลองหัวเราะอีกครั้ง!?”
หลี่ฉิงซานกล่าว “เข้าประเด็นกันเถอะ เจ้ากินของข้าไปหมดแล้ว ตอนนี้ข้าอยากให้เจ้าคายมันออกมา!”
หยางซ่งข้ามระยะทางหลายเมตรไปในก้าวเดียว เขายกมือขึ้นและส่งมันออกไป เขาต้องการตบสั่งสอนหลี่ฉิงซานจนถึงจุดที่เด็กหนุ่มไม่สามารถหัวเราะได้อีกตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ เขาต้องการให้หลี่ฉิงซานรู้ราคาของการยั่วยุสำนักกำปั้นเหล็ก
“เพียะ!” เสียงตบดังขึ้น
แต่เป็นหยางซ่งที่หันศีรษะไปด้านข้าง ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่ฟันหลุดออกจากปาก เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่รู้สึกถึงพลังภายในหรือพลังปราณในร่างของหลี่ฉิงซาน แต่การเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มกลับรวดเร็วและรุนแรง คนผู้นี้เป็นเพียงผู้บ่มเพาะร่างกายจริงๆงั้นหรือ? เขาดูเหมือนจอมยุทธ์เลยแม้แต่น้อย
หลี่ฉิงซานไม่หงุดหงิดที่เห็นหยางซ่งต้องการตบเขา ตรงข้าม เขารู้สึกเหนื่อยหน่าย การเคลื่อนไหวของชายชราดูช้ามากในสายตาของเขา มันช้าจนถึงจุดที่เขาสงสัยว่าการประเมินของเขาอาจผิดพลาด
ในเวลาเดียวกันหยางซ่งก็ประเมินคู่ต่อสู้ของตนต่ำเกินไป เขาเผยช่องว่างมากมาย และแน่นอนว่าหลี่ฉิงซานจะไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือไป เขาตบหน้าหยางซ่งและยังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าไม่คายมันออกมา ข้าจะทุบตีเจ้าจนกว่าเจ้าจะคายมันออกมา”
“ผู้อาวุโสหยาง!” หลิวหงตกตะลึง ผู้อาวุโสหยางถูกตบหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่เขายิ่งประหลาดใจมากกว่ากับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของหลี่ฉิงซาน ความเร็วในการเติบโตของเด็กหนุ่มผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก
ผู้คนที่อยู่รอบๆอ้าปากค้าง เหตุผลที่พวกเขานำบุตรหลานมาในวันนี้เพราะหยางซ่งแสดงทักษะบางอย่างออกมา เขาทำลายท่อนซุงที่มีความกว้างกว่าสามเมตรด้วยหมัดเดียวซึ่งมากพอที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกเคารพนับถือ
หลี่หลงต้องขยี้ตาของตนเอง นี่คือเด็กเลี้ยงวัวจากหมู่บ้านกระทิงหมอบจริงๆงั้นหรือ? เขารู้สึกเหมือนตนเองรู้จักเพื่อนบ้านผู้นี้น้อยลงเรื่อยๆ
หยางซ่งโกรธมาก เขาก้าวถอยหลังและปรับท่าทางของตน พลังปราณไหลไปรวมกันอยู่ที่หมัดของเขา
“เพียะ!”
ทันทีที่หลี่ฉิงซานเห็นการเคลื่อนไหวของชายชรา เขาก็เดินเข้าไปตบหน้าฝ่ายหลังอีกครั้ง
หยางซ่งรู้สึกราวกับโลกหมุนรอบตัวเขาหลังจากถูกตบ พลังปราณที่เขารวบรวมกระจัดกระจายหายไป แต่เขายังพยายามรวบรวมพลังปราณอีกครั้งและไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้ ตอนนี้เขาต้องการฆ่าหลี่ฉิงซานจริงๆ
“เพียะ!”
เสียงตบหน้าครั้งที่สามดังขึ้น นี่เป็นการต่อสู้ระยะประชิดด้วยมือเปล่า มันเป็นเรื่องยากที่จะพลิกสถานการณ์หลังจากสูญเสียความได้เปรียบ
“เพียะ! เพียะ! เพียะ!” เสียงตบดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและดังกังวาลไปทั่วลานประลอง นอกจากเสียงตบก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก
เมื่อใดก็ตามที่หยางซ่งแสดงท่าทีว่าต้องการโต้กลับ หลี่ฉิงซานจะตบเขาอย่างไร้ปรานี เหตุผลที่เขาเลือกใช้วิธีตบหน้าไม่ใช่เพราะเขาต้องการตอบแทนความเมตตาแต่เพราะเขาไม่สนใจที่จะฆ่าอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้กำลังมากเกินไป อย่างไรก็ตามเขายังต้องการทำให้แน่ใจว่าเขาสามารถรักษาความได้เปรียบของตนเอาไว้ การตบไม่ร้ายแรงแต่มันสามารถปั่นหัวคู่ต่อสู้และขัดจังหวะสิ่งที่หยางซ่งต้องการทำ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้
หยางซ่งเดินโซเซถอยหลังขณะที่หลี่ฉิงซานก้าวไปข้างหน้า
“ตุบ!” หยางซ่งทรุดตัวลงบนเก้าอี้และยกแขนขึ้นป้องกันใบหน้า “หยุดตีข้า!” หลังจากถูกตบหลายครั้งติดต่อกัน ในที่สุดเขาก็หายโกรธขณะที่ความหวาดกลัวเข้าแทนที่
หลี่ฉิงซานหยุดมือ “คืนของๆข้ามา”
หยางซ่งคำราม “หลิวหง เหตุใดเจ้ายังยืนอยู่ที่นี่!?” ขณะที่เขาตะโกน เขายังลอบใช้มือล้วงเข้าไปในอกเสื้อของตน เขายังมียันต์เป็นไพ่ตาย เขาถูกทำให้อับอายต่อหน้าผู้คน หากเขาไม่ล้างแค้น เขาจะไม่สามารถกู้คืนใบหน้า
หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้าขอแนะนำว่าอย่าใช้มัน!”
มือของหยางซ่งสั่นสะท้าน
หลี่ฉิงซานกล่าวต่อ “เจ้าต้องการตบข้า ดังนั้นข้าจึงตบเจ้า หากเจ้าต้องการฆ่าข้า ข้าก็ทำได้เพียงฆ่าเจ้าเท่านั้น”
เสียงของหลี่ฉิงซานสงบมาก เขาไม่ได้หยุดหยางซ่งจากการใช้ยันต์ หยางซ่งสัมผัสมุมหนึ่งของยันต์ขณะที่การแสดงออกของเขาดูลังเล เขาไม่สามารถตัดสินใจ
หยางซ่งกล่าว “จะ...เจ้าฆ่าหัวหน้าหออู๋และคนเหล่านั้นจริงๆงั้นหรือ?” แม้ซากศพจะไม่สามารถจดจำแต่เขายังพบอาวุธที่เสียหายมากมายรวมถึงถุงมือของหัวหน้าหออู๋