ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 20 เย่ชิวผู้เจ้าเล่ห์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 22 แบบนี้ก็ได้หรือ

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 21 หมิงเยว่โกรธเกรี้ยว


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 21 หมิงเยว่โกรธเกรี้ยว

ในเมืองรกร้าง หลินชิงจู้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นเซียวอี้วิ่งหนีไป “ท่านอาจารย์ท่านช่างชั่วร้ายเกินไป ท่านไปทำให้เขากลัวเช่นนั้นได้อย่างไรกัน”

มุมปากของเย่ชิวกระตุกขณะที่เขากล่าวว่า “สาวน้อยเจ้าพูดอะไรกัน ข้าแค่ช่วยเจ้าระบายความโกรธ เหตุดใดเจ้าถึงพูดแทนเขา”

“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ดีที่สุด! ข้ารู้ว่าท่านจะไม่ปล่อยให้ใครมารังแกข้า” หลินชิงจู้กอดแขนของเย่ชิวอย่างมีความสุข

จริง ๆ แล้วนางรู้ดีว่าเย่ชิวทำไปเพื่อช่วยนางระบายความโกรธในใจ ในตอนแรกนางยังคงคิดว่าเนื่องจากอีกฝ่ายมีภูมิหลังที่ทรงพลัง นางจึงไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับท่านอาจารย์ได้ไม่ว่านางจะต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนก็ตาม

ในความเป็นจริงแล้วนางคิดมากเกินไป ท่านอาจารย์ของนางดูแลตนเป็นอย่างดี เขาจะปล่อยให้นางทนทุกข์ได้อย่างไร

“ดีที่เจ้ารู้” เย่ชิวยิ้มและกล่าวว่า “เอาล่ะ ไปกันเถอะ เจ้าไม่ต้องการกลับไปดูบ้านของเจ้าหรอกหรือ นําทางเร็วเข้า ข้าไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสเช่นนี้อีกเมื่อใด”

หลินชิงจู้พยักหน้าและพูดอย่างเชื่อฟัง “เจ้าค่ะท่านอาจารย์”

เขาเดินตามร่างที่สง่างามของนางเข้าไปในส่วนลึกของเมืองรกร้าง

ในไม่ช้าทั้งคู่ก็มาถึงซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง หลินชิงจู้ยืนอยู่ที่มุมและจ้องมองไปยังผนังสีดําสนิทที่ถูกแต้มด้วยหมึก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นผลงานชิ้นเอกของนางเมื่อตนยังเด็ก

เย่ชิวไม่ได้รบกวนนาง เขากลับสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวแทน ทันใดนั้นเขาก็เห็นกระแสพลังและร่างหลายร่างร่อนลงมาจากด้านหลัง

“หืม” เย่ชิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหมิงเยว่ ซูหยาและศิษย์หญิงสองสามคนจากขุนเขาวารีนภา

“หยาหยา นี่บ้านเจ้าหรือ” หลิวรู่หยานถามอย่างสงสัยขณะที่นางมองไปยังซากปรักหักพังแห่งนั้น

ดวงตาของซูหยาเปียกโชกไปด้วยน้ำตาขณะที่นางค้นหาซากปรักหักพังของบ้านเพื่อค้นหาบางสิ่ง

“เอ๊ะ...” ในขณะนี้หมิงเยว่ก็สังเกตเห็นเย่ชิวในซากปรักหักพังอยู่ไม่ไกลและเดินไปหาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ศิษย์น้องเย่ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่หรือ” หมิงเยว่ถามด้วยความงุนงง แต่หลังจากที่นางเห็นหลินชิงจู้ นางก็เข้าใจในทันที

หลิวรู่หยานซึ่งกําลังติดตามอยู่ข้างหลังได้เหลือบมองไปยังเย่ชิว “นี่คือปรมาจารย์ของขุนเขาเมฆาม่วง อาจารย์ลุงที่อายุน้อยที่สุดของสำนักเยียวยาสวรรค์ เขาหล่อเหลาอย่างที่ข่าวลือกล่าวจริง ๆ”

นับตั้งแต่ที่หมิงเยว่ดุพวกนางในครั้งสุดท้าย พวกนางก็ได้รับข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเย่ชิวจากซูหยา พวกนางอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับอาจารย์ลุงคนนี้เป็นอย่างมาก

เย่ชิวเหลือบมองพวกเขาอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า “ข้าพาลูกศิษย์ของข้าลงมาจากภูเขาเพื่อฝึกฝนและเยี่ยมเยือนบ้านของนาง”

“ศิษย์หลิวรู่หยานคำนับอาจารย์ลุงเย่...” หลิวรู่หยานก้าวไปข้างหน้าและโค้งคํานับ เย่ชิวเหลือบมองนางและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที

“บัดซบ! ศิษย์หญิงทุกคนบนขุนเขาวารีนภาสวยเช่นนี้เลยหรือ” เย่ชิวแอบตกใจ หลิวรู่หยานคนช่างงดงามเกินไป นางมีกลิ่นอายของสตรีผู้สูงศักดิ์ที่มาจากครอบครัวนักวิชาการ นางสวมเสื้อคลุมสีแดง มีบุคลิกที่อ่อนโยนและรูปร่างที่ร้อนแรง ความยั่วยวนของนางเทียบได้กับหมิงเยว่เลยก็ว่าได้

ไม่น่าแปลกใจที่ศิษย์ของขุนเขาอื่น ๆ ของสำนักเยียวยาสวรรค์ชอบวิ่งไปยังขุนเขาวารีนภาเพราะมีสาวงามอยู่มากมาย

แม้ว่าเขาจะตกใจ แต่สีหน้าเขาก็ยังเฉยเมย เย่ชิวกล่าวเบา ๆ ว่า “เจ้าคือหัวหน้าศิษย์ของขุนเขาวารีนภาใช่หรือไม่ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้ามาก่อน ในบรรดาคนรุ่นใหม่ของทั้งเจ็ดขุนเขา เจ้า ชิงเฟิงและฉีฮ่าวจากขุนเขากระบี่เร้นลับนั้นโดดเด่นมากที่สุด การที่ได้เห็นเจ้าในวันนี้เป็นการพิสูจน์ว่าเจ้าได้ใช้ชีวิตเหมาะสมกับชื่อเสียงของเจ้าแล้ว”

นางอยู่ในขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 1 การที่มาถึงระดับการบ่มเพาะเช่นนี้ในวัยนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของนางแล้ว

หลิวรู่หยานมีความสุขที่ได้ยินคําชมของเย่ชิวและกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ท่านอาจารย์ลุงช่างชื่นชมเกินไป! พรสวรรค์ของรู่หยานนั้นน่าสงสารนัก ข้าจะเปรียบเทียบกับพี่ชายของข้าได้อย่างไรกัน”

เย่ชิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่หมิงเยว่จะอธิบายว่า “ศิษย์น้อง ชิงเฟิงนั้นเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของรู่หยาน”

“ข้าเข้าใจแล้ว” และแล้วเย่ชิวก็เข้าใจ

ในขณะนี้ หมิงเยว่ก็ได้เปิดเผยรอยยิ้มที่มีเลศนัยออกมา “รู่หยาน ดูเหมือนว่าอาจารย์ลุงเย่ของเจ้าตั้งความคาดหวังกับเจ้าสูงมาก อาจารย์ลุงของเจ้าเก่งกาจมากเช่นกัน เจ้าต้องพูดคุยเพิ่มเติมกับอาจารย์ลุงเย่ หากเจ้าทําผลงานได้ดีบางทีอาจารย์ลุงเย่อาจมีความสุขและสอนเคล็ดวิชากระบี่ที่ไม่มีใครเทียบได้หรือแม้แต่สมบัติ”

หัวใจของเย่ชิวสั่นคลอน ‘นางหมายถึงอะไรกัน สตรีคนนี้ต้องการหลอกข้าหรือ’

หลิวรู่หยานดูเหมือนจะเข้าใจและตอบกลับ “ท่านอาจารย์ ศิษย์เข้าใจแล้ว! เฮ้อ... ในอนาคตข้าจะไปเยี่ยมขุนเขาเมฆาม่วงให้บ่อยขึ้นและพูดคุยกับอาจารย์ลุงเย่เกี่ยวกับประสบการณ์การบ่มเพาะ อาจารย์ลุงเย่จะไม่ปฏิเสธข้าใช่หรือไม่”

ปากของเย่ชิวกระตุก “ไม่เป็นไร ขุนเขาเมฆาม่วงนั้นมีคนน้อยเป็นทุนเดิมและค่อนข้างเงียบเหงา หากมีคนเพิ่มหนึ่งคนคงทำให้มีชีวิตชีวามากขึ้นเช่นกัน หากศิษย์หลานต้องเป็นลูกศิษย์ของข้า ข้าก็ยินดี ขุนเขาเมฆาม่วงไม่เคยปิดบังอะไรจากศิษย์! การมอบเคล็ดวิชาและสมบัติก็ถือเป็นเรื่องที่เป็นไปได้”

ดวงตาของหลิวรู่หยานสว่างขึ้นหลังจากได้ยินสิ่งนี้ นางได้ยินจากซูหยาว่าสหายของนางหลินชิงจู้เพิ่งเข้าสู่ขุนเขาเมฆาม่วงและเย่ชิวได้มอบเม็ดยาวิญญาณและเม็ดยาอายุวัฒนะ รวมถึงสมบัติบางอย่าง สิ่งที่อุกอาจยิ่งกว่าคือเขาได้มอบฐานการบ่มเพาะให้กับลูกศิษย์ของเขาด้วยซ้ำ

มันเป็นอย่างที่เขาพูด เขาไม่เคยปิดบังศิษย์ของตน นางจะหาท่านอาจารย์ที่ดีเช่นนี้ได้จากที่ใดกัน

หัวใจของหมิงเยว่บีบรัดขึ้นหลังจากเห็นสีหน้าของหลิวรู่หยาน นางเพียงแค่พูดลองเชิงเผื่อว่าเย่ชิวอาจมอบสมบัติบางอย่างให้ลูกศิษย์ของตน เหตุใดนางถึงเกือบสูญเสียลูกศิษย์อันล้ำค่าของตนไป สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด รู่หยานเป็นศิษย์ที่มีค่าของนางและเป็นความหวังเดียวของนาง นางจะไม่ถูกเย่ชิวหลอกด้วยคําพูดไม่กี่คําเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน

“บัดซบ! สหายผู้นี้พลิกโต๊ะใส่ข้าอย่างแท้จริง...” หมิงเยว่รู้สึกผิดมากขึ้นหลังจากเห็นสีหน้าของหลิวรู่หยาน นางพูดทันทีว่า “แค่ก... รู่หยาน การประลองยุทธ์เจ็ดขุนเขากําลังใกล้เข้ามาแล้วและเหลือเวลาเพียงเล็กน้อย หากไม่มีอะไรอื่นเจ้าก็ไม่ควรไปยังขุนเขาเมฆาม่วง จงอาศัยอยู่บนขุนเขาและบ่มเพาะตนเองต่อไป”

หลิวรู่หยานรู้สึกผิดหวังและงุนงงเล็กน้อย “เจ้าค่ะ ข้าจะจดจําคําสอนของท่านอาจารย์ไว้”

ถึงนางจะต้องการ แต่นางจะไม่ทําเช่นนั้น แม้ว่าอาจารย์ของคนอื่นจะดีเลิศเลอ แต่ตั้งแต่วินาทีที่นางเข้าสู่สำนัก หมิงเยว่ก็กลายเป็นผู้ชี้นํานางเสมอมา นางจะกระทำการทิ้งอาจารย์ของนางไปกับคนอื่นได้อย่างไร

แต่น่าเสียดาย หากนางอยู่ในขุนเขาเมฆาม่วงตั้งแต่เริ่ม นางคงมีอนาคตที่ดีกว่านี้

หมิงเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและจ้องมองเย่ชิวเมื่อนางเห็นว่าหลิวรู่หยานสงบลงในที่สุด

“เอาล่ะ เจ้าชนะ! จากนี้ไปเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ล่อลวงศิษย์ที่มีค่าของข้าคนนี้ นอกเหนือจากนางแล้วเจ้าสามารถเลือกคนอื่นได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะสู้กับเจ้าจนตาย”

เย่ชิวยิ้มโดยไม่พูดอะไร เขามองไปยังหมิงเยว่ที่ข่มขู่เขาและคิดกับตนเอง “ชิ เพียงแค่ศิษย์คนหนึ่ง! ไม่ช้าก็เร็วข้าจะนําขุนเขาวารีนภาทั้งหมดของเจ้าไปพร้อมกับเจ้า เนื่องจากพยายามที่จะหลอกลวงข้า เจ้าได้โยนหินใส่เท้าตัวเองเสียแล้ว”

เย่ชิวแอบหัวเราะอยู่ภายในใจและกล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “ศิษย์พี่หญิง ท่านไม่ใช่ผู้ที่ส่งนางมาหาข้าหรือ เหตุใดฟังดูเหมือนข้ากําลังพยายามแย่งชิงลูกศิษย์ของท่าน ท่านไม่มีเหตุผลเลยแม้แต้นอย”

หมิงเยว่กล่าวว่า “ข้าไม่สนใจ! ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ห้ามแตะต้องรู่หยานเด็ดขาด...”

เย่ชิวแอบหัวเราะ ‘เจ้าคิดว่าข้าจะไม่แตะต้องเพราะเจ้าบอกข้าว่าอย่าหรือ แล้วศักดิ์ศรีของข้าอยู่ไหนกัน’ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เย่ชิวก็ยิ้มและค่อย ๆ หยิบจี้ดอกบัวออกมา

“ศิษย์หลานรู่หยาน เนื่องจากนี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเรา! ข้าไม่มีของขวัญที่ดีที่จะให้เจ้ามากนัก จี้ดอกบัวนี้ถือได้ว่าเป็นของขวัญอวยพร นี่คือสมบัติชั้นยอด! การนําสิ่งนี้ติดตัวไปด้วยจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการบ่มเพาะของเจ้า”

ทันทีที่เขาพูดจบหมิงเยว่ก็ส่งสายตามาให้เขาอย่างอาฆาตแค้น ชายคนนี้ไม่ได้ขโมยศิษย์ของนางอย่างลับ ๆ อีกต่อไป ทว่าเขากําลังขโมยลูกศิษย์ของนางอย่างเปิดเผย

ในขณะนี้ หลิวรู่หยานตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ นางรับจี้ดอกบัวที่เย่ชิวยื่นให้อย่างงุนงง และเป็นอย่างที่เย่ชิวพูด หลังจากที่นางรู้สึกตัว นี่เป็นสมบัติที่มีประโยชน์อย่างมากต่อการบ่มเพาะ

“นี่... ขอบคุณเจ้าค่ะอาจารย์ลุงเย่...” ความคิดของหลิวรู่หยานไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น นางยอมรับจี้อย่างมีความสุขและมองไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาของเย่ชิว นางไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการจูบเขาเพื่อแสดงความขอบคุณของตน

ช่างใจกว้างเกินไป ทันทีที่พบกันเขาก็ได้มอบสมบัติชั้นยอดให้กับนาง เป็นเช่นเดียวกับที่ข่าวลือกล่าวว่าเขาได้มอบทุกสิ่งให้แก่ศิษย์ของเขา

‘อ่า ข้าชื่นชอบยิ่งนัก... ข้าต้องการอาจารย์เช่นนี้เหลือเกิน’

5 3 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด