Ep.417 418 - โจมตีเมือง
1/2
Ep.417 418 - โจมตีเมือง
ณ เมืองหุบเขาเดียวดาย
หน่วยสอดแนมส่งข่าวกลับมาอีกครั้ง
เจียงหนานในฐานะรองขุนนางเมืองหุบเขาเดียวดายวิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์ด้วยตัวเอง
“ศัตรูเข้ามาในระยะ 50 ไมล์แล้ว”
“นอกจากนี้ มีการตรวจพบกองกำลังขนาดเล็กจำนวนมาก คาดว่าเป็นกองกำลังของขุนนางเล็ก วนอ้อมไปข้างหลังเมืองหุบเขาเดียวดาย”
เจียงหนานดูประหม่าเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าเราขัดขวางแผนการรวบกำลังพลของขุนนางน้อยในเมืองรังอินทรีย์ไปแล้วหรือ? ทำไมกองกำลังของพวกมันถึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง?”
คิ้วของคนอื่นๆขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินข่าวนี้
จ้าวหมิงกล่าวว่า “พวกมันสมควรเป็นขุนนางที่ขึ้นตรงต่อคาลิมัว ในตอนที่ 18 ขุนนางรวมตัวกันที่เมืองรังอินทรีย์ เผ่าพันธุ์ที่เป็นลูกน้องสายตรงไม่ได้อยู่ที่นั่น”
ฉูเทียนหัว “แผนของคาลิมัวค่อนข้างชัดเจน มันตั้งใจจะโจมตีเมืองหุบเขาเดียวดายด้วยกำลังหลักของเมืองธารทะเลทราย และส่งขุนนางเล็กพวกนั้นไปโจมตีด้านหลัง เตรียมเข้ายึดสามเมืองขึ้นของพวกเรา”
“ไม่เป็นไร กว่าพวกมันจะถึงสามเมือง ก็น่าจะใช้เวลาอีกสองสามวัน” ฮังอวี่กล่าว “ทั้งสามเมืองกำลังขาดแคลนคนคุ้มกันก็จริง แต่ยังเหลือกับดักมากมายทั้งภายนอกและภายใน ถ้ามีแค่ขุนนางเล็กเท่านั้นที่โจมตีเมือง ก็น่าจะยื้อได้สักพัก พวกเราจะวอกแวกไม่ได้ ต้องโฟกัสมาที่การต่อสู้กับกองกำลังหลักของคาลิมัว”
ทุกคนพยักหน้า
ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดคือไม่มีอะไรมากไปกว่าการถูกยึดครองสามเมือง
แต่ตราบใดที่กองกำลังหลักของเมืองธารทะเลทรายถูกขับไล่จากสนามมรบเมืองหุบเขาเดียวดาย
เช่นนั้นแล้ว ด้วยกองกำลังของมนุษย์ในปัจจุบัน การยึดเมืองซักสองสามเมืองคืน ง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ
สามเมืองสามารถถูกยึดได้ แต่เมืองหุบเขาเดียวดายไม่อาจสูญเสีย
ฮังอวีหรี่ตาลงทันใด ปลดปล่อยเทคนิคตาเหยี่ยวสังเกตการณ์ เห็นแค่เพียงเหนือหุบเขา กลุ่มก้อนเส้นสีดำปรากฏขึ้น
เจ้าสิ่งนี้ให้ความรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล มองไกลๆดั่งพายุเมฆทะมึน มันเหมือนกับกระแสน้ำปั่นป่วน
กองกำลังหลักของเมืองธารทะเลทรายเข้าสู่สนามรบแล้ว!
สงครามโลกวิญญาณนั้นค่อนข้างเรียบง่ายและหยาบกร้านอยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องตั้งค่ายทหารหรืออะไรทำนองนั้น ตามปกติแล้วไม่ต้องเล่นกลยุทธ์กดดันเผชิญหน้า แต่สามารถบุกเข้าตีเพื่อเข้าสู่จุดไคลแม็กซ์ได้เลย
เมื่อมาถึงสนามรบ หลังจากปรับขบวนทัพเล็กน้อย ไม่ช้าก็จะเกิดการต่อสู้ขึ้น
...
หน่วยสอดแนมของเมืองธารทะเลทรายกลับมาและรายงานว่า “มีหมอกหนาอยู่ในหุบเขา คาดว่าบริเวณรอบหุบเขามีกับดักหนาแน่น การป้องกันทั้งหมดของเมืองหุบเขาเดียวดายเปิดทำงานอย่างเต็มที่ พวกเราสามารถตรวจจับอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราได้เป็นจำนวนมาก ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเตรียมพร้อมแล้ว”
คาลิมัวสั่ง “ถ่ายทอดคำสั่งให้ใช้การอัญเชิญ”
ทหารโทรลล์หลายร้อยตนเดินนำหน้าออกไปหุบเขาที่เต็มไปด้วยสายหมอก พวกมันทุกตัวสวมเสื้อคลุมและถือคทากระดูกยาว แต่งตัวจัดเต็มในฐานะผู้ใช้วิญญาณ
เห็นได้ชัดว่าเป็นกองทัพสายผู้ใช้วิญญาณ
เมืองธารทะเลทรายมีความได้เปรียบในด้านอาณาเขต
และข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งก็คือประเภทของสมุนทหาร
ดินแดนขนาดใหญ่กว่าสามารถสร้างสมุนทหารอัญเชิญได้ ขณะเดียวกันก็สามารถรวบรวมหลากหลายเผ่าพันธุ์เข้าด้วยกัน ทำให้องค์ประกอบของกองทัพสมบูรณ์มาก
ทหารอัญเชิญโทรลล์ไม่ต่ำกว่าสามร้อยตัว เริ่มร่ายมนตร์อัญเชิญธาตุสิ่งมีชีวิตธาตุดินขั้นซิลเวอร์ในเลเวล 15 ออกมาทีละตัว และสั่งให้พวกมันตรงเข้าสู่หุบเขา
จากนั้นท่ามกลางหุบเขาลึก กับดักต่างๆก็เริ่มถูกกระตุ้น เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
นี่คือเทคนิคเคลื่อนปฐพีซึ่งเป็นสกิลที่ทรงพลังและมาพร้อมเอฟเฟกต์อันหลากหลาย
มันค่อนข้างคล้ายกับ ‘คลื่นมังกรปฐพี’ ที่มาพร้อมกับหอกคลื่นมังกรปฐพีของฮังอวี่ เป็นคลื่นกระแทกที่สามารถเคลื่อนผ่านพื้นดินได้เท่านั้น
ภายใต้สถานการณ์นี้ พวกมันสามารถใช้ทำลายทุ่นระเบิดที่ฝังไว้กับดินได้อย่างสมบูรณ์
กับดักที่มนุษย์วางไว้ตามรายทางในหุบเขาลึก ถังเชื้อเพลิงที่ถูกฝังไว้ใต้ดิน และกับดักเหนี่ยวนำมนตราประเภทสายฟ้า เมื่อได้รับความเสียหายจากเทคนิคเคลื่อนปฐพี เกือบทั้งหมดกลายเป็นไร้ประโยชน์
เห็นได้ชัดว่าเมืองธารทะเลทรายไม่เหมือนกับเมืองทรายดำ
พวกมันไม่มีทางพลาดท่าตกเป็นเหยื่อของกับดักระดับต่ำ
“รัศมีแห่งจ้าวสงคราม!”
คาลิมัวยกหอกในมือและตะโกนเสียงดัง
ร่างกายมันสว่างไสวไปด้วยแสงจรัส พลังถูกปลดปล่อยออกตามตัว
อันดับแรก พลรบที่อยู่รอบตัวมันเริ่มเรืองแสง และแสงนี้คล้ายดั่งเป็นโรคติดต่อ กระจายไปทั่วกองทัพอย่างรวดเร็ว ในที่สุดกองทัพนับหมื่นนาย ก็ถูกปกคลุมไปด้วยเอฟเฟกต์ของสกิลนี้
พละกำลัง , ความว่องไว , ค่าความต้านทาน และอัตราการฟื้นฟู ประสิทธิภาพโดยรวมเพิ่มขึ้นทั้งหมด
พลังรบโดยรวมของทั้งกองทัพ อย่างน้อยเพิ่มขึ้นถึง 30%!
นี่คือพลังของมรดกขั้น 4 จ้าวสงคราม! พลังรบของคาลิมัวในการต่อสู้ครั้งนี้ อาจไม่แข็งแกร่งเท่ากับสายอาชีพอื่นๆในมรดกขั้น 4 แต่ในสนามรบ ในการต่อสู้ขนาดใหญ่ มรดกนี้เปรียบได้ดั่งปลาลงน้ำ!
“พลังแห่งทหารนับพัน!”
คาลิมัวปลดปล่อยสกิลอื่น
ท่ามกลางกองทัพของมันจากทุกทิศทาง ลำแสงโหมกระหน่ำออกมาพร้อมกัน
ซึบซัมเข้าสู่ร่างขุนพลผู้ระดับสูงที่มีสติปัญญานับร้อยของคาลิมัว เพิ่มค่าคุณสมบัติของพวกมันขึ้น 35%!
“กวาดล้างเมืองหุบเขาเดียวดาย!”
คาลิมัวเปรียบเสมือนเทพสงครามในขณะนี้!
มันคำรามเกรี้ยวกราด เสมือนดั่งเสียงพายุฟ้าคะนอง
คาลิมัวและสมาชิกระดับสูงก้าวออกมายืนแถวหน้า
พวกมันนำทัพด้วยรัศมีแห่งจ้าวสงคราม ดั่งกระแสน้ำไหลเชี่ยว เหยียบย่างเข้าสู่เบื้องหน้าเมืองหุบเขาเดียวดายที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาลึก
หมอกละอองที่สร้างขึ้นจากหอคอยหมอกของมนุษย์ปลาอาจมีผลกับพวกสมุนทหาร
แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะพวกมันจะสร้างความสับสนให้แก่เหล่าขุนศึกที่นำทัพโดยคาลิมัว
เลเวลและค่าคุณสมบัติจิตรับรู้ของพวกมันไม่ต่ำต้อย หมอกละอองเหล่านี้ไม่นับเป็นสิ่งใดสำหรับพวกมัน
คาลิมัวนำกองทัพตนเข้าทำลายหอคอยหมอกหลายแห่งตลอดทาง ปัดเป่าละอองหมอกในหุบเขาเดียวดายให้สลายหาย และเริ่มมุ่งหน้าสู่เมืองหุบเขาเดียวดายด้วยความเร็วสูง
การต่อสู้ยังไม่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างท่วมท้น
“อย่าแตกตื่นไป”
“รอฟังคำสั่งของฉัน!”
ฉูเทียนหัวกุมขวานรบสีฟ้าด้ามยาวอยู่ในมือ อาวุธนี้ได้มาจากเมืองรังอินทรีย์ เป็นอาวุธสองมือเลเวล 14 ที่ดรอปจากรองขุนนางของเมืองธารทะเลทราย
แม้แต่ฮังอวี่ก็ไม่มีความสามารถที่จะสวมใส่มัน แต่ฉูเทียนหัวพิเศษกว่าใคร ด้วยสกิลพรสวรรค์ของเขา มันไม่เพียงช่วยเพิ่มโบนัสคุณสมบัติแก่อาวุธ แต่ยังทำให้เขาถืออาววุธที่เลเวลสูงกว่าตัวเองได้ และด้วยเลเวลที่สูงขึ้น ทำให้สกิลเกิดการพัฒนา สามารถถืออาวุธที่สูงกว่าเลเวลตนเองได้ถึง 2 ระดับแล้ว!
ด้วยอาวุธที่ทรงพลัง และสกิลมรดกขั้น 3 อีกกว่า 5 สกิล พลังรบของเขาไม่ควรมองข้าม
อย่างไรก็ตาม ในฐานะแม่ทัพ งานหลักของเขาในวันนี้ไม่ใช่การออกรบ แต่เป็นพิจารณาภาพรวมทั้งหมดและประสานงานทั้งกองทัพ
3,000 เมตร!
2,000 เมตร!
1,000 เมตร!
“โจมตีได้!”
กองทัพเมืองธารทะเลทรายมาเร็วเกินไป พวกมันก้าวข้ามกับดักในพริบตา!
เดิมกับดักทั้งหลายที่ถูกวางไว้นั้นแลกมาด้วยราคาและค่าใช้จ่ายมหาศาล แต่ส่วนใหญ่กลับถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย
แน่นอน เมืองหุบเขาเดียวดายไม่ได้หวังพึ่งกับดักเล็กๆแบบนี้
เมื่อกองทัพขุนนางใหญ่ประชิดเข้ามา ปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตรากว่าร้อยแปดสิบกระบอก หน้าไม้ยักษ์ของคนแคระกว่าห้าสิบ และเครื่องพ่นไฟเหนี่ยวนำมนตรากว่า 20 เครื่อง ก็เริ่มโจมตีทันที
บังเกิดเสียงคำรามอึกทึก ควบคู่ไปกับเสียงสายลมหวิว
กระสุนปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตราเลเวล 15 ลูกธนูยักษ์ที่ได้รับการอัพเกรด ลำกล้องปืนที่ถูกพ่นด้วยเปลวเพลิงขั้นสุดยอด พุ่งข้ามระยะห่างพันเมตรโดยตรง ตกลงกลางกองทัพเมืองธารทะเลทราย
เกิดการระเบิด เกิดแรงปะทะและเผาไหม้!
ส่งผลให้กองทัพเมืองธารทะเลทรายเกิดความปั่นป่วนเล็กน้อย
คาลิมัวขมวดคิ้ว
ช่างเป็นอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราที่ทรงพลังอะไรอย่างนี้!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถยึดสามเมืองได้อย่างง่ายดาย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถทำลายเมืองรังอินทรีย์ได้!
ด้วยอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราที่พวกเขามี ตราบใดที่มีจำนวนทัพไม่เลวร้าย ดินแดนเล็กๆย่อมปราศจากอำนาจที่จะต่อสู้กลับ
อุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตรามีราคาแพงมาก
ทุกการโจมตีเท่ากับการผลาญเงิน
แล้วขุนนางเล็กธรรมดาๆหรือเผ่าพันธุ์เร่ร่อนจะครอบครองพวกมันได้อย่างไร
ดังนั้น จึงเป็นไปได้สูงว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์น่าจะมีขุมกำลังที่แก่กล้าอยู่เบื้องหลัง
พอคิดถึงเรื่องนี้ คาลิมัวกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับความปลอดภัยของเมืองธารทะเลทราย
อย่างไรก็ตาม ยังมีกำลังพลและสมุนทหารอีกครึ่งอยู่ในเมืองธารทะเลทราย ด้วยพลังป้องกันของเมืองธารทะเลทราย ต่อให้ศัตรูต่างถิ่นเข้าโจมตี ก็ไม่น่าจะถูกทำลายในระยะเวลาอันสั้น ตราบใดที่มันกวาดล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ในที่นี้ ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับการสนับสนุนจากใครก็ตาม แต่ก็ไม่เหลือโอกาสที่จะลุกขึ้นต่อต้านได้อีก
เห็นได้ชัดว่าคาลิมัวคิดมากเกินไป
ขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็คือมนุษย์ด้วยกันนั่นเอง
อาวุธเหนี่ยวนำมนตราที่กำลังใช้งานอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่ถูกฮังอวี่ซื้อมาจากสกายเน็ต และบางส่วนถูกซื้อในกรณีฉุกเฉินโดยการกู้ยืมและสัญญาเช่า ยืมมาได้แค่สองสามวันเท่านั้น
ขณะที่ไม่ว่าจะเป็นการทำลายเมืองรังอินทรีย์
หรือยึดสามเมืองเล็ก
เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่เคยใช้อาวุธเหนี่ยวนำมนตราเลย
คาลิมัวไม่ต้องการให้กองกำลังหยุดชะงัก เมืองธารทะเลทรายไม่มีผู้บังคับสมุนทหารมากเท่ากับมนุษย์ ดังนั้นความสามารถในการควบคุมกองทัพจึงไม่สูงนัก
อีกอย่างสมุนทหารก็เป็นสายพันธุ์รองที่มี IQ ต่ำ พอเกิดความวุ่นวายก็ขัดแข้งขัดขากันเอง เป็นการยากที่จะรวบรวมพลังรบให้มั่นคง
“โล่แห่งทหารนับพัน!”
คาลิมัวปลดปล่อยสกิลจ้าวสงครามอีกหนึ่ง รัศมีแสงนับหมื่นพรั่งพราวขึ้นจากกองทัพ ในที่สุดก็มารวมตัวกันที่หน้ากองทัพ กลายเป็นโล่ที่มองไม่เห็นขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 30 - 40 เมตร สกัดกั้นลูกกระสุนปืนใหญ่เกือบทั้งหมดที่โถมเข้ามา
และในขณะเดียวกัน
ขุนพลจากเมืองธารทะเลทรายเริ่มสั่งการให้ทหารป้องกันภายใต้การควบคุมของพวกมันออกมารับหน้า
โล่แล้วโล่เล่าถูกยกขึ้น ทานรับการโจมตีที่จะตามมา
แม้การโจมตีจากอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราของเมืองหุบเขาเดียวดายจะสร้างข้อได้เปรียบได้เป็นอย่างมาก ยังไงก็ตาม คุณภาพของกองทหารเมืองธารทะเลทรายก็สูงมากเช่นกัน พลังรบของแต่ละตนแข็งแกร่งมาก และด้วยการปรากฏตัวของจ้าวสงครามคาลิมัว ก็ยิ่งเป็นเรื่องยากหากคิดอาศัยความได้เปรียบในการเผชิญหน้าเช่นนี้
ฝ่ายตรงข้ามยังคงเดินหน้าโจมตีอย่างดุเดือด
แล้วจู่ๆก็เริ่มมีเสียงหึ่ง หึ่ง เมฆดำทะมึนลอยขึ้นมาจากเมืองหุบเขาเดียวดาย ในชั่วพริบตาปิดกั้นแสงจากท้องฟ้า เปลี่ยนโลกทั้งใบให้ตกอยู่ในความมืด
ปรากฏว่าพวกมันคือฝนลูกศรนับหมื่น โปรยปรายลงใส่กองทัพผู้รุกราน พร้อมกันนั้นทั้งไฟ สายฟ้า และน้ำแข็ง คาถานับหมื่นท่วมท้นดั่งน้ำหลาก
ไม่ว่าจะทหารธนู ทหารจอมเวทย์ ต่างก็มีส่วนร่วมในการโจมตีครั้งนี้เช่นกัน
กองกำลังของเมืองหุบเขาเดียวดายได้เริ่มเปิดการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบ!
คาลิมัวสัมผัสได้ถึงความรุนแรงจากการโจมตีนี้ ความสงสัยในใจของมันยิ่งลึกล้ำ ตัดสินจากฝนลูกศรและคาถา นี่สามารถบอกขนาดของกองทัพศัตรูได้
มันไม่ใช่จำนวนทหารที่ดินแดนขนาดเล็กควรมี
ต่อให้เผ่ามนุษย์รวบรวมพลังทั้งหมดจากสี่เมือง ถึงจะเป็นแบบนั้น ปริมาณที่โจมตีมาก็ยังมากเกินไป
เผ่าพันธุ์มนุษย์ยึดเพิ่มอีกสามเมืองได้เพียงครึ่งเดือน แต่การสร้างสมุนทหารจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล ถ้าจะสร้างให้เต็ม เร็วที่สุดยังไงก็เกินครึ่งปี!
นี่เป็นอีกครั้งที่ช่วยยืนยันข้อบ่งชี้ว่ามีขุมพลังลึกลับอยู่เบื้องหลังเผ่าพันธุ์มนุษย์!
ศึกครั้งนี้
ต้องรีบจบมันโดยเร็วที่สุด!
หากชักช้าอาจสายเกินแก้!
ขณะที่คาลิมัวกำลังครุ่นคิด
ฉูเทียนหัวก็ขมวดคิ้วแน่น รู้สึกกดดันอย่างหนัก
มองจากขบวนทัพ กองทหารของเมืองธารทะเลทราย การป้องกันของพวกมันแก่กล้าเกินไป แม้เผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ แต่ก็ยังรักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้ หากเปลี่ยนเป็นกองกำลังของขุนนางเล็กตนอื่นๆ พวกมันคงถูกกำจัดหายไปหมดแล้ว
แต่จนถึงตอนนี้เมืองธารทะเลทราย กลับมีผู้บาดเจ็บไม่มากนัก
พลังป้องกันของพวกมันน่าสะพรึงมาก
และพลังโจมตียิ่งบิดเบือนเข้าไปใหญ่!
ตรงกันข้าม พลังรบของเมืองหุบเขาเดียวดายมีจำกัด เมื่อเผชิญหน้าตรงๆกับทหารชั้นยอดจากเมืองธารทะเลทราย เกรงว่าจะพ่ายแพ้ ถูกทะลวงได้ในพริบตา
เมื่อตกอยู่ในสภาพสู้กันในระยะประชิด อุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราที่มนุษย์ซื้อมาในปริมาณมากก็จะสำแดงประสิทธิภาพได้ยาก
ฉูเทียนหัวกำอาวุธในมือเขาแน่น รับฟังรายงานจากหน่วยต่างๆอย่างต่อเนื่อง
เมืองพร้อมถูกตีแตกได้ทุกเมื่อ ไม่รู้ว่าทางฝั่งฮังอวี่เตรียมการถึงไหนแล้ว และเขาจะสามารถยับยั้งคาลิมัวไว้ได้หรือไม่?