ตอนที่แล้วบทที่ 1 ถ้าใจผ่องใส ไม่ต้องกลัวลม กลัวฝน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 ตาทิพย์ซุนม่อต้องการแช่งชักหักกระดูก

บทที่ 2 คะแนนประทับใจ +1


ดึกดื่นค่ำคืนเปลวไฟกองไฟโบกสะบัดตามจังหวะสายลม

หลี่จื่อชีเป็นเด็กที่เริ่มเป็นสาวมีความงดงามที่ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่เด็กสาววัยรุ่นจะพึงมีโดยเฉพาะใบหน้ารูปแตงโมของนางดูงดงามน่ารัก

แม้ว่านางจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแต่นางก็ยังมีเสน่ห์ของเด็กสาววัยกำดัดอยู่แล้วอีกไม่กี่ปีข้างหน้านางจะติดอันดับหนึ่งในกลุ่มหญิงงามที่มีชื่อเสียงระบือไปทั่วโลกแน่นอน

ทว่าซุนม่อไม่มีเวลามาชื่นชมความงามของนางขณะนี้ในหัวของเขากำลังวุ่นวายกับการค้นหาระบบมหาคุรุ

“ระบบนี้จะช่วยให้ร่างที่อาศัยกลายเป็นมหาคุรุคนหนึ่ง ร่างหลักสามารถได้รับคะแนนโปรดปรานประทับใจเพิ่มขึ้นผ่านระบบแนะนำและเป้าหมาย”

“คะแนนความประทับใจสามารถแลกเป็นเหรียญทองและใช้เป็นสกุลเงินซื้อสินค้าในระบบได้”

“สินค้าซื้อขายโดยรวมไม่ถูกจำกัดมีทั้งคาถาต่างๆ สมบัติลับ ยาแปรธาตุ วิชาที่สมบูรณ์และแบบพิมพ์เขียว...”

ซุนม่ออ่านคู่มืออยู่เงียบๆจากนั้นก็เปิดระบบร้านค้า  ชั้นวางของในร้านค้าทำจากไม้จันทร์ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขา  อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรบนนั้นนอกจากผลไม้สีแดงเข้มเรืองแสงที่มุมขวา

“ผลดาราจันทร์ราคา 1000 คะแนนประทับใจ หลังจากกินแล้วจะช่วยเพิ่มระดับให้ท่าน”

ซุนม่อมีสีหน้าสุดฝืน

“ล้อกันเล่นหรือเปล่า?  ส่วนพ่วงดีๆ ของสัญญาอยู่ที่ไหน? ทำไมถึงมีแค่ของชิ้นเดียว?แกเชื่อว่าฉันไม่กล้าตบหน้าแกเหรอ?”

“ในทวีปแห่งเก้าแว่นแคว้นปราณวิญญาณมีอยู่มากมายและปราชญ์เมธีมีชื่อเสียงบางท่านได้บัญญัติวิธีการฝึกฝนที่หลากหลายหากใครฝึกฝนจนถึงระดับสุดยอด พวกเขาสามารถบรรลุชีวิตนิรันดร์ และทำลายความว่างเปล่า จนกระทั่งถึงบัดนี้เวลาได้ผันผ่านไปหลายหมื่นปีในโลกใบนี้ มันกลายเป็นระบบที่เติบโตเต็มที่

ขอบเขตแรกสำหรับผู้ฝึกฝนเป็นที่รู้กันว่าขอบเขตเสริมพลังกาย  ขอบเขตต่อไปเป็นการขัดเกลาจิตวิญญาณ

พลังงานที่ถูกเก็บกักไว้ในรูขุมขนของท่านจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณ เมื่อจุดชีพจรทั้ง 108 ถูกทะลวงเชื่อมถึงกันหมด  ผู้ฝึกฝนจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเผาผลาญโลหิต ตามมาด้วยขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติซึ่งมีพลังเหนือมนุษย์

ซุนม่อรู้สึกว่าขอบเขตการฝึกปรือก็เหมือนกับการเรียน ทั้งสองสามารถก้าวหน้าได้จากการฝึกปรืออย่างเป็นระบบ  อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นผู้สำเร็จการศึกษาแล้ว  เขาไม่รู้สึกว่าการฝึกปรือจะเป็นเรื่องยากเย็น ดังนั้นเมื่อเทียบกับผลดาราจันทร์ที่สามารถใช้เพื่อยกระดับขอบเขตพลังของเขาได้เขาอยากมีวิชาที่สมบูรณ์มากกว่านี้

“ไม่ต้องรีบร้อนสมบัติลับอื่นๆ จะทยอยปรากฏขึ้น

น้ำเสียงของระบบเนิบนาบไม่เร็วไม่ช้า

“มีวิชาอย่างคัมภีร์เก้าอิม? หรือว่าเทพกระบี่หกชีพจรบ้างไหม?

ซุนม่อเป็นนักเขียนนักอ่านนิยายตัวยงปกติเขาจะอ่านนิยายจากโทรศัพท์ในยามที่มีเวลาว่างเขาสามารถเขียนเรื่องราวด้วยตัวเองก็ได้

“ไม่!”

ระบบยังคงสงบเหมือนเคย  “แต่มีวิชาลับที่ทรงพลังกว่านั้น”

ขณะที่ซุนม่อกับระบบกำลังทะเลาะกันโดยไม่สนใจหลี่จื่อชีที่ด้านข้างอย่างไรก็ตาม นางไม่รีบร้อนและกำลังจ้องดูซุนม่อด้วยความสนใจ

“เขาดูหล่อจริงๆ”

หลี่จื่อชีกัดริมฝีปากโดยปกติผู้คนมักยิ้มให้หลังจากมองนาง พวกเขาพยายามสรรหาถ้อยคำมายกยอนางแต่บุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่ยอมแม้แต่จะมองดูนางตรงๆ

ติง!

คะแนนประทับใจจากหลี่จื่อชี+1

เมื่อได้ยินคำแนะนำนี้ซุนม่ออดเหลียวไปมองหลี่จื่อชีไม่ได้

“อะไร!”

หลี่จื่อชีแก้มแดงระเรื่อนางก้มหน้าลง

แสงไฟส่องใบหน้าของซุนม่อใบหน้าของเขาคมสันเป็นเหลี่ยมมุมราวกับถูกขวานถาก ดวงตาสีเข้มของเขามิเพียงเต็มไปด้วยประกายเชาว์ปัญญาแต่ยังสร้างแรงกดดันได้เล็กน้อย

หลี่จื่อชีหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย

ได้รับคะแนนความชื่นชอบจากหลี่จื่อชี+1

สถานะคะแนนของเขาในตอนนี้ 5/100

“ไม่ต้องกังวล  ข้าไม่กัดเจ้า”

ซุนม่อยิ้มออกเขารู้สึกสับสนในใจ ทำไมคะแนนโปรดปรานประทับใจที่นางมีต่อเขาถึงเพิ่มขึ้น?ตามคำอธิบายของระบบ เขาคิดว่าเขาจำเป็นต้องให้คำสอนและคำแนะนำก่อนที่ีเป้าหมายจะมีความประทับใจต่อเขาเพิ่มขึ้นมิใช่หรือ?

“ผู้ที่ถูกเรียกว่ามหาคุรุทั้งคำพูดและการกระทำล้วนเป็นแบบอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง ยืน เดิน ล้วนเป็นแบบอย่างได้อารมณ์ของเจ้าก็ยังสร้างความประทับใจให้ลูกศิษย์ทำให้พวกเขารู้สึกเกรงขามและเทิดทูน”

ระบบให้คำอธิบายอย่างละเอียดเหมือนกับพี่สาวที่ให้ความห่วงใย

“แล้วความเชื่อมโยงศักดิ์สิทธิ์หมายถึงอะไร?”  ซุนม่อถาม

“ระดับของร่างหลักยังต่ำเกินไป”ระบบปฏิเสธที่จะตอบ

ซุนม่อยังคงสำรวจการทำงานของระบบต่อไปขณะที่เขารู้สึกปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อเขามาถึงตอนแรกความทรงจำในสมองของเขาสับสนวุ่นวายนอกจากนี้เพราะเขาโดดน้ำลงไปช่วยใครบางคนก่อนหน้านี้  เขาจึงใช้กำลังไปค่อนข้างมากเขาเหน็ดเหนื่อยอย่างไม่มีใดเปรียบไม่ช้าก็ผลอยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

.........

อ๊บอ๊บ!

กบตัวหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนหน้าของซุนม่อโดยไม่สนใจเขาทิ้งรอยเปียกไว้สองรอย หลังจากที่มันกระโดดออกไปอีกครั้ง

“ความฝันนี้ยาวนานจริงๆแต่เด็กสาวคนนั้น งดงามมากทีเดียว”

น้ำค้างเย็นยะเยือกพร่างพรมจนตัวเขาเปียกโชกและรู้สึกไม่สบายตัวซุนม่อใช้มือลูบหน้าและเอี้ยวหัวไปชนต้นตั๊กแตนที่อยู่ข้างๆ โดยไม่ตั้งใจ

ปัง!

ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาหา

“ไม่ใช่ความฝัน!”

ซุนม่อคลำหน้าผากตนเองและมองหาหลี่จื่อชี   อย่างไรก็ตาม รอบๆ กองไฟที่ดับแล้วไม่มีใครอยู่ มีแต่ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูผูกไว้ที่ข้อมือซ้ายของเขา

“อีกสิบวันพบกันที่งานรับสมัครนักศึกษาใหม่”

ลายมืองดงามแสดงให้เห็นถึงอัธยาศัยที่อ่อนโยนของเด็กสาว

เมื่อซุนม่อนึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายของตนเขาอดฝืนยิ้มขมขื่นมิได้ ถ้าเขาบอกเด็กสาวคนนั้นให้รู้ว่าเขาเป็นเพียงคนทำหน้าที่ขนส่งสิ่งของ  นางจะผิดหวังจนพุ่งทะลุเพดานหรือไม่?

เขาไปที่ริมทะเลสาบเพื่อล้างหน้าก่อนในหน้านี้คล้ายใบหน้าของเขาสักแปดส่วนของใบหน้าในโลกก่อนเห็นจะได้แต่ก็ดูหล่อขึ้นบ้างเล็กน้อย มันดูอ่อนโยนเล็กน้อย

“ดีเว้ย!”

จริงๆ แล้วซุนม่อพอใจเป็นอย่างมากทุกคนต้องการให้ใบหน้าดูดีขึ้น โลกของเขาก่อนหน้านั้น  ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาสร้างความประทับใจมากมายให้กับรองผู้อำนวยการ

...................

จินหลิงเป็นเมืองโบราณของหกราชวงศ์แม้ว่าอิฐและกระเบื้องจะปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ  เผยให้เห็นมรดกทางประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่งยาวนาน

เขาเดินไปสุดถนนหงอู่ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบันจงโจวประตูหินใหญ่โตสง่างามแสดงให้เห็นถึงพลานุภาพปกครองข่มขี่และความรู้สึกเคร่งขรึมเมื่อยืนอยู่ตรงนั้น

ซุนม่อวิ่งกลับไปที่แห่งความทรงจำของเขา เมื่อเวลาเกือบเที่ยงแล้ว

“เจ้าหายไปไหนมา?”

ลุงฉินคนเฝ้าประตูเงยหน้าทันทีที่เห็นซุนม่อ

ซุนม่อพยักหน้าทักทายและรีบเข้าไปในสถาบัน

จากนั้นลุงฉินตะโกนบอก“หลี่กงตามหาเจ้าตั้งแต่เช้า เขาต้องการให้เจ้ารีบไปที่แผนกรับส่งของ ไปพบเขาโดยตรง”

เสียงของลุงฉินดังมากไม่ว่าจะฟังยังไงซุนม่อก็ยังได้ยินสำเนียงที่แฝงอาการเย้ยหยันในความโชคร้ายของเขาปนอยู่ในน้ำเสียง

นักเรียนที่ผ่านไปมาพบเห็นซุนม่อต่างก็ชี้ไปที่ซุนม่อพลางซุบซิบกันเอง  ตอนนี้เขาน่าจะเป็นคนดังในโรงเรียนไปแล้วแต่คงเป็นชื่อเสียงที่อื้อฉาวมากกว่า

หลังจากที่เขาขึ้นไปบนอาคารสำนักงานเปิดประตูแผนกขนส่งกลิ่นบุหรี่ก็พลุ่งเข้าจมูกของเขา ซุนม่อยังไม่ทันเห็นใครเลย แต่มีเสียงว้ากดังขึ้นเสียแล้ว

“เจ้าหายไปไหนมา?รู้หรือไม่ว่าในช่วงเวลาเรียน เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากสถาบันโดยไม่มีเหตุผล?เจ้าคิดว่าเจ้าจะเป็นครูที่ดีได้หรือ”

บุรุษวัยกลางคนนั่งอยู่ตรงหัวมุมลุกขึ้นยืนและเดินกะโผลกกะเผลกชี้ไปที่ซุนม่อและเริ่มด่าทอเขา

“เขาไม่ใช่ครูแต่เขาเป็นคู่หมั้นของครูใหญ่ แล้วถ้าเขาโดดงานล่ะ? เจ้ากล้าที่จะสอดแทรกหรือไม่”  เสียงประชดประชันดังขึ้น

ซุนม่อชำเลืองมอง เขาเป็นบุรุษวัยกลางคนผมสั้นมือขวาถือกาน้ำชาพูดเหน็บแนม ซุนม่อจำได้ว่าบุรุษคนนี้นามว่าหลิ่วถง

“ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะเป็นคู่หมั้นของใครถ้ามีครั้งต่อไป เจ้าจะถูกไล่ออกทันที!”

หลี่กงดุด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “ไปทำความสะอาดโกดัง และจัดห้องที่เหลือ พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปตรวจดูอีกครั้ง!”

ซุนม่อถอยกลับ

“เดี๋ยวก่อน  เดือนนี้เจ้าถูกหักเงินเดือนครึ่งหนึ่ง!”

หลี่กงกล่าวเสริม หลังจากนั้นเขาก็โบกมืออย่างเหลืออดราวกับว่ากำลังพยายามปัดไล่แมลงวันออกไป

“พวกเจ้าข่มเหงเขามากไปจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าเด็กร้ายกาจนี้ลาออกจริงๆ”

เฉินมู่ผมหงอกเป็นกังวลเล็กน้อย กลัวว่าจะถูกพัวพันไปด้วย:"ข้าได้ยินมาว่าเขาได้รับการยอมรับจากครูใหญ่อันที่เขียนจดหมายนัดเพื่อจ้างเขาด้วยตัวเอง"

“เฮ่ยเขาก็แค่เกาะอยู่เบื้องหลังอาศัยการสนับสนุนจากสตรี  เจ้าจะต้องกลัวอะไรด้วย?”

หลี่กงเต็มไปด้วยความรังเกียจ  ยังไงก็ตามถ้าครูใหญ่ลงมาเอาเรื่อง  ก็ยังมีคนเหนือกว่าคนที่นางปกป้องยิ่งซุนม่อถูกไล่ออกเร็วเท่าไหร่ เขาจะได้เลื่อนตำแหน่งเร็วขึ้นเท่านั้น”

หลังจากบัณฑิตฝึกงานมาถึงโรงเรียนพวกเขาจะได้รับมอบหมายให้เป็นครูที่มีประสบการณ์ พวกเขาจะเริ่มจากเป็นผู้ช่วยสอนและเรียนรู้จากครู  สถานการณ์ของซุนม่อนั้นแย่มากเขาได้รับมอบหมายให้ช่วยงานหลี่กง

หลี่กงไม่ใช่ครู เขาเป็นหัวหน้าแผนกขนส่งของและเขายังทำงานจิปาถะให้กับโรงเรียน เช่นซ่อมโต๊ะและเก้าอี้  โดยพื้นฐานสำหรับผู้มีวิจารณญาณแล้วก็คงบอกได้ว่าโอกาสที่ซุนม่อจะเป็นครูได้นั้นไม่ค่อยสดใสนัก

“ฮึ่ม..อยู่กับข้าลืมเรื่องเป็นมหาคุรุไปได้เลย เขาไม่มีทางแม้แต่จะเป็นครูได้ในชีวิตนี้  ถ้าอารมณ์ดี ข้ายังจะสอนงานไม้ให้เขาได้บ้าง  อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อให้จบได้”

หลี่กงจิบชาด้วยท่าทางพอใจสำหรับเขามีโอกาสไม่มากนักที่จะซ่อมครูฝึกหัด

เฉินมู่เผยอปากแต่เขากลืนคำพูดที่กำลังจะพูดกลับคืนมา ลืมไปว่าเขาไม่อยากยุ่ง ปัจจุบันนี้มีเรื่องให้น่ากังวลมากมายที่ส่งผลกระทบต่อโรงเรียนทำให้เกิดปัญหามากมาย จะเป็นการดีที่สุดสำหรับเขาที่จะปกป้องตัวเองและอยู่เฉยๆในขณะที่รับเงินเดือน!

ขณะยืนอยู่บนทางเดินซุนม่อมีสีหน้าเขียวคล้ำ เขาไม่ใช่คนประเภทหันแก้มอีกข้างให้หลังจากโดนตบ ถ้าไม่ใช่ว่าเขายังไม่คุ้นเคยกับร่างนี้และยังไม่เข้าใจแนวคิดของพลังปราณจิตเขาคงจะปล่อยหมัดสั่งสอนเจ้าง่อยหลี่กงไปแล้ว ให้มันรู้ว่าทำไมดอกไม้ถึงเป็นสีแดง

“หลี่กงเหรอ?ตอนนี้ปล่อยให้เจ้าย่ามใจไปก่อนเถอะ”

ซุนม่อจดบันทึกเจ้าง่อยหลี่กงไว้ในสมุดบันทึกเล่มเล็ก  “และคู่หมั้นคนนั้น ดูเหมือนนางจะรักซุนม่อมากหรือเปล่า?”

เมื่อสามปีที่แล้วครูใหญ่คนก่อนของสถาบันจงโจวล้มเหลวในการเป็นเซียน  แม้ว่าเขาจะยังไม่ตาย แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ

ลูกชายอกตัญญูหลบลี้หนีความรับผิดชอบในหน้าที่ดังนั้นอันซินฮุ่ยหลานสาวของเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรับตำแหน่งครูใหญ่เป็นการชั่วคราว

อันซินฮุ่ยมีรูปลักษณ์ไม่มีใครเทียบมีจิตใจบริสุทธิ์งดงาม นางสำเร็จการศึกษาจากสถาบันหวินโจวเทียนจีต่างจากสถาบันจงโจวซึ่งตกต่ำลงมาจนถึงสถาบันชั้นสี่มาช้านานแต่ก็เป็นหนึ่งในเก้าสถาบันที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน

แม้แต่ยามอยู่ในสถาบันหวินโจวเทียนจีอันซินฮุ่ยก็ได้รับความสนใจและเป็นดาวเด่นหญิงงามที่ได้รับการจัดอันดับ

อย่างไรก็ตามการเป็นครูใหญ่และเป็นนักเรียนสองสถานะนี้ต่างกันในช่วงสามปีที่ผ่านมาอันซินฮุ่ยพยายามอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถป้องกันความเสื่อมถอยของสถาบันจงโจวได้

หลังจากที่ซุนม่อมาถึงโรงเรียนเขาได้แต่มองอันซินฮุ่ยจากระยะไกลในระหว่างประชุมอันที่จริงพวกเขาไม่มีแม้แต่การสื่อสารพูดคุยเป็นส่วนตัว

ในอดีตตัวตนร่างนี้ของเขานี้มาที่โรงเรียนจงโจวหลังจากสำเร็จการศึกษาเพราะเขาต้องการช่วยคู่หมั้นซึ่งเป็นคู่รักในวัยเยาว์ของเขา เป้าหมายของเขาคือทำให้สถาบันจงโจวกลับคืนสู่ความรุ่งเรืองยุคเก้าสถาบันใหญ่ของโลก   อย่างไรก็ตามจู่ๆ ผู้คนก็เรียกเขาว่าไอ้หนุ่มข้าวนุ่มเกาะอยู่หลังสตรีและจับเขาโยกย้ายไปที่แผนกรับส่งของ ไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งที่ดี แม้แต่ครูผู้ช่วยสอนก็ยังทำไม่ได้

“ในฐานะเป็นไอ้หนุ่มนุ่มนิ่ม  ข้าไม่ได้สูญเสียอะไรไปมากใช่ไหม?”

ซุนม่อพูดไม่ออก

“ติง, ภารกิจใหม่พร้อมแล้ว จงเป็นครูผู้ช่วยสอนภายในหนึ่งเดือน  รางวัลตอบแทน : หีบเงิน 1 กล่อง!”

***ไอ้หนุ่มข้าวนุ่ม = ผู้ชายที่อาศัยความช่วยเหลือจากผู้หญิง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด