บทที่ 2 คะแนนประทับใจ +1
ดึกดื่นค่ำคืนเปลวไฟกองไฟโบกสะบัดตามจังหวะสายลม
หลี่จื่อชีเป็นเด็กที่เริ่มเป็นสาวมีความงดงามที่ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่เด็กสาววัยรุ่นจะพึงมีโดยเฉพาะใบหน้ารูปแตงโมของนางดูงดงามน่ารัก
แม้ว่านางจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแต่นางก็ยังมีเสน่ห์ของเด็กสาววัยกำดัดอยู่แล้วอีกไม่กี่ปีข้างหน้านางจะติดอันดับหนึ่งในกลุ่มหญิงงามที่มีชื่อเสียงระบือไปทั่วโลกแน่นอน
ทว่าซุนม่อไม่มีเวลามาชื่นชมความงามของนางขณะนี้ในหัวของเขากำลังวุ่นวายกับการค้นหาระบบมหาคุรุ
“ระบบนี้จะช่วยให้ร่างที่อาศัยกลายเป็นมหาคุรุคนหนึ่ง ร่างหลักสามารถได้รับคะแนนโปรดปรานประทับใจเพิ่มขึ้นผ่านระบบแนะนำและเป้าหมาย”
“คะแนนความประทับใจสามารถแลกเป็นเหรียญทองและใช้เป็นสกุลเงินซื้อสินค้าในระบบได้”
“สินค้าซื้อขายโดยรวมไม่ถูกจำกัดมีทั้งคาถาต่างๆ สมบัติลับ ยาแปรธาตุ วิชาที่สมบูรณ์และแบบพิมพ์เขียว...”
ซุนม่ออ่านคู่มืออยู่เงียบๆจากนั้นก็เปิดระบบร้านค้า ชั้นวางของในร้านค้าทำจากไม้จันทร์ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขา อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรบนนั้นนอกจากผลไม้สีแดงเข้มเรืองแสงที่มุมขวา
“ผลดาราจันทร์ราคา 1000 คะแนนประทับใจ หลังจากกินแล้วจะช่วยเพิ่มระดับให้ท่าน”
ซุนม่อมีสีหน้าสุดฝืน
“ล้อกันเล่นหรือเปล่า? ส่วนพ่วงดีๆ ของสัญญาอยู่ที่ไหน? ทำไมถึงมีแค่ของชิ้นเดียว?แกเชื่อว่าฉันไม่กล้าตบหน้าแกเหรอ?”
“ในทวีปแห่งเก้าแว่นแคว้นปราณวิญญาณมีอยู่มากมายและปราชญ์เมธีมีชื่อเสียงบางท่านได้บัญญัติวิธีการฝึกฝนที่หลากหลายหากใครฝึกฝนจนถึงระดับสุดยอด พวกเขาสามารถบรรลุชีวิตนิรันดร์ และทำลายความว่างเปล่า จนกระทั่งถึงบัดนี้เวลาได้ผันผ่านไปหลายหมื่นปีในโลกใบนี้ มันกลายเป็นระบบที่เติบโตเต็มที่
ขอบเขตแรกสำหรับผู้ฝึกฝนเป็นที่รู้กันว่าขอบเขตเสริมพลังกาย ขอบเขตต่อไปเป็นการขัดเกลาจิตวิญญาณ
พลังงานที่ถูกเก็บกักไว้ในรูขุมขนของท่านจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณ เมื่อจุดชีพจรทั้ง 108 ถูกทะลวงเชื่อมถึงกันหมด ผู้ฝึกฝนจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเผาผลาญโลหิต ตามมาด้วยขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติซึ่งมีพลังเหนือมนุษย์
ซุนม่อรู้สึกว่าขอบเขตการฝึกปรือก็เหมือนกับการเรียน ทั้งสองสามารถก้าวหน้าได้จากการฝึกปรืออย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นผู้สำเร็จการศึกษาแล้ว เขาไม่รู้สึกว่าการฝึกปรือจะเป็นเรื่องยากเย็น ดังนั้นเมื่อเทียบกับผลดาราจันทร์ที่สามารถใช้เพื่อยกระดับขอบเขตพลังของเขาได้เขาอยากมีวิชาที่สมบูรณ์มากกว่านี้
“ไม่ต้องรีบร้อนสมบัติลับอื่นๆ จะทยอยปรากฏขึ้น
น้ำเสียงของระบบเนิบนาบไม่เร็วไม่ช้า
“มีวิชาอย่างคัมภีร์เก้าอิม? หรือว่าเทพกระบี่หกชีพจรบ้างไหม?
ซุนม่อเป็นนักเขียนนักอ่านนิยายตัวยงปกติเขาจะอ่านนิยายจากโทรศัพท์ในยามที่มีเวลาว่างเขาสามารถเขียนเรื่องราวด้วยตัวเองก็ได้
“ไม่!”
ระบบยังคงสงบเหมือนเคย “แต่มีวิชาลับที่ทรงพลังกว่านั้น”
ขณะที่ซุนม่อกับระบบกำลังทะเลาะกันโดยไม่สนใจหลี่จื่อชีที่ด้านข้างอย่างไรก็ตาม นางไม่รีบร้อนและกำลังจ้องดูซุนม่อด้วยความสนใจ
“เขาดูหล่อจริงๆ”
หลี่จื่อชีกัดริมฝีปากโดยปกติผู้คนมักยิ้มให้หลังจากมองนาง พวกเขาพยายามสรรหาถ้อยคำมายกยอนางแต่บุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่ยอมแม้แต่จะมองดูนางตรงๆ
ติง!
คะแนนประทับใจจากหลี่จื่อชี+1
เมื่อได้ยินคำแนะนำนี้ซุนม่ออดเหลียวไปมองหลี่จื่อชีไม่ได้
“อะไร!”
หลี่จื่อชีแก้มแดงระเรื่อนางก้มหน้าลง
แสงไฟส่องใบหน้าของซุนม่อใบหน้าของเขาคมสันเป็นเหลี่ยมมุมราวกับถูกขวานถาก ดวงตาสีเข้มของเขามิเพียงเต็มไปด้วยประกายเชาว์ปัญญาแต่ยังสร้างแรงกดดันได้เล็กน้อย
หลี่จื่อชีหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย
ได้รับคะแนนความชื่นชอบจากหลี่จื่อชี+1
สถานะคะแนนของเขาในตอนนี้ 5/100
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่กัดเจ้า”
ซุนม่อยิ้มออกเขารู้สึกสับสนในใจ ทำไมคะแนนโปรดปรานประทับใจที่นางมีต่อเขาถึงเพิ่มขึ้น?ตามคำอธิบายของระบบ เขาคิดว่าเขาจำเป็นต้องให้คำสอนและคำแนะนำก่อนที่ีเป้าหมายจะมีความประทับใจต่อเขาเพิ่มขึ้นมิใช่หรือ?
“ผู้ที่ถูกเรียกว่ามหาคุรุทั้งคำพูดและการกระทำล้วนเป็นแบบอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง ยืน เดิน ล้วนเป็นแบบอย่างได้อารมณ์ของเจ้าก็ยังสร้างความประทับใจให้ลูกศิษย์ทำให้พวกเขารู้สึกเกรงขามและเทิดทูน”
ระบบให้คำอธิบายอย่างละเอียดเหมือนกับพี่สาวที่ให้ความห่วงใย
“แล้วความเชื่อมโยงศักดิ์สิทธิ์หมายถึงอะไร?” ซุนม่อถาม
“ระดับของร่างหลักยังต่ำเกินไป”ระบบปฏิเสธที่จะตอบ
ซุนม่อยังคงสำรวจการทำงานของระบบต่อไปขณะที่เขารู้สึกปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขามาถึงตอนแรกความทรงจำในสมองของเขาสับสนวุ่นวายนอกจากนี้เพราะเขาโดดน้ำลงไปช่วยใครบางคนก่อนหน้านี้ เขาจึงใช้กำลังไปค่อนข้างมากเขาเหน็ดเหนื่อยอย่างไม่มีใดเปรียบไม่ช้าก็ผลอยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
.........
อ๊บอ๊บ!
กบตัวหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนหน้าของซุนม่อโดยไม่สนใจเขาทิ้งรอยเปียกไว้สองรอย หลังจากที่มันกระโดดออกไปอีกครั้ง
“ความฝันนี้ยาวนานจริงๆแต่เด็กสาวคนนั้น งดงามมากทีเดียว”
น้ำค้างเย็นยะเยือกพร่างพรมจนตัวเขาเปียกโชกและรู้สึกไม่สบายตัวซุนม่อใช้มือลูบหน้าและเอี้ยวหัวไปชนต้นตั๊กแตนที่อยู่ข้างๆ โดยไม่ตั้งใจ
ปัง!
ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาหา
“ไม่ใช่ความฝัน!”
ซุนม่อคลำหน้าผากตนเองและมองหาหลี่จื่อชี อย่างไรก็ตาม รอบๆ กองไฟที่ดับแล้วไม่มีใครอยู่ มีแต่ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูผูกไว้ที่ข้อมือซ้ายของเขา
“อีกสิบวันพบกันที่งานรับสมัครนักศึกษาใหม่”
ลายมืองดงามแสดงให้เห็นถึงอัธยาศัยที่อ่อนโยนของเด็กสาว
เมื่อซุนม่อนึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายของตนเขาอดฝืนยิ้มขมขื่นมิได้ ถ้าเขาบอกเด็กสาวคนนั้นให้รู้ว่าเขาเป็นเพียงคนทำหน้าที่ขนส่งสิ่งของ นางจะผิดหวังจนพุ่งทะลุเพดานหรือไม่?
เขาไปที่ริมทะเลสาบเพื่อล้างหน้าก่อนในหน้านี้คล้ายใบหน้าของเขาสักแปดส่วนของใบหน้าในโลกก่อนเห็นจะได้แต่ก็ดูหล่อขึ้นบ้างเล็กน้อย มันดูอ่อนโยนเล็กน้อย
“ดีเว้ย!”
จริงๆ แล้วซุนม่อพอใจเป็นอย่างมากทุกคนต้องการให้ใบหน้าดูดีขึ้น โลกของเขาก่อนหน้านั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาสร้างความประทับใจมากมายให้กับรองผู้อำนวยการ
...................
จินหลิงเป็นเมืองโบราณของหกราชวงศ์แม้ว่าอิฐและกระเบื้องจะปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ เผยให้เห็นมรดกทางประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่งยาวนาน
เขาเดินไปสุดถนนหงอู่ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบันจงโจวประตูหินใหญ่โตสง่างามแสดงให้เห็นถึงพลานุภาพปกครองข่มขี่และความรู้สึกเคร่งขรึมเมื่อยืนอยู่ตรงนั้น
ซุนม่อวิ่งกลับไปที่แห่งความทรงจำของเขา เมื่อเวลาเกือบเที่ยงแล้ว
“เจ้าหายไปไหนมา?”
ลุงฉินคนเฝ้าประตูเงยหน้าทันทีที่เห็นซุนม่อ
ซุนม่อพยักหน้าทักทายและรีบเข้าไปในสถาบัน
จากนั้นลุงฉินตะโกนบอก“หลี่กงตามหาเจ้าตั้งแต่เช้า เขาต้องการให้เจ้ารีบไปที่แผนกรับส่งของ ไปพบเขาโดยตรง”
เสียงของลุงฉินดังมากไม่ว่าจะฟังยังไงซุนม่อก็ยังได้ยินสำเนียงที่แฝงอาการเย้ยหยันในความโชคร้ายของเขาปนอยู่ในน้ำเสียง
นักเรียนที่ผ่านไปมาพบเห็นซุนม่อต่างก็ชี้ไปที่ซุนม่อพลางซุบซิบกันเอง ตอนนี้เขาน่าจะเป็นคนดังในโรงเรียนไปแล้วแต่คงเป็นชื่อเสียงที่อื้อฉาวมากกว่า
หลังจากที่เขาขึ้นไปบนอาคารสำนักงานเปิดประตูแผนกขนส่งกลิ่นบุหรี่ก็พลุ่งเข้าจมูกของเขา ซุนม่อยังไม่ทันเห็นใครเลย แต่มีเสียงว้ากดังขึ้นเสียแล้ว
“เจ้าหายไปไหนมา?รู้หรือไม่ว่าในช่วงเวลาเรียน เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากสถาบันโดยไม่มีเหตุผล?เจ้าคิดว่าเจ้าจะเป็นครูที่ดีได้หรือ”
บุรุษวัยกลางคนนั่งอยู่ตรงหัวมุมลุกขึ้นยืนและเดินกะโผลกกะเผลกชี้ไปที่ซุนม่อและเริ่มด่าทอเขา
“เขาไม่ใช่ครูแต่เขาเป็นคู่หมั้นของครูใหญ่ แล้วถ้าเขาโดดงานล่ะ? เจ้ากล้าที่จะสอดแทรกหรือไม่” เสียงประชดประชันดังขึ้น
ซุนม่อชำเลืองมอง เขาเป็นบุรุษวัยกลางคนผมสั้นมือขวาถือกาน้ำชาพูดเหน็บแนม ซุนม่อจำได้ว่าบุรุษคนนี้นามว่าหลิ่วถง
“ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะเป็นคู่หมั้นของใครถ้ามีครั้งต่อไป เจ้าจะถูกไล่ออกทันที!”
หลี่กงดุด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “ไปทำความสะอาดโกดัง และจัดห้องที่เหลือ พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปตรวจดูอีกครั้ง!”
ซุนม่อถอยกลับ
“เดี๋ยวก่อน เดือนนี้เจ้าถูกหักเงินเดือนครึ่งหนึ่ง!”
หลี่กงกล่าวเสริม หลังจากนั้นเขาก็โบกมืออย่างเหลืออดราวกับว่ากำลังพยายามปัดไล่แมลงวันออกไป
“พวกเจ้าข่มเหงเขามากไปจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าเด็กร้ายกาจนี้ลาออกจริงๆ”
เฉินมู่ผมหงอกเป็นกังวลเล็กน้อย กลัวว่าจะถูกพัวพันไปด้วย:"ข้าได้ยินมาว่าเขาได้รับการยอมรับจากครูใหญ่อันที่เขียนจดหมายนัดเพื่อจ้างเขาด้วยตัวเอง"
“เฮ่ยเขาก็แค่เกาะอยู่เบื้องหลังอาศัยการสนับสนุนจากสตรี เจ้าจะต้องกลัวอะไรด้วย?”
หลี่กงเต็มไปด้วยความรังเกียจ ยังไงก็ตามถ้าครูใหญ่ลงมาเอาเรื่อง ก็ยังมีคนเหนือกว่าคนที่นางปกป้องยิ่งซุนม่อถูกไล่ออกเร็วเท่าไหร่ เขาจะได้เลื่อนตำแหน่งเร็วขึ้นเท่านั้น”
หลังจากบัณฑิตฝึกงานมาถึงโรงเรียนพวกเขาจะได้รับมอบหมายให้เป็นครูที่มีประสบการณ์ พวกเขาจะเริ่มจากเป็นผู้ช่วยสอนและเรียนรู้จากครู สถานการณ์ของซุนม่อนั้นแย่มากเขาได้รับมอบหมายให้ช่วยงานหลี่กง
หลี่กงไม่ใช่ครู เขาเป็นหัวหน้าแผนกขนส่งของและเขายังทำงานจิปาถะให้กับโรงเรียน เช่นซ่อมโต๊ะและเก้าอี้ โดยพื้นฐานสำหรับผู้มีวิจารณญาณแล้วก็คงบอกได้ว่าโอกาสที่ซุนม่อจะเป็นครูได้นั้นไม่ค่อยสดใสนัก
“ฮึ่ม..อยู่กับข้าลืมเรื่องเป็นมหาคุรุไปได้เลย เขาไม่มีทางแม้แต่จะเป็นครูได้ในชีวิตนี้ ถ้าอารมณ์ดี ข้ายังจะสอนงานไม้ให้เขาได้บ้าง อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อให้จบได้”
หลี่กงจิบชาด้วยท่าทางพอใจสำหรับเขามีโอกาสไม่มากนักที่จะซ่อมครูฝึกหัด
เฉินมู่เผยอปากแต่เขากลืนคำพูดที่กำลังจะพูดกลับคืนมา ลืมไปว่าเขาไม่อยากยุ่ง ปัจจุบันนี้มีเรื่องให้น่ากังวลมากมายที่ส่งผลกระทบต่อโรงเรียนทำให้เกิดปัญหามากมาย จะเป็นการดีที่สุดสำหรับเขาที่จะปกป้องตัวเองและอยู่เฉยๆในขณะที่รับเงินเดือน!
ขณะยืนอยู่บนทางเดินซุนม่อมีสีหน้าเขียวคล้ำ เขาไม่ใช่คนประเภทหันแก้มอีกข้างให้หลังจากโดนตบ ถ้าไม่ใช่ว่าเขายังไม่คุ้นเคยกับร่างนี้และยังไม่เข้าใจแนวคิดของพลังปราณจิตเขาคงจะปล่อยหมัดสั่งสอนเจ้าง่อยหลี่กงไปแล้ว ให้มันรู้ว่าทำไมดอกไม้ถึงเป็นสีแดง
“หลี่กงเหรอ?ตอนนี้ปล่อยให้เจ้าย่ามใจไปก่อนเถอะ”
ซุนม่อจดบันทึกเจ้าง่อยหลี่กงไว้ในสมุดบันทึกเล่มเล็ก “และคู่หมั้นคนนั้น ดูเหมือนนางจะรักซุนม่อมากหรือเปล่า?”
เมื่อสามปีที่แล้วครูใหญ่คนก่อนของสถาบันจงโจวล้มเหลวในการเป็นเซียน แม้ว่าเขาจะยังไม่ตาย แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ
ลูกชายอกตัญญูหลบลี้หนีความรับผิดชอบในหน้าที่ดังนั้นอันซินฮุ่ยหลานสาวของเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรับตำแหน่งครูใหญ่เป็นการชั่วคราว
อันซินฮุ่ยมีรูปลักษณ์ไม่มีใครเทียบมีจิตใจบริสุทธิ์งดงาม นางสำเร็จการศึกษาจากสถาบันหวินโจวเทียนจีต่างจากสถาบันจงโจวซึ่งตกต่ำลงมาจนถึงสถาบันชั้นสี่มาช้านานแต่ก็เป็นหนึ่งในเก้าสถาบันที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน
แม้แต่ยามอยู่ในสถาบันหวินโจวเทียนจีอันซินฮุ่ยก็ได้รับความสนใจและเป็นดาวเด่นหญิงงามที่ได้รับการจัดอันดับ
อย่างไรก็ตามการเป็นครูใหญ่และเป็นนักเรียนสองสถานะนี้ต่างกันในช่วงสามปีที่ผ่านมาอันซินฮุ่ยพยายามอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถป้องกันความเสื่อมถอยของสถาบันจงโจวได้
หลังจากที่ซุนม่อมาถึงโรงเรียนเขาได้แต่มองอันซินฮุ่ยจากระยะไกลในระหว่างประชุมอันที่จริงพวกเขาไม่มีแม้แต่การสื่อสารพูดคุยเป็นส่วนตัว
ในอดีตตัวตนร่างนี้ของเขานี้มาที่โรงเรียนจงโจวหลังจากสำเร็จการศึกษาเพราะเขาต้องการช่วยคู่หมั้นซึ่งเป็นคู่รักในวัยเยาว์ของเขา เป้าหมายของเขาคือทำให้สถาบันจงโจวกลับคืนสู่ความรุ่งเรืองยุคเก้าสถาบันใหญ่ของโลก อย่างไรก็ตามจู่ๆ ผู้คนก็เรียกเขาว่าไอ้หนุ่มข้าวนุ่มเกาะอยู่หลังสตรีและจับเขาโยกย้ายไปที่แผนกรับส่งของ ไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งที่ดี แม้แต่ครูผู้ช่วยสอนก็ยังทำไม่ได้
“ในฐานะเป็นไอ้หนุ่มนุ่มนิ่ม ข้าไม่ได้สูญเสียอะไรไปมากใช่ไหม?”
ซุนม่อพูดไม่ออก
“ติง, ภารกิจใหม่พร้อมแล้ว จงเป็นครูผู้ช่วยสอนภายในหนึ่งเดือน รางวัลตอบแทน : หีบเงิน 1 กล่อง!”
***ไอ้หนุ่มข้าวนุ่ม = ผู้ชายที่อาศัยความช่วยเหลือจากผู้หญิง