ตอนที่แล้วบทที่ 8 : ข้าจะแต่งงาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 : สมองของนังเด็กน่าตายคงใช้การไม่ได้แล้ว

บทที่ 9 : กำลังคิดเรื่องชั่วร้ายอะไรอยู่?


บทที่ 9 : กำลังคิดเรื่องชั่วร้ายอะไรอยู่?

สือชิงลั่วนั่งลงด้วยท่าทีผ่อนคลาย

นางมองไปทางหนิวซื่อและพูดว่า “ข้าหิวน้ำ เอาชามาให้ข้า”

หนิวซื่อรู้สึกอยากตบสั่งสอนบุตรสาวที่นับวันยิ่งอวดดีสักฉาด มีบุตรสาวบ้านไหนบ้างที่สั่งให้มารดาของตนเองรินน้ำและชงชาให้ดื่ม?

น่าเสียดายที่นางไม่มีความกล้ามากพอ

นางเคยต่อต้านอยู่สองสามครั้ง และถูกอีกฝ่ายใช้แส้หวายฟาด

นางจึงปวดแสบปวดร้อนไปทั่วทั้งร่าง

“ดื่มเสียสิ!” หลังจากที่ชงเสร็จ นางก็กระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะ คิดอยากให้อีกฝ่ายสำลักตายไปได้ยิ่งดี

ตาเฒ่าสือมองด้วยสีหน้าเจ็บปวด นี่เป็นชาที่เขาแอบซ่อนเอาไว้ดื่มคนเดียว

หลายวันที่ผ่านมา ชาล้วนเข้าไปอยู่ในปากของปีศาจตนนี้จนหมด ช่างหดหู่ยิ่งนัก

สือชิงลั่วจิบชาและพูดอย่างดูถูก “คุณภาพชาต่ำไปหน่อย ดีที่ข้าไม่ต้องดื่มมันอีกต่อไปแล้ว”

ในโลกอนาคต นางได้รับอิทธิพลการดื่มชามาจากปู่ของนางและชื่นชอบการดื่มชาเป็นชีวิตจิตใจ

หากเป็นในอดีต นางไม่มีทางเหลือบแลใบชาเช่นนี้แน่ แต่ตอนนี้ นางทำได้แค่จำใจดื่มไปก่อน

ตาเฒ่าสือพูดไม่ออก

นางดื่มชาที่ล้ำค่าในความคิดของเขาไปจนเกือบหมด แถมยังกล้าดูถูกดูแคลนมันอีก

เขาพยายามสะกดความโกรธของตัวเองเอาไว้ “ที่เจ้าบอกว่าจะแต่งงานมันหมายความว่ายังไง?”

สือชิงลั่วตอบ “ข้าสนใจครอบครัวหนึ่ง แล้วข้าก็ได้ตกลงกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ข้าจะแต่งเข้าบ้านของพวกเขาในวันมะรืนนี้”

“พรู้ดดด!” ตาเฒ่าสือสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มลงไป

คนอื่นๆต่างตกตะลึง

ลูกชายสามบ้านสือคิดว่าเขาได้ยินผิดไป “ว่ายังไงนะ? แต่งงานวันมะรืนอย่างนั้นเหรอ?”

ยายเฒ่าสือกับหนิวซื่อถามขึ้นมาพร้อมกัน “ครอบครัวไหน?”

สือชิงลั่วตอบออกไปตามตรง “อยู่หมู่บ้านข้างๆ บ้านของซิ่วไฉเซียวหมู่บ้านเซี่ยซี”

หนิวซื่อประหลาดใจ “อะไรนะ? อย่าบอกนะว่าเจ้าจะแต่งงานกับซิ่วไฉเซียว?”

นางชื่นชอบที่จะออกไปด้านนอกเพื่อนินทากับหญิงชาวบ้านคนอื่น และนางก็รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ครอบครัวของซิ่วไฉเซียวในตอนนี้ดี

สือชิงลั่วกรอกตามองนาง “ถูกต้อง! หากข้าไม่แต่งกับเขา หรือเจ้าจะให้ข้าแต่งกับน้องชายเขาเล่า?”

หนิวซื่อถาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าซิ่วไฉเซียวนอนไม่ได้สติและเจ้าอาจจะต้องกลายเป็นหม้าย? เจ้ารู้หรือไม่ว่าครอบครัวของเขาไม่มีแม้แต่เงินไปซื้อยา? แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาได้ตัดขาดกับบิดาที่เป็นแม่ทัพของเขาแล้ว?”

เขาไม่ต้องการบิดาที่เป็นถึงแม่ทัพที่มีอำนาจอยู่ในมือ แต่กลับเลือกที่จะติดตามมารดาที่ถูกหย่าและยังยากจนข้นแค้น ในสายตาของนางซิ่วไฉเซียวคือคนโง่

สือชิงลั่วพยักหน้า “เรื่องนั้นข้ารู้ ที่ข้าต้องการแต่งกับเขาก็เพราะสถานการณ์ในบ้านของเขาในตอนนี้”

นางไล่สายตามองหน้าคนบ้านสือแต่ละคนและพูดออกไปว่า “แม้ว่าข้าจะแต่งงานกับเขาแล้วต้องกลายเป็นหม้ายจริงๆ มันก็ยังสบายกว่าการที่ต้องอยู่กับพวกเจ้า”

คนบ้านสือต่างอึ้ง

ยายเฒ่าสือพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ถ้าหากไม่เกิดเรื่องขึ้นกับคนบ้านเซียว พวกเขาก็นับว่าเป็นครอบครัวที่ดี แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่ต่างจากกองไฟกองหนึ่ง”

สือชิงลั่วเลิกคิ้ว “ไม่ว่ากองไฟที่พวกเขาอยู่จะร้อนแรงแค่ไหน มันก็คงไม่แย่ไปกว่าบ้านสือหรอก จริงหรือไม่?”

“ที่เจ้าพูดแบบนี้ออกมาเพราะรู้ว่าพวกเขาไม่มีปัญญาหาเงินค่าสินสอดให้ได้ใช่หรือ?” นางรู้ความคิดน่ารังเกียจของคนบ้านสือดี

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของยายเฒ่าสือก็แข็งค้าง

นางยิ้มเยาะ “ครอบครัวของเราเลี้ยงเจ้ามา เราก็ควรต้องได้สินสอดบ้างไม่ใช่หรือ?”

ไม่ว่ามันจะเป็นกองไฟใหญ่หรือเล็ก นางก็ไม่สนใจอยู่แล้วว่านังเด็กสารเลวคนนี้จะกระโดดลงไปหรือไม่

นางยังปรารถนาให้มันเป็นไฟกองใหญ่ และจะให้ดีที่สุดก็ต้องเป็นเหมือนกับตระกูลหวู

หนิวซื่ออดเห็นด้วยไม่ได้ “ใช่แล้ว ไม่ว่ายังไง ถ้าบ้านเซียวต้องการแต่งเจ้า พวกเขาก็ต้องให้เงินค่าสินสอดสักสิบเหลียง”

นางอยากพูดว่าร้อยเหลียง แต่นางก็รู้ว่าคนบ้านเซียวไม่มีทางมีมัน

เมื่อคิดถึงเงินร้อยเหลียงที่ลอยหายไป หัวใจของนางก็ต้องเจ็บปวด

คนอื่นต่างก็คิดเช่นเดียวกัน

ยายเฒ่าสือเห็นด้วย “ถูกต้อง หากพวกเขาไม่มีเงิน ก็ให้พวกเขาไปยืมคนอื่นมาก่อน”

สือชิงลั่วยิ้มน้อยๆและมองพวกเขา “โอ้ พวกเจ้าอยากได้เงินสิบเหลียงสินะ! ได้สิ แต่ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะมีโอกาสได้ใช้มันหรือไม่”

คนบ้านสือต่างตกตะลึง นี่ใช้คำพูดของมนุษย์แน่หรือ?

หนิวซื่อโมโหจนปวดใจ “อย่าได้ลืมว่าพวกข้าเลี้ยงดูเจ้ามา”

สือชิงลั่วยิ้มเยาะ “ข้าเริ่มทำงานตั้งแต่อายุสามขวบ เมื่อข้าอายุได้ห้าขวบ ข้าก็ถูกส่งให้ไปอยู่ในวัดเต๋า พวกเจ้าเอาเงินในแต่ละเดือนของข้าไปใช้จ่าย แล้วยังกล้าพูดว่าเลี้ยงดูข้ามาอีกงั้นหรือ?”

“อย่าได้ทำตัวไร้ยางอายจนเกินไป”

แล้วสีหน้าของนางก็เย็นเยียบ “ไม่มีเงินสินสอดอะไรทั้งนั้น และพวกเจ้ายังต้องชดใช้กับสิ่งที่ติดค้างข้าด้วย”

หนิวซื่อมีสีหน้าคล้ายกับคนใกล้บ้าเต็มทีและถามเสียงดังว่า “อะไรกัน? ไม่เพียงแต่จะไม่ได้เงินค่าสินสอด แต่เรายังต้องชดใช้ให้เจ้าอีกหรือ?”

สือชิงลั่วหยิบแส้หวายที่นางจงใจวางไว้ใต้โต๊ะและสะบัดมันไปด้านหน้า “ก็สมควรต้องมีการชดเชยไม่ใช่หรือ? หลายปีที่ผ่านมา พวกเจ้าสูบเลือดออกจากตัวข้าจนแห้งกรังหมดแล้ว”

หนิวซื่อไม่ทันระวังจึงสะดุ้งตัวโหยง “อ้าห์!”

นางอยากสาปแช่งหรือไม่ก็ร้องโวยวายและลงไปดีดดิ้นที่พื้น แต่สายตาที่เย็นเยียบของสือชิงลั่วทำให้นางต้องหยุดความคิดเหล่านั้นเอาไว้

ทำไมนางถึงได้คลอดลูกที่อกตัญญูและไม่เชื่อฟังแบบนี้ออกมาได้?

ยายเฒ่าสือรีบพูด “ไม่ได้ เราใช้เงินไปกับค่าใช้จ่ายในบ้านไปแล้ว แม้แต่อาสี่ของเจ้าก็ยังไม่มีเงินพอสำหรับการสอบซิ่วไฉปีหน้า”

สือชิงลั่วรู้ดีว่า เงินทั้งหมดภายในบ้านถูกเก็บไว้เป็นค่าสอบซิ่วไฉของเขาในปีหน้า

ยายเฒ่าสือรักเงินยิ่งกว่าชีวิตของนาง นางไม่มีทางยอมเอาออกมาแน่

นางคิดเรื่องนี้ไว้นานแล้ว “เช่นนั้นก็ใช้เสบียงเป็นค่าชดเชย เอาธัญพืชให้ข้าหนึ่งร้อยจิน ถั่วเหลืองกับถั่วเขียวอีกสามถุงที่อยู่ในครัว ข้าก็จะเอาไปด้วย”

แม้จะเจ็บปวดแต่ก็เป็นคำขอที่พวกเขายอมรับได้

จากความทรงจำของนาง นางรู้ว่าในยุคสมัยนี้ยังไม่มีมันฝรั่ง, มันหวาน, และข้าวโพด

ธัญพืชที่ว่าคือบัควีต, ข้าวฟ่าง, และถั่ว

ในตอนนี้บ้านเซียวขาดแคลนธัญพืช

นางไม่ต้องการแต่งงานเข้าบ้านเซียวแล้วต้องกินแต่ผักป่าทุกวัน

กินผักป่ามากๆเป็นเรื่องที่ทรมานจนเกินไป

ส่วนถั่วเหลืองกับถั่วเขียว นางรู้ว่าจะเอาพวกมันมาใช้ประโยชน์ได้ยังไงบ้าง

“ไม่ได้!” ยายเฒ่าสือและเหล่าลูกสะใภ้ต่างร้องปฏิเสธอย่างพร้อมเพรียง

บุรุษในบ้านสือต่างก็มีสีหน้าไม่เห็นด้วย

ไม่เพียงแต่คนบ้านเซียวจะไม่ให้ค่าสินสอด แต่พวกเขายังจะเอาอาหารของบ้านสือไปด้วย

นังเด็กสารเลวกำลังคิดชั่วอะไรอยู่กันแน่?

สือชิงลั่วรู้ว่าพวกเขาจะต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้

นางจิบชาอย่างเชื่องช้า “ข้าไม่ได้ถามความเห็นของพวกเจ้า แค่บอกให้พวกเจ้าเตรียมของเหล่านั้นให้พร้อม”

“ถ้าพวกเจ้าไม่ชอบ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร”

“ข้าก็จะไม่แต่งงาน ข้าจะอยู่ที่บ้านจนกว่าทางการจะเลือกคู่ให้ข้า”

“พวกเจ้าต้องมีไข่, เนื้อ, และข้าวพอให้ข้ากินในทุกๆวัน ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่มีความสุข ข้าอาจทนไม่ไหวจนต้องส่งพวกเจ้าไปโลกหลังความตายก็เป็นได้”

นางทำสีหน้าราวกับกำลังให้การดูแลพวกเขาเป็นพิเศษ “พวกเจ้าสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้ร่างระเบิด, ถูกเฉือน, หรือถูกแส้ฟาดจนตาย”

คนบ้านสือต่างอัดอั้นตันใจและแทบกระอักเลือดที่คั่งอยู่ภายในอก

โหดร้ายเหลือเกิน! ทำไมพวกเขาถึงได้มีลูกหลานที่ชั่วช้าถึงเพียงนี้!

ตาเฒ่าสือพูดด้วยสีหน้าดำคล้ำ “มีเด็กสาวคนไหนในหมู่บ้านที่แต่งออกไปเช่นนี้กัน?”

สือชิงลั่วพูดอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “เช่นนั้นข้าจะเป็นผู้ริเริ่มขึ้นมาเอง”

คนบ้านสือต่างพากันพูดไม่ออก นางควรไปตายเสีย

สุดท้ายแล้ว ด้วยคำพูดข่มขู่ของสือชิงลั่ว คนบ้านสือจึงไม่อาจต้านทานนางได้อีก

พวกเขาจำต้องกลั้นใจยอมตกลง

มันคงจะดีมากหากพวกเขาสามารถส่งนางให้คนบ้านเซียวในวันพรุ่งนี้

เช้าตรู่ของวันถัดมา แม่เซียวกับภรรยาของผู้ใหญ่บ้านได้เดินทางมาที่บ้านสือเพื่อพูดคุยเรื่องการแต่งงาน

แม่เซียวยังได้นำเนื้อกับน้ำตาลมาด้วย

คนบ้านสือล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงเลวร้ายอยู่ในหมู่บ้านช่างซี นั่นเป็นเพราะบุรุษบ้านสือและภรรยาของพวกเขาแต่ละคนล้วนร้ายกาจและหยิ่งผยอง

เพราะเรื่องนี้ แม่เซียวกับภรรยาผู้ใหญ่บ้านจึงเชื่อว่า มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องไปพูดคุยเรื่องการแต่งงานกับคนบ้านสือ

ใครจะรู้ว่า แม้คนบ้านสือจะมีสีหน้าไม่มีความสุข แต่พวกเขากลับพูดง่ายอย่างน่าประหลาด

พวกนางยังรู้สึกว่า พวกเขาต่างอยากให้พาตัวสือชิงลั่วไปตั้งแต่วันนี้เสียด้วยซ้ำ

สุดท้าย พวกเขาก็ตกลงที่จะแต่งงานในวันพรุ่งนี้

นอกจากพวกเขาจะไม่ต้องการเงินค่าสินสอดแล้ว พวกเขายังมอบธัญพืชเป็นสินเจ้าสาวให้อีกด้วย

เรื่องนี้ทำให้แม่เซียวกับภรรยาผู้ใหญ่บ้านรู้สึกมึนงงเมื่อพวกเขาเดินออกมาส่ง พวกนางรู้สึกราวกับกำลังฝันอยู่อย่างไรอย่างนั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด