บทที่ 814 ฝ่ายไหนกันแน่?(ตอนฟรี)
บทที่ 814 ฝ่ายไหนกันแน่?
“บอส ให้ผมขับเถอะ!” บนทางด่วนมุ่งหน้าสู่หางโจว จี้เฟิงที่กำลังขับรถอยู่ได้ยินหลิวเจ๋อจุนที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดขึ้น
จี้เฟิงหันมองที่เขาแวบหนึ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “นายนั่งอยู่ตรงนั้นแหละดีแล้ว ถ้ากัวเถาอยู่ที่นี่ฉันคงจะปล่อยให้เขาขับ แต่ถ้าเป็นนาย ก็ลืมมันไปได้เลย นายไม่เหมาะกับบทคนขับรถ”
“ทำไม?!” หลิวเจ๋อจุนอึ้งไปเล็กน้อยและถามอย่างสงสัย
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าให้เทียบกันระหว่างนายกับกัวเถา ไม่ได้พูดถึงเรื่องใครแข็งแกร่งกว่าใครนะ แต่ทั้งสองคนมีสไตล์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กัวเถาเก่งในด้านการป้องกัน ถ้าหากพูดถึงการป้องกัน นายไม่เก่งเท่าเขา ดังนั้นถ้าเขารับหน้าที่เป็นคนขับรถ เขาจะใจเย็นและสงบนิ่งมาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาจะสามารถแก้ไขมันหาได้อย่างทันท่วงที แต่กับนายนั้นแตกต่างกัน”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง จี้เฟิงก็พูดต่อ “สไตล์ของนายคือการโจมตีที่รวดเร็ว ถนัดที่จะเป็นฝ่ายเปิดก่อน พูดง่ายๆคือถ้าให้นายเป็นคนขับรถ มันจะไม่สามารถใช้ข้อดีของนายได้อย่างเต็มที่”
หลิวเจ๋อจุนเอาคำพูดของจี้เฟิงมาครุ่นคิดอย่างรอบคอบ แล้วรู้สึกได้ว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาอดหัวเราะไม่ได้ “บอส! คุณไม่ค่อยได้มาสุงสิงกับผมเท่าไหร่ แต่คุณรู้จักผมดีมากทีเดียว”
จี้เฟิงยิ้ม “ที่จริงแล้ว สไตล์ของแต่ละคนจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดก็ในตอนต่อสู้นี่แหละ อย่างในตอนที่นายต่อสู้กับพวกโจรในตึกอี้เหอ ความถนัดและก็สไตล์การต่อสู้ของนายก็ต้องถูกเปิดเผยออกมาอย่างช่วยไม่ได้”
หลิวเจ๋อจุนพยักหน้าและกล่าวอย่างชื่นชม “โอ้โห บอสนี่สุดยอดไปเลย ไม่เพียงแต่เป็นคนช่างสังเกต แต่ยังมีความจำที่ดีเลิศประเสริฐศรี ขนาดผมเองยังลืมไปแล้วเลย!”
“พอเลยๆ อย่ามาพูดยอกันซะให้ยาก โบนัสไม่ขึ้นเพราะคำชมหรอกนะ ฮ่าๆๆ!”
จี้เฟิงหัวเราะ “นั่งตรงนั้นก็ใช่ว่าจะไม่สำคัญนะ เพราะนายต้องคอยระมัดระวังสิ่งโดยรอบที่อาจจะเกิดขึ้น”
“หืม... บอสเจอสิ่งผิดปกติอะไรรึเปล่าครับ?” หลิวเจ๋อจุนแสดงท่าทีที่จริงจังขึ้นมาทันที
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า “ยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ระวังตัวไว้ก่อนก็ดีกว่าประมาทแล้วรอให้เรื่องมันเกิด”
หลิวเจ๋อจุนพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
ส่วนจี้เฟิง แม้ว่าเขาจะพูดคุยและหัวเราะด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ในใจเขาไม่ได้ผ่อนคลายเลย
รอยเท้าที่เขาพบนอกวิลล่า จี้เฟิงแน่ใจว่าจะต้องเป็นคนที่มีจุดประสงค์ไม่ดีมาคอยสอดส่องเขา แต่คำถามอื่นๆที่ยังไม่ได้รับคำตอบทำให้จี้เฟิงค้างคาใจอยู่พอสมควร โดยเฉพาะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนของเจี๋ยเผิงยิ่งทำให้จี้เฟิงระมัดระวังตัวมากขึ้น
จี้เฟิงมีปฏิกิริยาอ่อนไหวต่อเจี๋ยเผิงมาก
ตั้งแต่เรื่องโทรศัพท์คราวก่อน หากไม่มีอะไร มันก็เป็นเพียงแค่การโทรมาขู่ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่หลังจากที่ให้หวังซินสืบหาข้อมูล จี้เฟิงก็ได้รู้มาว่าตำแหน่งของผู้ที่โทรอยู่ใกล้กับเกาะเจี๋ยเผิง และก็ดูเหมือนว่าคนจากองค์กรหวางฉาวก็ถอยไปตั้งหลักที่เจี๋ยเผิงด้วย จนมาถึงเร็วๆนี้ คาวากิ ไยโกะ นักศึกษาแลกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ก็เป็นมนุษย์ดัดแปลง...
ทุกอย่างดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกันไปหมด มันยิ่งทำให้จี้เฟิงสงสัย
“ยังแอบนัดพบเจอกับเธอบางคืนในฝัน~ . . .” เสียงโทรศัพท์อันไพเราะดังขึ้น
ซูหยวนหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนจะกดรับเธอพูดกับจี้เฟิงด้วยเสียงเบาว่า “บอสคะ ประธานโจวของเฉินซื่อจี๋กรุ๊ปโทรมาค่ะ”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและโบกมือให้เธอรับโทรศัพท์
ซูหยวนกดรับสายทันที “สวัสดีค่ะประธานโจว ฉันซูหยวน... ใช่ค่ะ ออกมาแล้วค่ะ น่าจะไปถึงที่นั่นในอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง... ตกลง... ได้ค่ะ แล้วพบกันค่ะประธานโจว”
หลังจากที่กดวางสายเธอก็พูดกับจี้เฟิงว่า “บอสคะ ประธานโจวโทรมาถามว่าพวกเราออกเดินทางกันรึยัง”
จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เธอรู้รึเปล่าว่าฉันก็ไปที่เจียงซูและเจ้อเจียงด้วย”
ซูหยวนตกใจเล็กน้อย แต่แล้วเธอก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่รู้ค่ะ ฉันไม่ได้บอกเธอ เป็นเพราะตอนแรกยังไม่ได้กำหนดวันเดินทางที่แน่นอน แล้วฉันก็ไม่แน่ใจว่าบอสจะว่างไปด้วยหรือเปล่า ฉันก็เลยไม่ได้แจ้งประธานโจวไว้ เพราะถ้าเกิดบอกแล้วทำตามที่พูดไม่ได้ มันคงไม่ดี...”
“ฮ่าๆๆ!” จู่ๆจี้เฟิงก็หัวเราะออกมา จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ซูหยวน คุณไม่ต้องเป็นกังวลไป คุณทำถูกแล้ว”
ได้ยินแบบนั้นซูหยวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอไม่รู้ว่าจี้เฟิงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ท้ายที่สุดจี้เฟิงก็เป็นเจ้าของโรงงานที่แท้จริงและเป็นหัวหน้าของเธอ การที่แจ้งอีกฝ่ายให้รับรู้ว่าประธานบริษัทตัวจริงเดินทางไปทำงานด้วยนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แต่จี้เฟิงจะอยากให้อีกฝ่ายรู้หรือไม่ถ้าไม่ได้แจ้งไว้ก็เป็นเรื่องยากที่เธอจะคาดเดาด้วยตัวเอง
แต่เมื่อเห็นทัศนคติที่ไม่ได้ทำตัวเจ้ายศเจ้าอย่างในการติดต่อธุรกิจของจี้เฟิง ซูหยวนก็โล่งใจ
“ซูหยวน เราก็รู้จักกันมานานแล้ว ฉันคิดว่าคุณควรรู้ความคิดและนิสัยฉันให้มากกว่านี้นะ!” เมื่อจี้เฟิงเห็นการแสดงออกของซูหยวน เขาก็พอจะเดาได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ และเขาก็อดหัวเราะไม่ได้ “ในการทำงาน มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างให้คุณต้องคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง และฉันก็ไม่ใช่คนรอบคอบ ดังนั้นในอนาคต ถ้าคุณอยากจะทำอะไร ตราบใดที่คุณคิดถี่ถ้วนแล้วมันดี คุณก็ทำตามใจตัวเองได้เลย”
ซูหยวนยิ้มทันที “ขอบคุณมากนะคะบอส สำหรับความไว้วางใจที่คุณมีให้ฉัน!”
จี้เฟิงโบกมือและยิ้ม “ฉันเชื่อใจคุณ เพราะคุณเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือ!”
“ตื้ด~! ตื้ด~! . . .” จู่ๆเสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังมาจากโทรศัพท์ของจี้เฟิง การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างรวดเร็วและเหลือบมองไปที่หน้าจอ
จี้เฟิงปิดเสียงเตือน จากนั้นก็ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ในใจ
สัญญาณเตือนแบบนี้มันหมายความว่าอุปกรณ์ป้องกันของวิลล่าทำงาน และมันก็จะทำงานโดยอัตโนมัติก็ต่อเมื่อมีคนบุกรุกเข้าไปในวิลล่าหรือไปแตะต้องมัน ตอนนี้จี้เฟิงยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอน นั่นก็คือมีคนต้องการเข้าไปในวิลล่าของเขาด้วยเส้นทางที่ไม่ปกติ!
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจี้เฟิงก็ตัดสินใจโทรหากัวเถาทันที
“ครับบอส!” เสียงของกัวเถาดังขึ้น
“กัวเถา ที่บ้านของฉันอาจมีบางอย่างผิดปกติ นายไปตรวจสอบดูให้หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น พาคนไปด้วยซักสองสามคนนะ เผื่อไว้ก่อน” จี้เฟิงกล่าวเสียงเรียบ
“ครับบอส!” กัวเถาตอบทันที
หลังจากวางสาย หลิวเจ๋อจุนที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับก็ถามอย่างระมัดระวัง “มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นที่บ้านของคุณงั้นเหรอครับบอส?”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ใช่ เมื่อกี้นี้ที่เสียงโทรศัพท์ของฉันดัง มันเป็นเพราะฉันได้เชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัยที่บ้านเอาไว้ และถ้าหากอุปกรณ์เหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลง มันจะส่งสัญญาณเตือนมายังโทรศัพท์มือถือของฉันโดยอัตโนมัติ”
หลิวเจ๋อจุนขมวดคิ้วและคาดเดาว่า “มีขโมยเข้าไปในบ้านของบอส?”
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า “ฉันยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ากัวเถาไปถึงแล้วเขาจะโทรบอกฉัน”
ซูหยวนที่นั่งอยู่เบาะหลังก็รู้สึกเป็นกังวลเช่นกัน แต่เธอก็รู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้เธอไม่ควรพูดอะไร ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการรบกวนความคิดของจี้เฟิงเสียเปล่าๆ
“เดี๋ยวถึงจุดพักรถข้างหน้าก็จอดพักกันซักหน่อยแล้วกันนะ” จี้เฟิงเหยียบคันเร่งแล้วรถก็พุ่งทะยานออกไป
ประมาณ 20 นาทีต่อมา จี้เฟิงก็ขับมาถึงที่จอดรถของจุดพักรถระหว่างทาง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วแตะที่หน้าจอ 2-3 ครั้งอย่างรวดเร็ว จากนั้นภาพบ้านของเขาก็ปรากฏขึ้น
จี้เฟิงกดเปลี่ยนมุมมองไปทุกๆมุมของบ้านและพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ส่วนบริเวณอื่นๆด้านนอกก็มีเพียงหิมะตกและไม่มีอะไรอย่างอื่นผิดปกติเช่นกัน
เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย ถึงแม้การใช้โทรศัพท์ดูภาพจากกล้องวงจรปิดมันจะสะดวกแต่หน้าจอมันก็เล็กเกินไป หากต้องการจะสังเกตรายละเอียดบางอย่างมันก็ดูยากเกินไป
“ดูเหมือนว่าจะทำได้แค่รอให้กัวเถาไปถึงแล้วตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้น!” จี้เฟิงเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋า
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางต่อไป และจี้เฟิงก็ได้แต่อดทนรอ
10 นาทีผ่านไป กัวเถาก็โทรมา
จี้เฟิงกดรับสายอย่างรวดเร็ว “เป็นไงบ้าง มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
“ในบริเวณสนามหน้าบ้านไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ตรงพื้นดินมีรอยเท้าและร่องรอยบางอย่างเล็กน้อยครับบอส” กัวเถากล่าว “นอกจากนี้เราได้ตรวจสอบบริเวณรอบๆวิลล่าอย่างละเอียดแล้ว ทางกำแพงด้านตะวันตก เราพบร่องรอยของการปีน มีกิ่งของต้นไม้หักหล่นอยู่ด้วย ที่สำคัญมีรอยเลือดอยู่บนพื้น นอกจากนั้นก็มีรอยเท้าหลายรอยใกล้กับกำแพง คาดว่าน่าจะมีมากกว่าหนึ่งคนที่เข้ามาที่นี่!”
“เข้าใจแล้ว เหนื่อยหน่อยนะ!” จี้เฟิงกล่าวเสียงเรียบ
“บอส คุณต้องการให้ผมส่งคนมาเฝ้าที่นี่ซักสองสามคนมั้ย?” กัวเถาถาม
จี้เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหรอก ดูเหมือนคนที่บุกรุกเข้ามาแล้วรีบหนีไป และจะไม่กลับมาอีกในเร็วๆนี้ คุณดูแลใส่ใจความปลอดภัยของโรงงานก็พอ”
“ครับบอส!” กัวเถาตอบกลับ
หลังจากวางสายแล้ว จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่เขาติดตั้งไว้นั้นมีประโยชน์มาก แม้ว่าอีกฝ่ายจะเตรียมตัวมาอย่างดี แต่การจะเข้ามาในวิลล่าจากกำแพงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก!
แต่ใครกันล่ะที่แอบเข้ามา?
จี้เฟิงอดสงสัยไม่ได้
สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือพวกเจี๋ยเผิง หลังจากที่เขาดูบันทึกจากกล้องวงจรปิดของเมื่อคืนและพบว่ามีชายคนหนึ่งที่พกดาบคาตานะมาคอยเฝ้ามอง เขาก็แน่ใจว่าจะต้องเป็นชาวเจี๋ยเผิง เพียงแค่ว่าชาวเจี๋ยเผิงคนนี้คือฝ่ายไหน?
เขามาจากองค์กรหวางฉาวที่โทรศัพท์มาขู่ หรือมาแค่เพราะอยากจะแก้แค้นให้ซาซากิและคาวากิ ไยโกะที่พ่ายแพ้ให้กับเขาในกิจกรรมการแลกเปลี่ยนการต่อสู้ระหว่างสองมหาวิทยาลัย?
มันยากที่จะหาคำตอบอย่างชัดเจนในตอนนี้ และเขาสามารถดูวิดีโอจากกล้องวงจรปิดได้ก็ต่อเมื่อกลับไปที่เจียงโจว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอีกฝ่ายได้เริ่มลงมือแล้ว ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะล้มเหลวก็ตาม แต่จี้เฟิงเชื่อว่ามันจะต้องมีครั้งต่อไปอย่างแน่นอน และสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือให้อีกฝ่ายปรากฏตัว ตอนนี้หนทางช่างมืดมน แม้ว่าจะอยากเป็นฝ่ายออกไปตามหาตัว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาใคร!
‘อย่ากังวลจนเกินเหตุ มันจะต้องมีสักวันที่อีกฝ่ายโผล่หางออกมา!’ จี้เฟิงพูดกับตัวเองในใจและพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ปองร้ายเขา เขาจะไม่ยอมอยู่เฉยๆเป็นเป้านิ่งให้อีกฝ่ายมาทำตามใจอีกต่อไป!
‘สิ่งที่ฉันต้องทำในเวลานี้มีเพียงแค่การอดทนรอ! หรือพูดอีกอย่างก็คือเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ!’
หนึ่งชั่วโต่อมา พวกเขาทั้งสามคนก็เข้ามาในเขตเมืองหางโจวของมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง จากนั้นเขาก็ตรงไปที่โรงแรมภายใต้เครือเฉินซื่อจี๋กรุ๊ป เฉินซีเฉินซื่อจี๋โฮเต็ล
เมื่อจี้เฟิงและอีกสองคนมาถึงโรงแรม โจวเฟยเฟยก็รออยู่ที่นี่แล้ว
ภายใต้การนำทางของพนักงานโรงแรม พวกเขาทั้งสามคนก็มาถึงห้องชุดสุดหรู ในตอนนั้นพวกเขาสามคนก็ได้พบกับโจวเฟยเฟยซึ่งอยู่ในชุดหรูหรา และข้างๆเธอมีผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาดีอายุประมาณยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าปียืนอยู่ด้วย
“คุณโจว เราพบกันอีกแล้วนะครับ!” จี้เฟิงกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
โจวเฟยเฟยยิ้มหวาน “คุณชายจี้ไม่ชอบใจที่ได้พบฉันเหรอคะ? ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงเสียใจแย่”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “ใครบ้างที่จะไม่ชอบเจอผู้หญิงสวยๆล่ะครับ”
หลังจากที่กล่าวทักทายง่ายๆไม่กี่คำ โจวเฟยเฟยก็ยิ้มและพูดว่า “ยังไงก็ตาม ฉันขอแนะนำให้คุณรู้จัก สาวสวยที่ยืนอยู่ข้างๆฉันคือรองประธานของไพโอเนียร์ฟามาซูติคอลกรุ๊ป จี้ยูเหวิน”
จี้เฟิงและอีกสองคนรู้สึกประหลาดใจทันที รองประธานของไพโอเนียร์ฟามาซูติคอลกรุ๊ป เป็นหญิงสาวแสนสวนที่มีอายุน้อยกว่าซูหยวนเสียอีก?
…จบบทที่ 814~❤️