บทที่ 6 รางวัล
ซุนม่อใช้เวลาอีกวันในห้องสมุด มีหนังสือรวบรวมอยู่มากมายเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับเก้าแคว้นในแผ่นดินใหญ่ได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น
พอถึงเกือบเที่ยงคืน ซุนม่อปิดหนังสือที่เขากำลังอ่านและพักรอระบบแจ้งเตือน
“ติง, เที่ยงคืนผ่านไป โอกาสเปิดหีบสมบัตินำโชคกลับมาอีกครั้ง!”
ระบบมหาคุรุทำให้เขามีความสุขตรงต่อเวลาทุกเที่ยงคืน ซุนม่อบอกให้ระบบเปิดหีบโดยไม่คาดหวังอะไรมาก
น่าเสียดายที่ยังไม่มีผลรับที่ยอดเยี่ยม กล่องสมบัติสีแดงที่มีคำว่า 'โชคลาภ' เปิดออก แสดงให้ซุนม่อเห็นว่าเขาได้ดินอีกก้อนหนึ่ง
“หมายความว่าจะให้ข้ากินดินใช่ไหม?”
ซุนม่อบ่นหงุดหงิด แต่ระบบไม่ใส่ใจตอบกลับ
ไม่ว่ายังไงก็ตามซุนม่อไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากนัก เขากลับไปอ่านหนังสือต่อ เวลาผ่านไปจนกระทั่งเช้า ท้องของเขาร้องด้วยความรู้สึกหิว
“ไปกินอาหารในเมืองจินหลิงดีกว่า”
ซุนม่อลุกขึ้นยืน เก็บหนังสือยาแปรธาตุพื้นฐานเข้าชั้นเตรียมออกไป แต่ก่อนที่เขาจะเดินไปถึงทางเข้า เขาเห็นหลี่กงเดินกระเผลกมารออยู่ที่นั่น
สถาบันมีกฎชัดเจนว่าหอสมุดเป็นสถานที่ให้นักเรียนได้เรียนรู้และอ่านได้ ดังนั้นการรักษาบรรยากาศที่เงียบสงบเป็นเรื่องจำเป็น หากมีใครตะโกน ก่อกวน หรือทำอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ที่นี่ พวกเขาจะถูกขับไล่และลงโทษอย่างรุนแรง พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าหอสมุดเป็นเวลาหนึ่งปี
เป็นธรรมดาที่หลี่กงไม่กล้าตำหนิซุนม่อในห้องสมุด ดังนั้นเขาได้แต่รอที่ประตูทางเข้าเท่านั้น
ซุนม่อชะงักเท้า และจ้องมองหลี่กง
ข้อมูลจำนวนมากปรากฏต่อหน้าของเขา
ซุนม่อเหลือบมองข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ มองดูข้อมูลที่เขาสามารถใช้ได้ ในไม่ช้าหน้าของเขาก็ประดับด้วยรอยยิ้ม
“เนตรทิพย์ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
ซุนม่อถอนหายใจชื่นชม
“อย่าหลบ ออกมาซะ”
เมื่อเห็นว่าซุนม่อสังเกตดูเขาและหยุดอยู่ตรงนั้น หลี่กงตื่นตระหนกและแช่งชักอยู่ในใจทันที เจ้าเด็กนี่ทำตัวเหมือนเต่าหัวหดมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่เองเหรอ? เขาไม่ควรมารอที่ทางเข้าแต่ควรซ่อนอยู่ที่อื่น เพื่อหาโอกาสจับผิดซุนม่อ
หัวหน้างานรับส่งพัสดุอารมณ์ไม่ดี ถ้ามีคนไม่ยอมทำสิ่งที่เขาสั่งให้ทำ พวกมันต้องโชคร้ายแน่นอน
เมื่อหลี่กงกำลังครุ่นคิดว่าควรให้ซุนม่อออกจากห้องสมุดยังไง ซุนม่อก็เดินเข้าหาเขาผ่านออกไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
หลังจากมึนงงอยู่พักหนึ่ง สีหน้าของหลี่กงก็เขียวคล้ำ ซุนม่อกำลังดูถูกเขาอย่างงั้นหรือ? ซุนม่อรู้สึกว่า เพราะเขาเป็นครูฝึกสอน พนักงานแผนกขนส่งพัสดุไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้หรือ?
“ฮึ่ม ข้าจะซ่อมเจ้าในเร็วๆ นี้จนเจ้ากลายเป็นคนปัญญาอ่อนและออกจากสถาบันแห่งนี้ไปเอง”
หลี่กงหัวเราะอย่างชั่วร้ายและพุ่งเข้าหาเตรียมจะให้ซุนม่อได้รู้ว่าหมาแก่ตัวนี้ยังเหลือฟันอีกกี่ซี่
“ขาของเจ้าพิการตั้งแต่เมื่อ 12 ปีที่แล้ว”
ซุนม่อยิ้มมุมปาก แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงบนใบหน้าที่โค้งเว้าเฉียบคมของเขา เพิ่มความหล่อเหลาให้กับเขา
เอ๊ะ?
หลี่กงมีสีหน้าราวกะเพิ่งเจอผี เขาอยากสบถด่า แต่คำพูดทั้งหมดของเขาติดอยู่ที่คอ ทำไมล่ะ? เพราะซุนม่อพูดถูก ขาของเขาพิการมา 12 ปีแล้ว
“ขาของเจ้าพิการเพราะฝ่ามือเมฆาสินะ!”
ซุนม่อกำลังพอใจเมื่อเห็นสีหน้าของหลี่กง
เอ๊ะ?
หลี่กงปากอ้าค้างด้วยความตกใจ
“ฝ่ามือเมฆามันน่าทึ่งจริงๆ ซัดไปเพียงสามฝ่ามือก็ทำให้ขาของเจ้าพิการมาสิบกว่าปี ยังไม่ฟื้นจนกระทั่งบัดนี้”
ซุนม่อหยอกล้อ
“เจ้าสืบเรื่องของข้าเหรอ?”
หลี่กงถลึงตามองซุนม่ออย่างดุดัน สีหน้าของเขาน่ากลัวราวกับหมาป่าเกรี้ยวกราด มีขาพิการเป็นความอัปยศครั้งใหญ่สุดในชีวิตของเขา
“สืบเรื่องของเจ้า เจ้ามีคุณสมบัติพออย่างนั้นหรือ?
ซุนม่อแค่นเสียง
หลี่กงโมโหแต่ก็รู้สึกตัวได้ในทันที เขาเป็นแค่บุคคลตัวเล็กๆ แล้วใครจะมาสนใจเขาเล่า? ไม่ว่าใครๆ ก็ซื้อข้อมูลนี้ได้หากไปที่ตลาดมืด จะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่? จากสิ่งที่หลี่กงเข้าใจ ซุนม่อจนกรอบมาก
ต่อให้ซุนม่อมีเงิน แต่เขาก็แค่อยู่ในแผนกรับส่งพัสดุเพียงไม่กี่วัน และพบเจอเขามาไม่ถึงห้าครั้ง ภายในเวลาสั้นๆ แม้จะเป็นนายหน้าขายข้อมูลที่ดีที่สุด พวกมันก็ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องเช่นนั้นได้
“เขารู้ได้ยังไงว่าขาของข้าถูกฝ่ามือเมฆาซัดจนพิการ?”
หลี่กงมีแต่คำถามอยู่ในหัว ต้องรู้ไว้ว่าเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครมาก่อน
“หลีกไป”
ซุนม่อตำหนิ
หัวใจของหลี่กงสั่นไหว เขาเปิดทางโดยไม่รู้ตัว แต่หลังจากนั้น เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและรีบก้าวไป ขวางซุนม่อข้างหน้า ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากเพื่อด่าทอ…
“ขาพิการของเจ้ายังมีโอกาสรักษาได้!”
น้ำเสียงของซุนม่อผ่อนคลาย น้ำเสียงของเขาสดใสและไพเราะมาก อย่างไรก็ตาม สำหรับหลี่กง มันเหมือนกับเสียงฟ้าร้องกรอกหูสั่นสะเทือนเขาเสียจนตัวแข็งทื่อ
คำว่า 'รักษาได้' เป็นเหมือนคาถาเวทย์มนตร์ที่ก้องอยู่ในหูของเขา ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจทำ ให้เขาอาย และทำให้เขาลังเล!
“หลีกทาง”
ซุนม่อใช้มือขวาผลักไปที่เอวของเขา
หลี่กงถอยหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเขาซับซ้อนในขณะที่มองดูซุนม่อจากไป เขาไม่กล้าขัดขวางซุนม่ออีกต่อไป
สำหรับคนพิการมากว่า 12 ปี ไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจมากไปกว่าการได้กลับมาเดินเป็นปกติอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ หลี่กงจึงไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนใดๆ
“มันล้อข้าเล่นหรือเปล่า? ผิดแล้ว เนื่องจากเขาบอกได้ว่าข้าบาดเจ็บจากฝ่ามือเมฆาทั้งยังบอกจำนวนฝ่ามือได้อย่างแม่นยำ เขาคงจะมีวิธีแก้ไขหรือไม่?”
หลี่กงรู้สึกขัดแย้ง “แต่เขาเป็นเพียงครูฝึกสอน แล้วยังจะมีวินิจฉัยที่ดีแบบนั้นได้อีกเหรอ?”
“ติง”
คะแนนความประทับใจจากหลี่กง +1
ระบบเชื่อมโยงสัมพันธ์ต่อหลี่กงถูกปลดล็อค สถานะปัจจุบัน เป็นกลาง (1/100)
การแจ้งเตือนดังกล่าวทำให้ซุนม่อรู้สึกสับสน “เขามีความประทับใจที่ดีต่อข้าด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
“เมื่อร่างหลักให้คำแนะนำแก่เป้าหมาย เป้าหมายจะสร้างความรู้สึกที่ดี สนิทสนม เกรงขามและบูชาเทิดทูน เมื่อรวมปัจจัยเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้ว ก็จะเกิดเป็นความประทับใจ”
ระบบกลายเป็นพี่เลี้ยงสาวที่สนิทสนมอีกครั้ง
“ข้าเข้าใจ”
ซุนม่อพูดได้ถูกต้องถึงสาเหตุเบื้องหลังขาพิการของหลี่กง ทำให้เขาเกิดความประทับใจ นอกจากนี้เขายังจะต้องขอคำแนะนำจากซุนม่อถึงวิธีรักษาขาของเขา นี่คือสาเหตุที่ทำให้เกิดความประทับใจ
แน่นอนว่าหลี่กงยังคงคลางแคลงใจต่อซุนม่อ ไม่งั้นแต้มความนิยมชมชอบคงไม่ใช่แค่ 1 ซึ่งต่ำที่สุด
ซุนม่อมองดูร้านค้าของระบบ เขาไม่ได้คาดหวังจะพบอะไรไปจากผลดาราจันทร์ นอกจากตราสัญลักษณ์สีทองสัญญาณเปล่งสีทองเข้มข้นในขณะนี้
“ตราสัญลักษณ์สิบปี หลังจากใช้งานแล้วท่านจะมีประสบการณ์ในทักษะวิชาและเคล็ดวิชาที่ฝึกฝน ระดับทักษะในวิชาและเคล็ดลับจะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ”
“ราคา 1000 คะแนนประทับใจ”
“ตราสัญลักษณ์เวลาเป็นของดี น่าเศร้าที่มันแพงจนซุนม่อได้แต่มองอยู่ไกลๆ เพียงอย่างเดียว ตอนนี้เขามีคะแนนโปรดปรานเพียง 5 คะแนน
“ดูเหมือนเราต้องคิดหาวิธีเป็นครูผู้ช่วยให้ได้โดยเร็วที่สุด”
ซุนม่อกำลังวางแผนสำหรับอนาคต หลังจากเป็นครูผู้ช่วยแล้ว โอกาสที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนจะมีเพิ่มมากขึ้น จากนั้นเขาจะสามารถบรรยายเพื่อเก็บเกี่ยวคะแนนความประทับใจ
ในเก้าแคว้นดินแดนแผ่นดินใหญ่มีหลายร้อยสำนักเรียน มีสื่อการเรียนทุกประเภท ในสถาบันศึกษาเหล่านั้น การฝึกวิทยายุทธ์เป็นพื้นฐาน ผู้ฝึกปรือทุกคนต่างไขว่คว้าหาจุดสุดยอดของวิถีการต่อสู้ ดังนั้นตามธรรมดา มหาคุรุผู้สอนและชี้แนะวิถีการฝึกฝนจึงได้รับความยอมรับนับถือเป็นที่สุด
ด้วยวิชาเซียนมหาจักรวาลไร้ลักษณ์ ซุนม่อยังจะให้ความสนใจวิชาดาบพิรุณหลั่งรินได้อีกยังไง? เขาละวางวิชานั้นและเริ่มฝึกวิชาเซียนที่ไม่มีใครเทียบได้
เพราะเขาไม่เคยสัมผัสกับการฝึกปรือมาก่อน ซุนม่อจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ ความรู้สึกของเขาประหนึ่งว่าเพิ่งซื้อแผ่นเกมอีดิชันลิมิเต็ดมาเล่น แทบรอไม่ไหวที่จะเคลียร์เกมในวันนั้นให้ได้
อาคารหอพักนักเรียนชาย 557
ชีเซิ่งเจี่ยที่หลับอยู่ใต้ผ้าห่มลืมตาขึ้น เมื่อเห็นแดดจ้าสาดส่องเข้ามา เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาเสียเวลาอีกแล้ว
เขาดึงผ้าห่มออกเตรียมจะลุกจากเตียง อย่างไรก็ตามร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาไม่ตอบสนอง เขามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้รู้สึกถึงคลื่นความหวาดกลัวโถมซัดใส่เขาราวกับคลื่นในมหาสมุทร
“เซิ่งเจี่ย! ยากนักนะที่เห็นเจ้านอนดึกมาก”
ขณะที่หาว หวังฮ่าวกระโดดลงมาจากชั้นบน เมื่อเขาเห็นชีเซิ่งเจี่ยยังคงนอนอยู่บนเตียง เขาอดตระหนกตกใจไม่ได้ ชีเซิ่งเจี่ยขึ้นชื่อในเรื่องขยันหมั่นเพียรมาก นับแต่เขาเข้ามาในสถาบันเมื่อสามปีที่แล้ว ชีเซิ่งเจี่ยจะตื่นแต่เช้ามืดและเริ่มฝึกปรือ
ติ๋ง ติ๋ง
ชีเซิ่งเจี่ยกัดริมฝีปาก น้ำตาไหลโดยไม่ตั้งใจจนหมอนเปียก
“เฮ้ย, เข้าโถงประลองมันง่ายจะตายไป เจ้าไม่ต้องกังวลนักหรอก” หวังฮ่าวปลอบโยน
ในโรงเรียนมีชมรมค่อนข้างมาก มีครูผู้มีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลของนักเรียน โต้ตอบและถามคำถามหลังจากจบบทเรียนประจำวันแล้ว
ห้องโถงประลองเป็นจุดรวมยอดนิยมมากที่สุด จัดสร้างขึ้นเพื่อการประลองต่อสู้เป็นหลัก นักเรียนสามารถซ้อมฝีมือกันเองในห้องโถงประลองเพื่อเทียบทักษะยุทธ์กันได้
แน่นอนว่านี่เป็นสถานที่ยอดนิยมทำให้นักเรียนมารวมตัวกันเหมือนกับกระดี่ได้น้ำ ทั้งนี้เป็นเพราะมหาคุรุหนึ่งดาว ทำหน้าที่เป็นครูที่ปรึกษาที่นั่น ครูจะให้ข้อแนะนำทั่วไปฟรีทุกๆ สัปดาห์
ในแผ่นดินใหญ่สถานะมหาคุรุได้รับการยอมรับนับถือเป็นอย่างมากและพวกเขาก็ยุ่งมากเช่นกัน พวกเขามีสำนักงานหรือทำงานอยู่ในสถาบันศึกษาใหญ่ๆ นอกจากชี้แนะลูกศิษย์เป็นการส่วนตัวแล้ว พวกเขายังกำหนดคาบการเรียนการสอนแบบทั่วไปอีกด้วย
ถ้ามหาคุรุมีตำแหน่งหน้าที่ในโรงเรียน เขาหรือนางก็สามารถสอนได้มากขึ้น แต่ถ้าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในโรงเรียนสองสามแห่ง พวกเขาจะรีบออกไปทันทีหลังเลิกเรียน นักเรียนไม่มีโอกาสตั้งคำถามด้วยซ้ำ
ไม่มีวิธีแก้ปัญหา มหาคุรุงานยุ่งเกินไปและมีนักเรียนมากมายที่ต้องการถามคำถาม พวกเขาไม่มีเวลาดูแลนักเรียนแต่ละคนอย่างเจาะจงแน่นอน
หากต้องการได้รับคำแนะนำจากมหาคุรุ มีอยู่ 2 วิธี หนึ่ง ต้องมีพรสวรรค์เฉพาะตัวที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับจากมหาคุรุ จากนั้นมหาคุรุจะยอมรับผู้นั้นเป็นศิษย์ส่วนตัวและทุ่มเทจิตใจชี้แนะพร่ำสอนพวกเขา วิธีที่สองคือเข้าร่วมรับฟังคำบรรยายในชั้นเรียนทั่วไป
ผลกระทบอย่างหลังนั้นน้อยกว่าอย่างแรกแน่นอน แต่ในท้ายที่สุดในโลกนี้คนที่มีพรสวรรค์ความสามารถเป็นคนกลุ่มน้อยแน่นอนอยู่แล้ว
สำหรับคนอย่างชีเซิ่งเจี่ย เขาได้เข้าเรียนในสถาบันจงโจว ก็เพราะความเสื่อมถอยจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อน ไม่อย่างนั้นด้วยความสามารถของเขา เขาคงไม่มีโอกาสผ่านประตูโรงเรียนด้วยซ้ำ
สำหรับสถาบันที่มีชื่อเสียงทุกแห่ง พวกเขาให้ความสำคัญกับความสามารถและคุณภาพของนักเรียนเป็นอย่างมาก
สำหรับชีเซิ่งเจี่ย การเข้าไปยังโถงประลองเป็นหนทางเดียวที่จะยกระดับความแข็งแกร่ง
ฮือ...
ในที่สุดชีเซิ่งเจี่ยก็ทนรับไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เขากัดผ้าห่มแล้วร้องไห้ ตอนนี้เขาเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ และในไม่ช้าเขาจะสูญเสียโอกาสเดียวของเขา เขาจะไม่สิ้นหวังได้อย่างไร
“มีบางอย่างผิดปกติ”
โจวชี่ซึ่งนอนอยู่บนเตียงล่างฝั่งตรงกันข้ามลุกขึ้นนั่งทันทีขณะมองไปที่ชีเซิ่งเจี่ย “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”
“ข้า...ข้า..ขยับตัวไม่ได้อีกแล้ว!” ชีเซิ่งเจี่ยตอบด้วยเสียงเศร้าสร้อย
“ข้าจะไปตามหมอให้” หวังฮ่าวตกตะลึง
“ไม่ต้อง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ปฏิกิริยาของชีเซิ่งเจี่ยนับว่าเหนือความคาดหมายของหวังฮ่าว
“ตอนนี้มันสถานการณ์ไหนแล้ว นี่เจ้ายังคิดประหยัดเงินอีกเหรอ?”
โจวชี่พูดไม่ออก เขารู้ว่าชีเซิ่งเจี่ยไม่ได้มีภูมิหลังที่ร่ำรวย
“ไม่ ไม่ ไม่ รอก่อน เดี๋ยวก็คงหาย บางทีข้าขยับไม่ได้อาจเป็นเพราะนอนจนเป็นเหน็บชา!”
ชีเซิ่งเจี่ยหน้าซีด ริมฝีปากสั่น ตอนนี้เขาได้แต่อธิษฐาน
หวังฮ่าวกับโจวชี่แลกเปลี่ยนความเห็นกัน ไม่มีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ จากนั้นพวกเขาชำเลืองมองเหยียนลี่ซึ่งนั่งอยู่อีกเตียงหนึ่ง เหยียนลี่ยักไหล่แสดงสีหน้าว่า “ช่วยไม่ได้แม้ว่าข้าอยากจะช่วยแค่ไหนก็ตาม” ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านนิยายต่อไป
จากมุมมองของเขา เจ้าบ้านนอกผู้นี้ควรจะถูกไล่ออกไปนานแล้ว ชีเซิ่งเจี่ยมักจะรบกวนการหลับที่แสนสบายของเขาเพื่อออกไปฝึกซ้อมแต่เช้ามืด ตอนนี้เขาขยับตัวไม่ได้ มันวิเศษจริงๆ
“ร่างกายของเขาเสียหายเพราะฝึกหนักเกินไป”
เหยียนลี่แอบยินดีเงียบๆ