บทที่ 5 : หรือนี่คือโชคชะตา?
บทที่ 5 : หรือนี่คือโชคชะตา?
เมื่อได้พูดคุยกันสือชิงลั่วก็รู้สึกได้ว่า แม่เซียวเป็นคนจิตใจดีและไม่จู้จี้จุกจิก นางสามารถเข้ากับคนอื่นได้เป็นอย่างดี
ส่วนบุตรสาวของนาง เซียวป๋ายหลี่ นางเป็นคนขี้อาย ทั้งยังเชื่อฟังและตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี
แม้ว่าเซียวเอ้อร์หลางมีอายุเพียง 8 ปี แต่เขากลับเป็นเด็กที่รู้ความมาก
เขาช่างต่างกันสุดขั้วกับเด็กวัยเดียวกันในโลกอนาคต
สือชิงลั่วคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด พ่อแม่ของนางเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
พวกเขาได้มอบการศึกษาที่ดีที่สุดและให้เงินนางใช้จ่ายอย่างใจกว้าง แต่พวกเขากลับไม่สามารถใช้เวลาร่วมกับนางได้มากนัก
นั่นทำให้นางกลายเป็นคนเข้มแข็งตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย
หากนางมีแม่สามีหรือพี่สะใภ้ร้ายกาจ นางอาจไม่สามารถเข้ากันกับพวกนางได้
บ้านเซียวเป็นครอบครัวที่ดี นางสามารถปกป้องพวกเขาได้และพวกเขาก็จะได้มีคนให้พึ่งพา
นางเพียงไม่รู้ว่า ซิ่วไฉเซียวที่ยังไม่ได้สติเป็นคนเช่นไร
จากที่ได้ยินคนอื่นและเซียวเอ้อร์หลางพูดมา เขาน่าจะเป็นคนที่ชอบปกป้องและมีความรับผิดชอบ
ไม่อย่างนั้น เขาคงติดตามบิดาผู้ร่ำรวยกลับเมืองหลวงไปแล้ว
และคงไม่เลือกที่จะตัดขาดเพื่ออยู่ดูแลมารดาและพี่น้องที่ยากจนของเขาเช่นนี้
นางคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “ตอนที่ข้าอาศัยอยู่ในวัดเต๋า ท่านอาจารย์ของข้าได้คิดค้นตัวยาลดไข้ขึ้นมา”
“หากท่านไม่รังเกียจ ข้าสามารถช่วยดูอาการของซิ่วไฉเซียวและป้อนยาให้เขาได้”
หลังจากที่ได้พูดคุยกันเมื่อครู่แม่เซียวก็ได้รู้ว่า สือชิงลั่วอาศัยอยู่หมู่บ้านข้างเคียง นางเคยอาศัยอยู่ในวัดเต๋ากับนักพรตเต๋าตั้งแต่ยังเด็ก และเกือบต้องแต่งงานกับคุณชายตระกูลหวูเพื่อฝังร่างไปพร้อมกับเขา
แม้นางจะเป็นคนจิตใจดี แต่นางก็มองคนเป็น
นางรู้สึกได้ว่า สือชิงลั่วมีความตั้งใจดี
นางต้องเป็นคนมากความสามารถจึงทำให้คนบ้านสือยินยอมยกเลิกการแต่งงานกับตระกูลหวูได้
ยิ่งไปกว่านั้น หมอที่มารักษาบุตรชายของนางในตอนเช้าก็ได้บอกให้นางเตรียมใจเอาไว้ หากไข้ของบุตรชายยังไม่ลดลง เขาอาจไม่ฟื้นขึ้นมาอีกและไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานนัก
ในเมื่อตอนนี้ สือชิงลั่วมียาลดไข้จากเซียนผู้เฒ่า นางจึงมีความหวังขึ้นมาคล้ายกับนางได้คว้าเชือกฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้แน่น
“ข้าเชื่อ ข้าเชื่อเจ้า กูเหนียง ขอกูเหนียงช่วยดูอาการบุตรชายคนโตของข้าด้วย หากไข้ของเขาลดลงและฟื้นคืนกลับมา ข้ายอมเป็นทาสเพื่อทดแทนบุญคุณเจ้า”
นางพูดพร้อมทั้งลงไปคุกเข่าตรงหน้าสือชิงลั่ว นางยินดีทำทุกอย่างเพื่อบุตรชาย และทำด้วยจิตใจของผู้เป็นมารดาคนหนึ่ง
สือชิงลั่วรีบหยุดนางเอาไว้ “ไม่จำเป็นต้องเป็นทาสหรอก ขอข้าได้ดูอาการของเขาก่อน”
แม้ว่านางต้องการแต่งเข้าบ้านเซียว แต่หากบุตรชายคนโตบ้านเซียวไม่เหมาะสมหรือหน้าตาขี้ริ้ว นางก็คงต้องล้มเลิกความคิดไป
ถึงแม้ว่านางต้องการสลัดคนบ้านสือทิ้งเพื่อที่นางจะได้เริ่มกิจการของตนเอง แต่นางก็มีความต้องการและสนใจบุรุษหน้าตาดีเช่นกัน
เมื่อตามแม่เซียวเข้ามาภายในห้องแล้ว นางก็มองดูผู้ที่นอนอยู่บนเตียงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงเปลือกตาปิดสนิท เขาเป็นเด็กหนุ่มในวัย 16-17 ปี
เขามีผิวขาวและมีใบหน้าเที่ยงตรงและน่ามอง เขารูปงามมาก
ใบหน้าของเขาแดงก่ำจากพิษไข้ ทำให้ใบหน้าของเขามีสีสันเพิ่มเข้ามาเล็กน้อย
ตาหน้าของเขาตรงกับความชอบของสือชิงลั่ว
เมื่อดูจากความสูงของเขาแล้ว นับได้ว่าสูงทีเดียว นอกจากร่างกายที่ผอมเล็กน้อยแล้ว เขานับว่าเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีผู้หนึ่ง
สือชิงลั่วไม่คิดว่า เซียวต้าหลางจะหน้าตาดีได้ถึงเพียงนี้
นางยื่นมือไปแตะหน้าผากของเขา มันร้อนมาก อาจมากกว่า 39 องศา
“ไข้ของเขาสูงมาก เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้”
นางหันหลังไปพูดกับแม่เซียว “ยาของข้าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเขา พวกท่านต้องการลองดูหรือไม่?”
แม่เซียวพยักหน้าโดยไม่ลังเล “เราต้องการลอง”
พวกเขาไม่มีอะไรให้เสียแล้ว บุตรชายของนางตัวร้อนมาก และพวกเขาก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อยาอีกต่อไป พวกเขาคงต้องลองเสี่ยงดู
สือชิงลั่วพนักหน้า “ดี เอาน้ำอุ่นมาครึ่งถ้วย ข้าจะป้อนยาให้เขากิน”
แม่เซียวรีบให้บุตรสาวไปเอาน้ำอุ่นมา
สือชิงลั่วหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อของนาง ซึ่งความจริงแล้วนางหยิบออกมาจากช่องว่าง
ตอนนี้ เซียวต้าหลางไม่มีสติและไม่สามารถกินยาได้เอง เมื่อได้น้ำอุ่นมาแล้ว สือชิงลั่วจึงบดยาให้ละเอียดและนำไปละลายกับน้ำ
จากนั้น นางก็ให้แม่เซียวป้อนยาให้กับเซียวต้าหลาง ถึงยังไงนี่ก็คือยุคสมัยโบราณ
นางยังต้องระมัดระวังเมื่อต้องใกล้ชิดกับเพศตรงข้าม
หลังจากป้อนยาเสร็จแล้ว แม่เซียวและบุตรสาวก็เฝ้ารอคอยข่าวดีอย่างใจจดใจจ่อ
สือชิงลั่วได้ทิ้งยาแก้อักเสบและยาลดไข้ให้แม่เซียวเอาไว้ เพื่อที่หลังจากนี้ นางจะได้นำไปป้อนให้กับบุตรชายได้
หากเขามีไข้อีกครั้ง นางก็สามารถป้อนยาลดไข้ให้เขาได้ หากเขาไม่มีไข้แล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องป้อนยาลดไข้อีก
แม่เซียวขอบคุณนางไม่หยุด
สือชิงลั่วจำได้ว่า นางยังต้องตกปลาก่อนฟ้ามืด
แต่เสื้อที่ถูกนำไปซักยังคงแขวนอยู่ที่ลานบ้าน นางจึงบอกลาพวกเขาเพื่อกลับไปตกปลา
เมื่อเซียวเอ้อร์หลางได้ยินว่านางจะไปตกปลา เขาจึงอยากติดตามนางไปด้วย
ก่อนหน้านี้ พี่สาวของเขา เซียวป๋ายหลี่ได้ช่วยนวดขาให้กับเขา และเขาก็ไม่เจ็บขาอีกแล้ว
สือชิงลั่วชอบเด็กคนนี้มาก นางจึงพาเขาไปด้วย
ในเมื่อมีสือชิงลั่วไปด้วย แม่เซียวจึงตกลง
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงริมแม่น้ำ สือชิงลั่วก็หยิบกิ่งไม้แหลมและพับขากางเกงก่อนจะเดินลงไปในน้ำ
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็จับปลาได้หนึ่งตัว
เซียวเอ้อร์หลางดวงตาเป็นประกายเมื่อได้เห็นภาพนี้ เขาเข้าไปช่วยจับปลาและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “พี่สาวเก่งมาก”
สือชิงลั่วยิ้มอย่างมั่นใจและพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว!”
หลังจากจับปลามาได้ห้าตัว ทั้งสองก็ถือถังไม้กลับไปที่บ้านเซียว
ในตอนนี้เอง พวกเขาก็เห็นรถม้าจอดอยู่หน้าทางเข้าบ้าน
เมื่อทั้งสองเดินไปถึงทางเข้าบ้าน พวกเขาก็ได้ยินเสียงร่ำไห้ของแม่เซียวที่ดังมาจากด้านใน
“ไม่ ได้โปรดอย่าพาป๋ายหลี่ไป นางไม่อยากแต่ง”
เซียวป๋ายหลี่ร่ำไห้ “ป้าใหญ่ ข้าไม่อยากแต่ง ปล่อยข้าไปเถอะ”
น้ำเสียงแหลมสูงดังขึ้น “จิ๊ เจ้าไม่รู้เสียเลยว่าอะไรที่ดีกับเจ้า ตระกูลหวูเป็นตระกูลร่ำรวยในอำเภอนี้ เป็นโชคดีของป๋ายหลี่แล้วที่ได้แต่งงานเข้าตระกูลของพวกเขา”
“นางเป็นคนของบ้านเซียว หากแม่เฒ่าเซียวต้องการให้นางแต่ง นางก็ต้องแต่ง มันไร้ประโยชน์ที่โสเภณีเช่นเจ้าจะรั้งนางเอาไว้”
จากนั้นก็เป็นน้ำเสียงที่สิ้นหวังและโกรธเกรี้ยวของแม่เซียว “อ้าห์ ข้าจะสู้ตายกับเจ้า”
เมื่อสือชิงลั่วกับเซียวเอ้อร์หลางผลักประตูเข้าไปในลานบ้าน พวกเขาก็เห็นแม่เซียวพุ่งเข้าชนหญิงคนหนึ่ง
หญิงร่างหนากับหญิงวัยกลางคนต่างกำลังฉุดกระชากลากถูกเซียวป๋ายหลี่กันคนละข้าง
มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่ยืนอยู่ภายในลานบ้าน
บังเอิญที่สือชิงลั่วรู้จักหญิงชราคนนี้ที่มาจากตระกูลหวู และเกือบจะพานางกลับไปแต่งงานที่ตระกูลหวูเมื่อไม่กี่วันก่อน
แล้วนางก็ถึงกับพูดไม่ออก หรือนี่จะเป็นโชคชะตา?
นางยกเลิกการแต่งงานและไม่ได้แต่งเข้าตระกูลหวูเพื่อถูกฝังไปกับเจ้าบ่าว
ตอนนี้ เรื่องกลับตกลงมาที่บ่าของบุตรสาวบ้านเซียวที่กำลังถูกบังคับจับตัวไป...
แม่เซียวชนหญิงร่างหนาจนล้ม แต่นางก็ล้มตามไปด้วย
“นังชั่ว เจ้ากล้ามาก ข้าจะสั่งสอนเจ้า”
หญิงร่างหนามีสีหน้าไม่น่าดู นางผุดลุกขึ้นและพุ่งตัวออกไป
นางคร่อมร่างแม่เซียวเพื่อลงมือทำร้ายอีกฝ่าย
แต่ก่อนที่นางจะทันได้สะบัดฝ่ามือลงบนใบหน้าของแม่เซียว ก็มีคนจับมือของนางเอาไว้จากด้านหลัง
นางหันกลับไปมองและเห็นเด็กสาวแปลกหน้า และรู้ได้จากการแต่งตัวว่านางเป็นเพียงสาวชาวบ้านคนหนึ่ง
นางจึงขมวดคิ้วและพูดอย่างดุร้าย “เจ้าเป็นใคร? อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่น ไม่อย่างนั้นข้าจะทุบตีเจ้าด้วยอีกคน”
เมื่อแม่เซียวเห็นสือชิงลั่วที่หยุดมือของหวังซื่อเอาไว้ นางก็มีท่าทีตื่นตระหนก
พี่สะใภ้ของนางมีชื่อเสียงภายในหมู่บ้านในเรื่องของความร้ายกาจ นางทั้งด่ากราดและตบตีคนอื่นอย่างรุนแรง
แม่เซียวไม่ต้องการให้เด็กสาวเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้
นางจึงรีบหันไปทางป้าใหญ่ของเซียวป๋ายหลี่ หวังซื่อและพูดว่า “นางแค่ผ่านทางมา หากเจ้าจะทุบตีข้าก็เชิญ แต่นางไม่เกี่ยว”