บทที่ 3 ตาทิพย์ซุนม่อต้องการแช่งชักหักกระดูก
เป็นผู้ช่วยสอน? มันไม่ง่ายขนาดนั้น ตอนนี้งานของเขาในแผนกส่งของก็ยังไม่ปลอดภัยไม่ว่ายังไงก็ตามเขาเคยเป็นครูผู้ดูแลมาหกปีแล้วเคยมีประสบการณ์การเมืองในที่ทำงานมาก่อน
หากไม่มีใครสั่งให้หลี่กงทำเช่นนี้ หัวหน้าแผนกขนส่งอย่างเขาคงไม่เล็งเป้าหมายมาที่เขาโดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะอยู่เฉย เป็นแน่
“มีใครบางคนบงการอยู่ในเงามืดมุ่งเป้ามาที่ข้างั้นหรือ? ข้าจะค้นหาให้พบว่าเจ้าเป็นใคร? แล้วตะเพิดเจ้าออกไปจากโรงเรียน”
ซุนม่อสาบาน หลังจากก้มหน้าแล้วสีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติ ครูใหญ่คนก่อนเคยกล่าวไว้ว่าแม้ว่าคนจะคลั่งไคล้ แต่หัวใจของเขาก็ยังเยือกเย็น พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครเห็นการแสดงออกมาภายนอกของพวกเขา
หลังจากเดินผ่านห้องบรรยายวิทยายุทธการต่อสู้ เขาก็เดินผ่านสนามต่อไปจากนั้นก็เห็นห้องเก็บของทางตะวันตกเฉียงเหนือจากที่นี่ โกดังเหล่านี้ใช้เก็บขยะ
ซุนม่อเดินไปได้ซักพักและรู้ว่าหลี่กงจงใจสร้างเรื่องยุ่งยากให้เขาห้องเก็บของเหล่านี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมเป็นเวลาหลายปี สนิมเขรอะอยู่ตามประตู เห็นได้ชัดว่าไม่ใด้ใช้งานมาเป็นเวลานานโขแล้ว
เขาตั้งใจเลือกโกดังและเปิดประตู กลิ่นฝุ่นละอองที่อยู่บนไม้ที่ขึ้นรูปแล้วฟุ้งเข้ากระทบจมูกของเขา
“ทำความสะอาดทุกอย่างภายในพรุ่งนี้เช้า? เป็นไปไม่ได้แม้ว่าจะจำกัดเวลาเป็นสัปดาห์ก็ตาม”
ซุนม่อถูจมูกไม่จำเป็นต้องถาม เขาจะต้องถูกหลี่กงด่าทอในเช้าวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน
เขาหยิบของบางอย่างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะที่เสียหายหรือกระสอบทรายแตกและบางครั้ง ก็เห็นกลุ่มลูกธนูขึ้นสนิมบนพื้น
ซุนม่อหมดความสนใจในการจัดสถานที่นี้ทันที เขาพบโต๊ะที่ออกแบบมาสำหรับเล่นหมากล้อมและเช็ดโต๊ะสองครั้งก่อนจะนั่งลงขณะที่เขาผึ่งแดดอยู่นั้น เขาเริ่มวิเคราะห์คาถาตาทิพย์ ที่เขาได้รับจากระบบมหาคุรุเมื่อวานนี้
“เมื่อผู้ใช้มุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายผู้ใช้จะสามารถเห็นทุกข้อมูลของเป้าหมายได้ เป้าหมายรวม แต่ไม่จำกัดเฉพาะมนุษย์ สัตว์ ศิลปะการฝึกปรือและสิ่งของ แต่จะมีผลดีที่สุดต่อมนุษย์!”
“หมายเหตุ : ยิ่งความสามารถของท่านสูงเท่าไหร่ ท่านก็ยิ่งเห็นรายละเอียดมากขึ้นเท่านั้น”
ระบบเตือนเขาทันที
“แม้แต่วิชาฝึกปรือและสมบัติวัตถุก็สามารถมองสำรวจได้? นี่มันยอดเป็นบ้า!”
ซุนม่อตกใจมากแม้แต่ครูธรรมดาก็ยังเข้าใจว่าเวทนี้ทรงพลังเพียงใดต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิดก็ตาม
ครูต้องการอะไรมากที่สุด? ก็ต้องเป็นความเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติของนักเรียนแต่ละคน ตอนนี้เขาสามารถอ่านความเข้าใจของนักเรียนแต่ละคนได้ เช่นเดียวกับค่าศักยภาพที่เป็นไปได้ของพวกเขาโดยเน้นไปที่ข้อมูลเหล่านั้น เรื่องนี้มันน่ากลัวแค่ไหน?
ระบบไม่ตอบ แต่ซุนม่อได้แต่เพ้อฝันอย่างเงียบๆหากระบบมีใบหน้า แน่นอนว่าจะต้องมีการสงวนไว้แต่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เหนือชั้นกว่า
“ระดับปรมาจารย์เป็นดัชนีความสามารถใช่ไหม” ซุนม่อได้แต่คาดเดา
“ถูกแล้วดัชนีความชำนาญเป็นวิธีการพิเศษของระบบมหาคุรุ เพื่อประเมินมาตรฐานและระดับของทักษะและเทคนิค”
ระบบทำหน้าที่เหมือนพี่เลี้ยงผู้ใส่ใจ“ดัชนีความชำนาญสามารถแบ่งได้เป็นระดับเบื้องต้น, ดี, ผู้เชี่ยวชาญ, ปรมาจารย์, บรรพบุรุษและระดับตำนาน!”
เนตรทิพย์ในระดับเบื้องต้น จำนวนรายละเอียดที่ได้รับนั้นแทบจะไม่น่าพอใจเลยในระดับดี ถึงจะแสดงข้อมูลพื้นฐานของเป้าหมายโดยอัตโนมัติ ในระดับผู้เชี่ยวชาญเขาจะสามารถเห็นมูลค่าที่เป็นไปได้ของเป้าหมาย
และในระดับปรมาจารย์เนตรทิพย์จะสำแดงจุดแข็ง จุดอ่อน พรสวรรค์ สภาพร่างกายล่าสุด ฯลฯ ของเป้าหมายไม่ว่าในกรณีใด ข้อมูลที่ได้รับจะละเอียดและละเอียดมากยิ่งขึ้น
“ฮ่าฮ่า ได้รับเวทเนตรทิพย์ระดับปรมาจารย์…ชุดของขวัญสำหรับมือใหม่ช่างใจกว้างสำหรับมือใหม่เสียจริง”
หลังจากอ่านคำแนะนำโดยละเอียดแล้ว ซุนม่อก็มีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า เขาดูเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่ขโมยองุ่นจากสวนผลไม้ได้สำเร็จ
“นั่นเป็นเรื่องธรรมดา หากเจ้าเชี่ยวชาญเนตรทิพย์ระดับปรมาจารย์อย่างสมบูรณ์แม้แต่เด็กผู้หญิงที่เป็นโรคริดสีดวงทวารก็ไม่สามารถซ่อนเร้นจากดวงตาของเจ้าได้”
ระบบตอบด้วยความภาคภูมิใจ
“ข้าจะเพิ่มระดับให้ถึงระดับบรรพบุรุษได้อย่างไร”
ซุนม่อเลียริมฝีปากและเพ่งมองอย่างอดใจไม่ไหวขณะที่จ้องมองไปที่ขยะที่อยู่รายรอบ
[โต๊ะทำงานทำจากไม้เนื้ออ่อน ระดับความเสียหายมากกว่า 70% ไม่สามารถซ่อมแซมได้]
[ลูกศรขึ้นสนิมในระหว่างการสร้าง ความเข้มของไฟไม่สูงพอ นี่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ด้อยค่า]
[กำแพงสร้างด้วยวัสดุหินจากภูเขาหวู่หมัน ผู้สร้างใช้ความพยายามอย่างมากในการเจียรมันสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้]
…
ต่อหน้าต่อตาซุนม่อข้อมูลจำนวนมหาศาลก็ลอยขึ้นมาทันที แทบจะทำให้เขาตามืดมัว อย่างไรก็ตามเขาอดที่จะหลับตาไม่ได้ ความรู้สึกของการรับข้อมูลในทันทีนั้นน่าพอใจเหลือเกินเหมือนกับว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นสาวงามที่เปลื้องเสื้อผ้าทั้งหมดออกทำให้เขามองเห็นทุกสิ่งเกี่ยวกับพวกนางได้
“เป็นภาพที่น่าทึ่งมาก”
ซุนม่อยังคงหันศีรษะมองหาต่อไปเขาเหลือบมองหนังสือที่ถูกทิ้ง จดหมายรักที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆและร่องรอยของเด็กหนุ่มที่เพิ่งเริ่มตกหลุมรักที่มุมกำแพงเมื่อสองวันก่อน
ระบบไม่ตอบแต่ซุนม่อไม่สนใจ เขาสนุกเพลิดเพลิน หลังจากดูทุกอย่างในห้องเก็บของแล้วเขาก็หันความสนใจไปที่ห้องเก็บของถัดไป
ทันใดนั้น กระแสของตัวอักษรสีแดงก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางข้อมูลที่ซับซ้อน
[ดาบไม้มะเกลือปรมาจารย์ช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่ใช้เวลาทั้งหมดสามปีในการสร้างอาวุธนี้ในแคว้นเหลียง]
[คุณภาพของไม้นี้มีความเหนียวและไม่ยืดหยุ่น เทียบได้กับเหล็กนอกจากนี้ยังส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่สามารถคงอยู่ได้นานหลายสิบปีส่งผลน่ามหัศจรรย์ในการสงบจิตใจและปัดเป่าฝันร้าย]
นี่เป็นอาวุธวิญญาณและจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ซุนม่อรู้สึกตกใจคือคำอธิบายที่เขียนด้วยสีแดง
[บนตัวดาบไม้นี้มีจารึกวิชาเซียนมหาจักรวาลไร้ลักษณ์ มันเป็นผลิตภัณฑ์ระดับเซียนที่ไม่มีใครเทียบได้]
“นี่เรื่องจริงหรือเปล่า”
ซุนม่อพบว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเชื่อยากจากความทรงจำที่เขาได้รับหลังจากหลอมรวมเข้ากับร่างกายนี้เขารู้ว่าวิชาฝึกปรือในแผ่นดินใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นสามระดับ – เซียน, นภา และปฐพีแต่ละระดับถูกแบ่งออกเป็นคุณภาพระดับต่ำ ปานกลาง สูง และระดับสูงสุด
วิชาฝึกปรือระดับเซียนระดับที่ไม่มีใครเทียบถือเป็นวิชาฝึกปรือขั้นสุดยอดในแผ่นดินใหญ่
“วิชาที่ทรงพลังเช่นนี้ถูกแกะสลักไว้บนดาบไม้?”
ซุนม่อตรวจสอบทันทีที่ด้ามจับ คำเล็กๆ ขนาดเท่าแมลงวัน ถูกแกะสลักด้วยอักษรวิจิตรงดงาม สง่างามมากราวกับหงส์มังกรจากตรงนี้สามารถบอกได้ว่าผู้เขียนมีพรสวรรค์ด้านอักษรวิจิตรสูงมาก
“ค่ำแล้วเมฆดำลอยต่ำลงข้าต่อสู้กับมิตรสหายรักของข้าในการเดินหมากรุกเป็นเวลาสามเดือนและไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียวด้วยอารมณ์อันเบิกบานของข้า ข้าจึงแกะสลักวิชาระดับเซียนที่ไร้รูปแบบไว้บนใบดาบไม้และมอบให้แก่ผู้ถูกลิขิต”
ซุนม่อพูดไม่ออกจากคำพูดเขาสามารถบอกได้ว่าผู้เขียนเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นหากเป็นเขาแทนนักเขียน เขาก็คงจะมีความสุขมากที่จะไปที่ร้านคาราโอเกะ เพื่อร้องเพลงจนสถานที่ระเบิดพังกันไปข้างหนึ่ง
สิ่งที่ซุนม่อไม่รู้ก็คือผู้เคราะห์ร้ายที่พ่ายแพ้ตลอดสามเดือนนั้นได้เร้นกายอยู่อย่างสันโดษเป็นเวลาสามปีหลังจากเหตุการณ์นั้นหลังจากที่เขาออกจากความสันโดษ เขาได้เอาชนะยอดฝีมือระดับประเทศหลายสิบคนจากหลายประเทศในเก้าแคว้นอย่างต่อเนื่องทุกคนจึงให้ฉายาว่า 'เซียนหมากรุก' เขาไม่ได้แพ้การต่อสู้หมากรุกแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน
หลังจากอ่านอย่างละเอียด ซุนม่อก็อุทานเสียงดัง
"เจ๋ง!"
ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นการฝึกฝนเช่นไรแค่การเขียนด้วยลายมือเพียงอย่างเดียวก็คุ้มค่าที่จะเอาใส่กรอบและนั่งชื่นชมทุกวัน
แม้ว่าซุนม่อจะหลอมรวมกับความทรงจำของร่างกายนี้แล้วและเข้าใจแนวคิดของปราณวิญญาณและวิธีการฝึกปรือขั้นพื้นฐานบางอย่างแต่เขาไม่ได้เร่งรีบฝึกฝนวิชาเซียนอันศักดิ์สิทธิ์มหาจักรวาลไร้ลักษณ์เขาปิดประตูห้องเก็บของและตรงไปที่ห้องสมุดเพื่อตรวจสอบข้อมูลบางอย่าง ต้องการทำความเข้าใจเมืองนี้อย่างละเอียดก่อน
นี่คือสิ่งที่ซุนม่อวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น ในฐานะคนที่ชอบวางแผนและตอบโต้ รูปลักษณ์หล่อเหลาที่ดีของซุนม่อไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้เขาได้รับตำแหน่งครูผู้ดูแลไม่นานหลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษา
หอสมุดของสถาบันจงโจวนั้นใหญ่โตมากและคนมากมายแต่ก็เงียบจนได้ยินเสียงเข็มตกแม้ว่านักเรียนทุกคนจะเดิน พวกเขาก็พยายามที่จะชะลอฝีเท้าแผ่วเบา
“บรรยากาศของการเรียนรู้นั้นยอดเยี่ยม!”
ซุนม่อยืนอยู่หน้าชั้นหนังสือไม้และจ้องมองนักเรียนเหล่านี้ที่ดูเหมือนเพิ่งออกมาจากละครย้อนยุคโบราณ เมื่อเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาก็ได้กลิ่นส่วนผสมของหมึกและธูป
การอ่านประวัติศาสตร์เป็นทางลัดในการทำความเข้าใจประเทศและผู้คนอย่างมิต้องสงสัย
แผ่นดินใหญ่ประกอบไปด้วยเก้าแว่นแคว้นคือจิ่วโจว, เหลียงโจว, เซี่ยโจว, หมานโจว, จิงโจว, จงโจว, โยวโจว, หวินโจวและไห่โจว
ซุนม่อเป็นส่วนหนึ่งของชาวถังในภาคกลาง ตอนนี้เขาอยู่ในจิงหลิงสถานที่ใกล้ชิดกับยุคโบราณ มีจักรพรรดิ พระสนม อาสาสมัครและยอดขุนพล รวมทั้งโจรและผู้ลี้ภัยด้วย อย่างไรก็ตามความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือโลกนี้เต็มไปด้วยพลังปราณวิญญาณที่หนาแน่นระหว่างฟ้าและดิน
การเข้าและออกของพลังปราณวิญญาณสามารถเสริมสร้างร่างกายได้ผู้ฝึกปรือจึงถือกำเนิดขึ้น คนอ่อนแอก็มีแรงต่อยถึง 500 กก.และพวกเขาสามารถทำลายหินและโลหะได้อย่างง่ายดายผู้แข็งแกร่งสามารถเปลี่ยนภูเขาและพลิกทะเลได้ รวมถึงการเรียกลมและฝน
ใครบ้างไม่อยากมีภูมิคุ้มกันโรคภัยทั้งปวงและใครไม่อยากอยู่เป็นพันปีโดยไม่ตาย? และนี่เองส่งผลให้สถาบันที่สอนวิธีการฝึกปรือได้ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดหลังฝนตก
แต่ละแว่นแคว้นมีสถาบันระดับสูงสุดสถาบันจงโจวเคยเป็นสถาบันศึกษาอันดับต้นๆ ของของจงโจวและนี่คือสาเหตุที่ทำให้มีคำว่าจงโจว อยู่ในชื่อซึ่งแสดงถึงความรุ่งโรจน์และเกียรติประวัติของสถาบัน อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันได้ตกลงมาจากหนึ่งในเก้าอันดับสูงสุดเป็นระดับ 'สี่'หากไม่สามารถผ่านการแข่งขันประเมินได้ในช่วงปลายปีมันจะถูกลบออกจากระบบและถูกบังคับให้ยกเลิกการเป็นสถาบันศึกษา
“เฮ้อ น่าเสียดาย!”
ซุนม่อยังรู้สึกปวดหัวแทนคู่หมั้นที่เขายังไม่เคยพบหน้า กลับสู่เก้าอันดับแรก? นี่เป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้
ในห้องสมุดมีคัมภีร์สำหรับฝึกปรืออยู่มากมายหลายเล่มและนักศึกษาสามารถเปิดพลิกดูได้มีอยู่ทั่วไปดาดดื่น วิชาฝึกปรือที่ซุนม่อฝึกฝนในอดีตคือดาบพิรุณโปรยและสามารถพบได้ที่นี่เช่นกัน นี่เป็นวิชาที่พบหาได้โดยทั่วไป
มีวิชาฝึกปรือระดับนภาและระดับเซียนน้อยกว่าน้อย ดังนั้นซุนม่อจึงปฏิบัติต่อวิชาเซียนจักรวาลไร้ลักษณ์อันยิ่งใหญ่ที่เขาได้รับโดยบังเอิญในฐานะเป็นสมบัติล้ำค่าเขาเริ่มอ่านมันอย่างจริงจัง
การฝึกปรือนี้แบ่งออกเป็นเก้าระดับ สาระสำคัญคือการสร้างรูปลักษณ์จากความว่างเปล่าและใช้ไร้ลักษณ์เอาชนะรูปลักษณ์นับไม่ถ้วน กล่าวโดยสรุปก็คือ มันสามารถลอกเลียนแบบการเคลื่อนไหวทุกประเภทจากคู่ต่อสู้และสามารถสร้างพลังที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาได้
หืมมม?
ในฐานะครูซุนม่ออ่อนไหวต่อคำเช่น 'ลอกเลียน' มากแต่วิชานี้สามารถใช้เพื่อ หล่อเลี้ยงความเคลื่อนไหวให้กับนักเรียนได้
ไม่ว่าจะเป็นแบบทดสอบหมากรุก หรือแม้แต่การแข่งขันกีฬา ยิ่งท่านสัมผัสคู่ต่อสู้ได้มากเท่าไรท่านก็ยิ่งสะสมประสบการณ์ได้มากเท่านั้น หากท่านทำแบบฝึกหัดให้ลูกศิษย์เป้าหมายได้ท่านจะชนะในการต่อสู้ไปก่อนถึง 30%
“ถ้าศิษย์ของข้าเผชิญหน้ากับศัตรูและข้าใช้กระบวนท่าของศัตรูเพื่อหล่อเลี้ยงเขา ทำไมจะไม่ชนะล่ะ?”
ซุนม่อไม่อาจหุบยิ้มได้ ดูเหมือนว่าเขาจะโชคดีกับงานสอนจริงๆเนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นสถาบันศึกษาคนที่ทิ้งวิชาเซียนมหาจักรวาลไร้ลักษณ์ควรเป็นครูบาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากและมีเกียรติภูมิสูงส่ง
“ขอบคุณ!”
ซุนม่อแสดงความขอบคุณอย่างอ่อนโยน ตอนแรกเขายังกังวลเกี่ยวกับวิชาชีพของเขา แต่ด้วยวิชาเซียนนี้ถูกทิ้งไว้ในสถาบันธรรมดา แม้ว่าเขาจะอยู่ในสถาบันจงโจวแห่งนี้ เขามั่นใจว่าจะสามารถโดดเด่นท่ามกลางคนรอบข้างได้
จากนั้นเขาก็ยืดตัวก่อนเอนตัวพิงเก้าอี้
“เป็นครูผู้ช่วยให้ได้ภายใน 1 เดือน? ข้าจะทำเรื่องนี้ให้ได้ภายในครึ่งเดือน”
ซุนม่ออดกระหยิ่มใจไม่ได้ อย่างไรก็ตามความสุขของเขากลายเป็นความเศร้าทันที
“อนุมัติตามที่ขอ”
เสียงจากระบบดังขึ้นคราวนี้ไม่เหมือนกับพี่เลี้ยงผู้เอื้ออาทรแต่กลายเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายที่คอยรังแกซินเดอเรลล่า “ติง” ระยะเวลาของภารกิจเปลี่ยนแปลง จงกลายเป็นครูผู้ช่วยสอนภายในครึ่งเดือนมิฉะนั้นจะถูกลงโทษ!”
“หือ?”
ซุนม่ออยากร่ำไห้ แต่ไม่มีน้ำตา “ข้าแค่พูดส่งเดช เจ้าต้องถือเป็นจริงเป็นจังด้วย?”
วูบบบ
ทันใดนั้นรัศมีสีทองแผ่กระจายไปทั่วห้องสมุด จิตใจของซุนม่อเหนื่อยล้าจากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด ทว่าบัดนี้เขามีความสดชื่นเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจทันทีราวกับว่าฉีดสารกระตุ้นมาฉะนั้น
“รัศมีมหาคุรุ!”
นักเรียนบางส่วนอุทานด้วยความตกใจ