บทที่ 2 : ตัวซวยในบ้าน
บทที่ 2 : ตัวซวยในบ้าน
สือชิงลั่วชูลูกบอลสีดำที่อยู่ในมือขึ้น
นางจงใจทำหน้าตาคล้ายคนที่กำลังคลั่ง “ในเมื่อพวกเจ้าอยากให้ข้าตายนัก เช่นนั้นก็มาตายด้วยกันเสียเลย”
ลูกชายคนที่สามของบ้านสือพูดถากถาง “เจ้าอยากให้พวกข้าตายด้วยก้อนดำๆในมือของเจ้าอย่างนั้นหรือ? สมองของเจ้าคงใช้การไม่ได้แล้วสินะ?”
ทุกคนต่างมีสีหน้าเยาะเย้ย พวกเขาคิดว่านังเด็กน่าตายคงจนตรอกจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว
สือชิงลั่วยิ้มเยาะ “เช่นนั้น ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้เห็น”
นางหยิบที่จุดไฟออกมาจากอกเสื้อและจุดไฟใส่ลูกบอลสีดำ จากนั้น นางก็โยนมันไปทางพื้นที่ว่างอีกด้านของลานบ้าน
เจ้าของร่างเดิมต้องจุดไฟเพื่อทำอาหารในทุกๆวัน นางจึงมีที่จุดไฟติดตัวอยู่เสมอ
นางอยากโยนมันไปทางพวกเขา แต่หากมีคนได้รับบาดเจ็บหรือตายขึ้นมา นางก็ต้องติดคุก มันไม่คุ้มค่าเลยสักนิด
“บูม!” ลูกบอลสีดำระเบิด
มันทำลายต้นไม้ที่ปลูกไว้ในลานบ้านและเหลือไว้เพียงหลุมที่พื้นเท่านั้น
ทุกคนต่างตื่นตะลึง
เมื่อได้เห็นพลังอำนาจของลูกบอลสีดำแล้ว คนบ้านสือต่างนึกถึงนักพรตเต๋าที่ขึ้นสู่สวรรค์กลายเป็นเซียนไปแล้ว
เมื่อสองเดือนที่แล้ว ได้เกิดเสียงระเบิดคล้ายกันขึ้นบนเขา จากนั้น ก็มีเปลวไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้นักพรตเต๋าตายและเหลือไว้เพียงวัดเต๋าที่ได้รับความเสียหายเท่านั้น
ทุกคนรวมไปถึงคนบ้านสือ ต่างเชื่อว่านักพรตเต๋าได้กลายเป็นเซียนไปแล้ว
แต่ตอนนี้ พวกเขาชักเริ่มไม่แน่ใจ
สือชิงลั่วกำลังเล่นลูกบอลสีดำอีกลูกที่อยู่ในมือ นางเลิกคิ้วและมองไปทางพวกเขา
“พวกเจ้ายังอยากลิ้มลองพลังของลูกไฟอยู่อีกหรือไม่? นี่คือสิ่งที่อาจารย์มอบให้ข้าเพื่อใช้ป้องกันตัว ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อ พวกเจ้าอยากจะลองดูก็ได้”
นางทำเสียงฮึมฮัม “หากข้าต้องแต่งเข้าตระกูลหวูและถูกฝังไปพร้อมกับคุณชายหวู เช่นนั้น พวกเจ้าทุกคนก็ต้องตายไปพร้อมกับเขา มันคงคึกคักน่าดูหากได้ไปพร้อมกันหลายๆคน”
นี่คือลูกระเบิดที่นักพรตเต๋าได้ทำการคิดค้นขึ้นมา
เขากำลังศึกษาเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุ และบังเอิญสร้างระเบิดออกมาได้
หลังจากนั้น เขาก็เริ่มศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมและยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องตาย
หลังจากที่นักพรตตายไปแล้ว เจ้าของร่างเดิมก็นำตำรา หีบใส่ของสองหีบ และลูกบอลสีดำออกมาจากซากปรักหักพัง
สือชิงลั่วมาจากโลกอนาคต ทันทีที่นางได้เห็นของสิ่งนี้ นางก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือระเบิด
นางจึงนำมันออกมาใช้งาน
ลูกชายสามบ้านสือไม่อยากตาย เขาจึงไม่กล้าเข้าไปจับนางเพื่อส่งไปฝังร่วมกับคุณชายหวู
คนบ้านสือต่างพูดไม่ออก
ไม่ พวกเขาไม่อยากลิ้มลองพลังของมัน และไม่อยากถูกฝังไปกับคุณชายหวู
ตาเฒ่าสือที่เงียบอยู่นานก็ได้พูดขึ้นมา “เจ้าต้องการอะไร?”
สือชิงลั่วพูด “ข้าต้องการให้พวกเจ้ายกเลิกสัญญาการแต่งงานกับคนตระกูลหวู และข้าต้องการเลือกคนที่ข้าต้องการแต่งงานด้วยในภายภาคหน้า”
“แต่หากข้าไม่รอด เช่นนั้นพวกเราก็ตายไปด้วยกันเสียเลย”
“อาสี่เป็นบัณฑิตที่มีอนาคตสดใสรออยู่ เขาอาจจะกลายเป็นขุนนางในอนาคต ข้าไม่คิดว่า เขาอยากตายตั้งแต่อายุยังน้อย จริงหรือไม่?”
ลูกชายสี่บ้านสือมีท่าทีลังเล เขายังไม่อยากตายตอนนี้
นังเด็กน่าตายจับจุดอ่อนของพวกเขาได้ในทันที
ตาเฒ่าสือมองไปทางยายเฒ่าสือ
นางจึงทำได้เพียงยิ้มขออภัยหญิงชรา “ท่านก็เห็น เราไม่มีทางเลือกจริงๆ”
สือชิงลั่วมองไปทางหญิงชราด้วยแววตามุ่งร้ายและส่ายลูกบอลสีดำในมือไปมา “ไม่สำคัญว่าตระกูลหวูต้องการให้ข้าแต่งงานเข้าไปหรือไม่ แต่ในเมื่อพวกเจ้าล้วนรู้สึกสงสารเห็นใจคุณชายหวู เช่นนั้นเราก็ลงนรกไปพร้อมกันเถอะ”
นางยกยิ้มและถาม “ข้าเชื่อว่า พวกเจ้าคงอยากไปรับใช้คุณชายหวูในโลกหลังความตายเช่นกัน ใช่หรือไม่?”
หญิงชราและบ่าวที่อยู่ด้านหลัง “...” ไม่ พวกเขาไม่ต้องการ
นางรู้ว่า ตราบใดที่นังเด็กน่าตายมีของสิ่งนั้นอยู่ในมือ พวกนางก็ไม่สามารถพาตัวนางไปด้วยได้ เพราะต่างก็ไม่มีผู้ใดอยากตาย
กระต่ายจะกัดก็ต่อเมื่อมันตื่นตระหนก มนุษย์ก็เช่นกัน
ทั้งหมดเป็นความผิดของคนบ้านสือ พวกเขาปล่อยให้นังเด็กน่าตายรู้ตัวว่าจะถูกส่งไปตาย พวกเขาเป็นตัวไร้ประโยชน์ที่ทำลายแผนการทั้งหมดลง
ไม่รู้ว่าการหาตัวเจ้าสาวคนใหม่จะทันเวลาหรือไม่
“ในเมื่อสือกูเหนียงไม่ต้องการแต่งเข้าตระกูลหวู ข้าก็คงต้องกลับไปรายงานให้นายท่านผู้เฒ่าและฮูหยินทราบ”
หลังจากพูดกับสือชิงลั่วจบ นางก็หันไปพูดกับยายเฒ่าสือ “เจ้าส่งคนตามข้ากลับไปยกเลิกการแต่งงานที่ตระกูลหวู”
ยายเฒ่าสือหันไปทางหนิวซื่อกับลูกชายคนที่สามของนางด้วยสีหน้าไม่น่าดู “พวกเจ้าไปซะ”
พวกเขาต้องสูญเสียเงินในมือไป ในใจของพวกเขาต่างสาปแช่งนังเด็กน่าตายไม่หยุด
หลังจากพวกเขากลับไปกันแล้ว สือชิงลั่วก็ใช้เชือกมัดระเบิดที่เหลืออยู่และพันเอาไว้รอบเอวของตัวเอง แต่นางยังคงถือที่จุดไฟเอาไว้ในมือไม่ปล่อย
หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว นางก็หันไปทางลูกชายสามบ้านสือและเลิกคิ้วขึ้น “หากผู้ใดอยากตาย ก็บอกข้าได้ ข้ายินดีช่วยให้พวกเขาสมปรารถนา”
ยายเฒ่าสืออดสาปแช่งออกมาไม่ได้ “เจ้ามันไร้หัวใจ ทำไมถึงได้กล้าปฏิบัติกับผู้อาวุโสเช่นนี้? เจ้าไม่กลัวตกนรกหรืออย่างไร? เจ้า...”
“หากพวกเจ้าไม่กลัวตกนรก ข้าก็เช่นกัน” สือชิงลั่วยิ้มเยาะ
“ดูเหมือนว่า ท่านย่าอยากลงไปเดินเล่นที่นั่นล่วงหน้าใช่หรือไม่?”
จากนั้น นางก็หยิบลูกบอลสีดำออกมาลูกหนึ่งและทำสีหน้าราวกับกำลังจะจุดไฟและโยนออกไป
ยายเฒ่าสือที่เอาแต่สบถด่าก็ต้องเงียบปากในทันที ราวกับมีใครอุดปาดเอาไว้
คนอื่นต่างโมโหจนหน้าอกร้อนราวกับถูกไฟเผา แต่พวกเขาต่างก็ไม่มีใครกล้าว่ากล่าวนาง
สือชิงลั่วหาว “ข้าจะกลับไปนอน ถึงเวลาอาหารก็ปลุกข้าด้วยล่ะ”
“ไม่อย่างนั้นละก็!” นางโยนลูกบอลในมือขึ้นลงและส่งยิ้มเย็นในกับคนในลานบ้าน “พวกเจ้าคงรู้ดีว่าข้าหมายถึงอะไร”
คนบ้านสือ “......” ทำไมในบ้านของพวกเขาถึงได้มีมารร้ายอยู่ด้วย?
สือชิงลั่วเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องเก็บฟืน นี่เป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าของร่างเดิมหลังจากที่กลับมาอยู่บ้าน
เจ้าของร่างเดิมใช้แผ่นไม้สองแผ่นทำเป็นที่นอน ส่วนฟูกกับผ้านวมเป็นของที่นางนำกลับมาจากวัดเต๋า
นางล้มตัวลงนอนและคิดถึงสิ่งที่จะทำต่อจากนี้
จากความทรงจำ นางได้เรียนรู้ว่า นี่คือราชวงศ์ที่ไม่ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง และเกิดเป็นราชวงศ์ต้าเหลียงขึ้นมาแทนที่
ราชวงศ์ต้าเหลียงมีจักรพรรดิขึ้นครองราชย์เพียงสองพระองค์เท่านั้น
มันมีความคล้ายคลึงกับราชวงศ์ถัง ที่ค่อนข้างอิสระและสตรีไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบมากนัก ซึ่งคล้ายกับช่วงปลายของรัชสมัย
แต่สตรีจะสามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองและออกไปใช้ชีวิตตามลำพังได้ก็ต่อเมื่อพวกนางไร้บ้านเดิมหรือสามีตายเท่านั้น
ดังนั้น มันเป็นไม่ได้ที่นางจะแยกตัวออกจากบ้านสือ
และยิ่งเป็นไปไม่ได้ หากนางต้องการหนีไปเพียงคนเดียว
นั่นเป็นเพราะนางจำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนเมื่อต้องเดินทางไปต่างถิ่น
หากนางถูกจับได้ว่าหนีมา นางก็จะถูกจับและกลายเป็นทาส นางจะถูกตีตราเป็นทาสหลวงและถูกขายหรือเนรเทศ
โดยเฉพาะในช่วงที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ มักมีกฎเกณฑ์ที่แต่ละอาณาจักรให้ความสำคัญ ทุกอาณาจักรล้วนกลัวการสูญเสียกำลังคน พวกเขาจึงเข้มงวดกับเรื่องทะเบียนราษฎร์เป็นพิเศษ
อีกทั้งยังมีกฎเกณฑ์งี่เง่าที่เมื่อบุรุษวัย 17ปี และสตรีในวัย 18 ปีที่ยังไร้คู่ พวกเขาก็จะถูกทางการบังคับให้ต้องแต่งงาน
หากพวกเขาไม่ยินยอมหรือต่อต้าน พวกเขาก็จะถูกจับขังด้วยโทษของการขัดต่อกฎหมาย
ตอนนี้ นางอายุเกือบสิบหกปีแล้ว เหลือเวลาเพียงหนึ่งปีกว่าก่อนที่จะถูกบังคับให้ต้องแต่งงาน
หลังจากที่คิดดูแล้ว สือชิงลั่วก็คิดได้ว่า มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ และนั่นก็คือการแต่งงาน
หากคนบ้านสือเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องโยนนางลงไปในกองไฟอีกกองเป็นแน่
สือชิงลั่วไม่มีทางทำร้ายตนเอง
แทนที่จะให้คนอื่นตัดสินใจเรื่องการแต่งงาน นางขอเป็นผู้เลือกคนที่เหมาะสมเองดีกว่า