บทที่ 19 เมื่อข้าสอนอยู่เจ้ามีคุณสมบัติใดมาขวางข้า
เมื่อร่างสถิตเสร็จสิ้นภารกิจระบบจะแจกหีบสมบัติตามความยากของภารกิจ จากต่ำไปสูง ระดับของหีบเป็นเหล็กดำ ทองแดงเงิน ทอง และหีบสมบัติเพชร
เมื่อเปิดกล่องสมบัติ ร่างสถิตจะมีโอกาสได้รับรางวัลยิ่งระดับหีบสมบัติสูงเท่าไหร่ รางวัลก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
นอกจากนั้นยังมีหีบสมบัติอีกประเภทหนึ่งชื่อว่าหีบสมบัตินำโชค นี่คือสิ่งที่ร่างสถิตจะได้รับทุกเที่ยงคืนเมื่อตัวจับเวลานับเวลาใหม่อีกครั้งหีบสมบัติประเภทเดียวกันนี้ขายในร้านค้าระบบ โดยใช้คะแนนความประทับใจ 10 แต้มต่อหนึ่งหีบ
แม้ว่าโอกาสที่จะได้รับสมบัติดีๆ จะน้อยมากแต่หีบสมบัตินี้เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตคนจมน้ำแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่การมีอยู่ของความหวังก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจได้
“ระบบ ตอนนี้ข้ามีคะแนนความประทับใจเท่าใดแล้ว”
ซุนม่อถามอย่างเงียบๆ
“170”
ระบบตอบอย่างกระชับและตรงประเด็น
“ข้าจะซื้อหีบสมบัตินำโชค 10 กล่อง”
“ติง! การแลกเปลี่ยนสำเร็จหีบสมบัตินำโชคของเจ้าเข้าไปอยู่ในที่เก็บของแล้ว”
ความจริงซุนม่อรู้คำตอบแล้วคำถามของเขาคือการทดสอบระบบแต่น่าเศร้าที่ไม่มีช่องโหว่ใดที่เขาสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้
การกระทำของระบบนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ยอมให้ซุนม่อมีโอกาสเสียใจกับคำพูดของเขา
“ทำไมยังต้องเปิดตู้เก็บของอยู่? แค่นำมันออกมาทั้งหมดข้าต้องการเปิดมัน”
หลังจากที่ซุนม่อพูด หีบสมบัติก็ปรากฏต่อหน้าต่อตาเขาเขาไม่ได้ทำอะไรที่เชื่อโชคลางเช่นสวดมนต์ขอให้โชคดีหรือล้างมือเพื่อล้างความซวยเขาเพียงแค่พึมพำคำว่า 'เปิด'
อย่างเงียบๆ หีบสมบบัติเปิดออกไม่มีอะไรอยู่ในนั้น ไม่มีแม้แต่ข้อความปลอบใจที่ระบุว่า 'โปรดลองอีกครั้งในครั้งต่อไป!'
ซุนม่อพูดต่อ
เขาเปิดหีบนำโชคอีกครั้ง แต่ไม่ได้รับอะไรเลยมันเป็นอย่างนั้นทั้งสิบหีบ
“…”
ซุนม่อรู้สึกอยากจะด่าแม่ของระบบยิ่งนักเขาอยากจะสบถด่าออกมาดังๆ คะแนนความประทับใจ 100 คะแนนสำหรับหีบสมบัตินำโชคสิบหีบ แต่เขากลับไม่ได้รับอะไรเลย
“เจ้าเป็นคนที่โชคร้ายมาก ทำไมเจ้าถึงพยายามเสี่ยงโชคของเจ้า? ครอบครัวของเจ้าเป็นเจ้าของเหมืองหรือ? เจ้าคิดว่ามันง่ายมากที่จะได้รับคะแนนความประทับใจหรือ?”
ซุนม่อพึงกับตัวเองเงียบๆ เขาเอามือซ้ายของเขา
“เพียะ!”
"อา?"
หลี่จื่อฉีสะดุ้งร้องออกมา รู้สึกกลัวเล็กน้อยอย่างไรก็ตามเมื่ออาจารย์ซุนจริงจัง เขาก็ดูหล่อมากเช่นกัน
“ระบบ! เหลืออีกเจ็ด…ช่างมันเถอะ!”
ขณะที่ซุนม่อพูดครึ่งประโยคเขาก็นึกถึงหีบสมบัตินำโชคที่เขาจะได้รับทุกเที่ยงคืน ในช่วงสองสามวันนี้เขาไม่ได้เปิดมันดูเลย ดังนั้นเขาจึงตรวจสอบอย่างรวดเร็วและพบว่าเขามีห้ากล่อง
“เปิดหีบทั้งหมด!”
ซุนม่อขี้เกียจเกินไปที่จะเปิดทีละกล่องดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งรวดเดียว
ควั่บ, ควั่บ, ควั่บ
~ เกิดแสงสว่างวาบขึ้นทันใดนั้น คัมภีร์ที่เปล่งรัศมีสีทองหนาแน่นก็พุ่งออกมาจากหีบสมบัติอันนำโชคและลอยอยู่ต่อหน้าซุนม่อ
“ยินดีด้วย ท่านได้รับ 'เคล็ดการสร้างกล้ามเนื้อ'ระดับปรมาจารย์ นี่เป็นหนึ่งในสี่เคล็ดย่อยของวิชาการนวดแผนโบราณ’
“การใช้เคล็ดการสร้างกล้ามเนื้อกับเป้าหมายสามารถเพิ่มพลังของเซลล์เป้าหมายเพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเป้าหมาย ฟื้นฟูความเสียหายของกล้ามเนื้อ เพิ่มการเร่งเร้าพลังและเพิ่มเพลังสำรองของปราณจิต”
“คุณตั้งใจแน่วแน่จะให้ข้าไปอยู่บนเส้นทางของหมอนวดใช่ไหม!”
ซุนม่อพูดไม่ออกสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือสุดยอดโอสถซึ่งสามารถใช้ยกระดับความแข็งแกร่งในการต่อสู้ได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม เคล็ดการสร้างกล้ามเนื้อก็ไม่เลวมันยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
“ชีเซิ่งเจี่ย! กลับมานี่!”
ซุนม่อกล่าว
ชีเซิ่งเจี่ยหันไปมองด้วยความสิ้นหวัง“อาจารย์ซุน ข้าไม่มีทางชนะแน่”
สีหน้าของซุนม่อเย็นชาขณะที่เขาเดินมาถึงหน้าชีเซิ่งเจี่ยเขายกมือขึ้นตบหน้า
เผียะ!
เสียงตบที่ชัดเจนดังขึ้น ทำให้ครูสตรีที่เดินผ่านไปตกใจและอดไม่ได้ที่จะหันมองมาทางนี้
“พูดอีกทีสิ!”
ซุนม่อตวาด
ชีเซิ่งเจี่ยรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่านี้แล้วความเจ็บปวดจากการตบครั้งนี้มันเพื่ออะไร? “อันดับของเผิงว่านลี่อยู่ที่106…”
เผียะ!
การตบของซุนม่อขัดจังหวะคำพูดของชีเซิ่งเจี่ย
“พูดอีกครั้ง!”
“อันดับของเผิงว่านลี่…”
เผียะ!
ซุนม่อตบอีกครั้ง
“พูดอีกครั้ง!”
“เผิงว่าน…”
เผียะ!
คราวนี้ก่อนที่ชีเซิ่งเจี่ยจะพูดชื่อของเผิงว่านลี่จบคำพูดตามหลังทั้งหมดของเขาถูกตบกลับเข้าไปในลำคอของเขาด้วยการตบ
หลี่จื่อฉีเฝ้าดูขณะที่หัวใจของนางสั่นไหว
"อาจารย์…"
ชีเซิ่งเจี่ยไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถูกตบ
“เจ้ายังไม่ได้ขึ้นเวที เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเจ้าจะแพ้แน่นอน”
ซุนม่อโกรธมากตั้งแต่สอนลูกศิษย์จนบัดนี้ก็ไม่เคยตีใครมาก่อน แต่ชีเซิ่งเจี่ยนี้อ่อนแอเกินไป“ในฐานะลูกผู้ชาย เจ้าอาจแพ้ได้ แต่เจ้าไม่อาจเลือกหนีได้โดยไม่มีการสู้ เจ้ารู้ไหมว่าหน้าตาเจ้าเป็นยังไง? มันดูเหมือนสุนัขหลงทางที่น่าสมเพชรู้ตัวหรือเปล่า?”
ครูสตรีพยักหน้าโดยไม่ตั้งใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาที่สวยงามของนางหันไปทางซุนม่อขณะที่นางสำรวจเขา
“อาจารย์ซุน! แม้ว่าเขาจะขึ้นไปบนเวทีเขาก็ไม่สามารถชนะได้ และถ้าเขาได้รับบาดเจ็บเขายังต้องใช้เงินในการรักษาหลังจากนั้น”
โจวชี่พูดช่วยชีเซิ่งเจี่ย
"หุบปาก!"
ซุนม่อหันกลับมาและจ้องเขม็งไม่ปราณี“เมื่อข้าสอนบทเรียนให้ใครซักคน เจ้ามีคุณสมบัติใดถึงได้มาขวาง”
“เอ่อ!”
โจวชี่รีบก้มศีรษะลงหลังจากเห็นว่าซุนม่อดุด่ารุนแรงเพียงใดอย่างไรก็ตามในใจของเขาไม่ยอมรับคำพูดของซุนม่อว่าถูกต้องแม้ว่าการกระทำในปัจจุบันของชีเซิ่งเจี่ยนั้นน่าขายหน้า แต่จะแตกต่างอะไรกัน ถ้าเขาขึ้นไปบนเวที?
“แม้ว่าเจ้าจะเอาชนะไม่ได้ เจ้าก็ไม่อาจปล่อยให้คู่ต่อสู้ของเจ้าชนะได้ง่ายเกินไปทำตัวเหมือนหมาบ้า ไปกัดมัน กัดมันอย่างอำมหิต ทำให้แน่ใจว่าครั้งต่อไปที่เขาพบเจ้าปฏิกิริยาแรกของเขาจะได้ไม่คิดว่าเจ้าเป็นสุนัขที่ขลาดกลัวและอ่อนแอแต่เป็นสุนัขบ้าที่สามารถกัดเขาได้บ้าง”
ซุนม่อสั่งสอน
คิกๆๆ!
ครูสาวอดที่จะหัวเราะออกมาดังๆ ไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนี้ (คนที่หน้าตาไม่คุ้นเคยคนนี้ เขาเป็นครูฝึกสอนในปีนี้หรือเปล่า?น่าสนใจจริงๆ) เมื่อนางเตรียมผละจากไป ก็มีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ร่างกายของซุนม่อเริ่มเปล่งแสงสีทองเป็นชั้นๆ
หลังจากนั้น แสงสีทองก็แผ่กระจัดกระจายออกไปด้านนอกฉายลงบนร่างของชีเซิ่งเจี่ย และห่อหุ้มคนอื่นๆ
ชีเซิ่งเจี่ย ก็รู้สึกถึงความตั้งใจและจิตวิญญาณในการต่อสู้
“รัศมีมหาคุรุ!”
นักเรียนคนหนึ่งร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อทุกคนหันหน้าไปดู
“คำพูดของอาจารย์ซุนมีเหตุผล!”
ใบหน้ารูปเมล็ดแตงโมที่งดงามของหลี่จื่อฉีเป็นสีทองเมื่อแสงอาทิตย์ฉายลงมาที่นางจากการศึกษาที่นางได้รับบอกนางว่าคำพูดของซุนม่อนั้นไม่สุภาพนัก แต่เมื่อนางคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องนี้มันก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล
ถ้าชีเซิ่งเจี่ยถอนตัวหนีออกไปในเวลานี้ราวกับสุนัขที่น่าสมเพชในอนาคตเมื่อคู่ต่อสู้ของเขาพบเขาอีกครั้ง ก็จะต้องเยาะเย้ยเขาอย่างแน่นอนและจะไม่กลัวที่จะต่อสู้อีกแต่ถ้า ชีเซิ่งเจี่ย ตั้งใจแน่วแน่ที่จะกัดคู่ต่อสู้ของเขาแม้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นผู้ชนะเขาอาจจะเปลี่ยนเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงเขาในครั้งต่อไปที่พวกเขาพบกันท้ายที่สุดไม่มีใครอยากถูกสุนัขบ้ากัดถึงสองครั้ง
“นี่เป็นถ้อยคำปรัชญาจากอาจารย์ซุนใช่หรือไม่”
ติง!
คะแนนความประทับใจ จากหลี่จื่อฉี+1
ความเชื่อมสัมพันธ์กับหลี่จื่อฉี สถานะ : เป็นกลาง (5/100)
ซุนม่อกำลังให้กำลังใจชีเซิ่งเจี่ย ก็ตกใจที่จู่ๆได้ยินการแจ้งเตือนของระบบ เขาหันไปมองหลี่จื่อฉีโดยไม่ได้ตั้งใจ
เด็กสาวสวมชุดบุรุษ เมื่อนางเห็นซุนม่อเหลือบมองนางโบกมืออย่างแรงเพื่อให้กำลังใจเขา
"อะไร? ข้าทำอะไร?ข้ายังสามารถได้รับคะแนนความประทับใจเช่นนี้ด้วยหรือ?”
ซุนม่อพูดไม่ออกอย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรีบเร่งเพิ่มขวัญกำลังใจของ ชีเซิ่งเจี่ย ทำให้เขามีความมั่นใจ
“ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะใช้สุดยอดเคล็ดวิชาของข้าชีเซิ่งเจี่ย มากับข้า”
ซุนม่อเป็นคนเดินนำไปที่โถงประลองเตรียมที่จะยืมใช้ห้องรับรองเขาต้องการใช้เคล็ดวิชาการนวดแผนโบราณของเขากับชีเซิ่งเจี่ย เนื่องจากเขาไม่สามารถใช้เคล็ดวิชานี้นวดในที่สาธารณะขนาดเล็กนี้ได้เพราะหากเป็นแบบนี้ชื่อของหมอนวดอาจจะติดอยู่กับเขาตลอดไปและไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เพื่อชำระล้างมลทินตัวเอง
เมื่อได้ยินคำว่า 'สุดยอดเคล็ดวิชา'ดวงตาของชีเซิ่งเจี่ยไม่เพียงสว่างวูบวาบ แม้แต่หวังฮ่าวและโจวชี่ก็รีบตามเขาไปด้วยหลี่จื่อฉีไม่ได้พูดอะไร ราวกับว่านางเป็นลูกสุนัขที่เชื่องเชื่อและเดินตามหลังซุนม่ออย่างเงียบๆ
เนื่องจากวันนี้เป็นวันทดสอบ จึงต้องมีงานหลายอย่างแต่เนื่องจากชื่อเสียงของโถงประลองนั้นยอดเยี่ยมมากมันจึงง่ายมากสำหรับพวกเขาที่จะหานักเรียนอาสาเข้ามาช่วยเหลือ
เมื่อมองไปที่ปลอกแขนสีแดงที่อาสาสมัครมีพันไว้ที่แขนซุนม่อคิดว่าอำนาจของพวกเขาไม่ควรมาก ดังนั้นเขาจึงมองหาจูถิ่งนักเรียนที่เป็นประธานในการจับฉลากก่อนหน้านี้
“ยืมห้องรับรอง?”
จูถิ่งขมวดคิ้วและสำรวจซุนม่อ แต่น้ำเสียงของเขาเป็นการปฏิเสธในตัว“ขออภัย ห้องรับรองของโถงประลอง มันไม่เคยถูกยืมมาจากบุคคลภายนอกมาก่อน”
“ข้าจะใช้มันเป็นเวลาไม่เกิน 20นาทีเท่านั้น”
ถ้าไม่ใช่เพื่อชีเซิ่งเจี่ย ซุนม่อจะไม่พูดแบบนี้จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “ข้าสามารถจ่ายเงินได้”
“ฮะฮะ ห้องรับรองของโถงประลอง ไม่ใช่สิ่งที่ท่านสามารถยืมได้ด้วยการใช้จ่ายเงิน”
จูถิ่งหัวเราะน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่า แม้แต่นักเรียนสองสามคนที่อยู่ข้างๆเขาก็มีสีหน้าที่คล้ายคลึงกัน
ซุนม่อหันศีรษะและจากไปพร้อมกับจดชื่อจูถิ่งไว้ในสมุดเล่มเล็กในใจของเขานักเรียนจากโถงประลองจะน่าทึ่งมากไหม? เมื่อเขากลายเป็นครูอย่างเป็นทางการเขาจะเข้าไปในโถงประลองในฐานะครูที่ปรึกษาและให้เจ้าพวกนี้เรียกเขาว่า 'ครู' ทุกวัน
“เขาคงจะเป็นครูฝึกสอน!”นักเรียนคนหนึ่งเตือนจูถิ่ง
“แล้วไง?”
จูถิ่งขมวดคิ้ว “ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาจะได้อยู่ต่อในสถาบันได้หรือไม่!”
ถ้าเป็นครูของสถาบันถาม จูถิ่งอาจเห็นด้วยแต่ครูฝึกสอน?ใครจะสนใจเขา?
เมื่อพูดถึงสถานะจูถิ่ง ในฐานะนักสู้อันดับที่5 ของโถงประลอง เขาได้รับการยกย่องอย่างสูงจากครูหลายคน และอยู่ในประเภทนักเรียนที่มีอนาคตที่สดใสครูไม่กี่คนได้แสดงเจตนาอย่างเปิดเผยที่จะยอมรับเขาเป็นศิษย์ส่วนตัว แต่จูถิ่งปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด
'นกตัวหนึ่งเลือกต้นไม้เพื่อทำรัง'จูถิ่งกำลังรอข้อเสนอที่ดีเช่นกันท้ายที่สุดเมื่อมีครูที่ดีคอยปกป้องเขาจากลมและฝน เส้นทางในอนาคตของเขาจะง่ายมากขึ้น
“จูถิ่ง!”
จูถิ่งซึ่งปัจจุบันทำตัวเป็นหัวหน้าใหญ่กำลังสั่งสอนอาสาสมัครในเรื่องต่างๆราวกับพี่สอนน้อง เมื่อได้ยินคำเรียกเช่นนั้น เขายิ้มอย่างสดใสทันทีก่อนจะหันศีรษะในเวลาเดียวกัน เขาก็เกร็งท้องและยืดหน้าอกออกโดยใช้ท่วงท่าทางที่สมบูรณ์แบบ
“อาจารย์จิน!”
จูถิ่งขานรับ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและแม้แต่ท่าทีก็มีความเป็นมิตรอย่าดูถูกคำว่า 'อาจารย์จิน' เขาฝึกฝนเป็นการส่วนตัวเพื่อเรียกคำเหล่านี้ออกมาผสมผสานกับอารมณ์ของเขา
“ทำไมครูฝึกคนนั้นถึงมาหาเจ้าก่อนหน้านี้”
จินมู่เจี๋ยสวมชุดคลุมยาวสีขาวนวลจันทร์มีด้ายสีทองสามเส้นปักอยู่ที่ข้อมือและด้านล่างของเสื้อคลุม นี่เป็นข้อบ่งชี้ของมหาคุรุ3 ดาว
จูถิ่งไม่กล้าปิดบังแต่อย่างใดเขารีบรายงานทันที
“อือ ให้ห้องพักพวกเขา”
หลังจากที่จินมู่เจี๋ยพูดจบนางก็หันหลังและจากไป
นักเรียนเพียงชำเลืองมองกันและกันก่อนจะรีบก้มหน้าลง
ผลที่ตามมาของการทำให้มหาคุรุขุ่นเคืองคือการถูกไล่ออกทันที
“อืม!”
หลังจากที่จินมู่เจี๋ยออกไป จูถิ่งก็วิ่งไล่ตามซุนม่อในเวลาเดียวกันเขาก็ขมวดคิ้ว เป็นไปได้ไหมที่อาจารย์จินคุ้นเคยกับครูฝึกสอนคนนี้? หากเป็นกรณีนี้ทัศนคติก่อนหน้านี้ของเขาจะทำให้ครูฝึกหัดรู้สึกเกลียดชังในใจหรือไม่?
“ตอนนี้มีห้องรับรองแล้วหรือ?”
หลี่จื่อฉีพูดอย่างมีความสุขเมื่อจูถิ่งปรากฏตัวและพูดกับพวกเขา
“ใช่ ข้าจะพาพวกเจ้าทุกคนไปที่นั่น!”
แม้ว่ารอยยิ้มของจูถิ่งจะไม่สดใสแต่การแสดงออกของเขาดีกว่าเมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ของปลาตายก่อนหน้านี้มาก